บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ชายลึกลับที่ตรอดดำ 100%

ประตูชายแดนที่จะออกสู่อาณาเขตทะเลทรายมีผู้คนไม่มากนัก รถโฟร์วิลอีกคันจอดรออยู่แล้ว โชคดีที่คนในรถเป็นอาเธอร์คนที่หญิงสาวคุ้นเคย สิรินดารีบวิ่งเข้าไปทักทายเขาทันที ชายหนุ่มอเมริกาหน้าตาหยาบย่นหันมองนายจ้างของเขาก่อนจะส่งยิ้มเรียบๆ ให้เธอ

“ไม่อยากเชื่อว่าคุณมาลุยงานเอง”

“ถ้าคนงานของผมไม่ป่วยกะทันหันผมคงไม่ต้องออกมาเสียเหงื่อกับคุณหรอก” สิรินดาเบ้ปากก่อนจะหัวเราะอย่างโล่งใจ

“เรียบร้อยดีมั้ยคะ”

“ครับแต่เรามีเวลาที่จะเดินทางแค่แปดชั่วโมงเท่านั้น”

“เฮ้ยทำไมน้อยจัง”

“พายุทะเลทรายกำลังจะเข้า...ผมขอร้องเค้าตั้งหลายรอบกว่าจะยอม”

“ยอดหยี้งี้เง้าเอ๊ย”

“ซาช่า นั่นมันภาษาอะไรของคุณ ฮ่าๆ สาวน้อยเดินทางกันเถอะเดี๋ยวจะเสียเวลา”

สิรินดาขอไปนั่งรถคันที่อาเธอร์เป็นคนขับพร้อมกับลูกทีมอีกหนึ่งคน ถึงรถคันนี้จะเก่ากว่าและวิ่งไม่เร็วเท่าคันเมื่อครู่แต่หญิงสาวก็มีความรู้สึกว่าเธอปลอดภัยแน่นอน อาเธอร์ขับตามรถคันหน้าไปไม่ห่างเท่าไรนัก ดูเหมือนใบหน้าย่นหยาบก้านแดดลมของเขาจะมีความกังวลไม่น้อย เขาหันมองข้างทางทุกๆ สิบนาทีราวกับมองหาอะไรบางอย่าง

“เฮ้ อาเธอร์คุณโอเคมั้ย”

“อืม”

“แต่ฉันว่าคุยกำลังกังวลอะไรอยู่นะ” ชายหนุ่มหันมามองนายจ้าง เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย

“ก็แค่ระวังภัย...โอ้เราถึงกันแล้ว พิกัดที่คุณบอก” สิรินดาหันมองตามคำบอกของอาเธอร์ พื้นทรายละเอียดสีน้ำตาลอมเหลืองไม่แตกต่างจากรูปภาพที่เธอดูเป็นประจำเลย หญิงสาวรีบก้าวลงเพื่อสัมผัสเม็ดทรายที่มีเสน่ห์

“คุณเคยมาที่นี่มั้ยคะ”

“เคย แต่นานแล้ว...ลูกทีมของผมชำนาญเส้นทางในเขตนี้ดี”

“โอเคงั้นให้เค้าตั้งเต้นท์หลบแดดที่นี่เลย...ฉันของเดินสำรวจพื้นที่ตรงนี้ซักหน่อย” ใบหน้าชายหนุ่มแสดงความกังวลออกมาชัดเจน

“ไม่เอาน่าอาเธอร์ ก็แค่สำรวจพื้นที่ตรงนี้” เธอย้ำเพื่อให้เขามั่นใจว่าเธอจะไปก้าวล้ำไปไหน

พื้นที่เกือบจะโล่งเตียนถ้าไม่มีต้นอินทผาลัมสองต้นมาให้ร่มเงา สิรินดาเดินสำรวจหาสิ่งที่เธอต้องการศึกษาวิจัย เส้นกั้นที่ล้อมหลุมขนาดสามเมตรมีธงสีแดงเหมือนที่ป้อมปราการปักอยู่ คราวนี้หญิงสาวรู้แล้วว่านี่คือการกั้นไม่ให้ใครเข้าไปแตะต้องโบราณวัตถุที่มีคนค้นพบ เธอแอบเสียดายเล็กน้อย

รอยพื้นทรายที่ยุบเป็นรูปร่างคล้ายสัตว์มีกระดูกสันหลังขนาดเท่าแพะตัวใหญ่ยังเด่นชัดอยู่ถึงแม้จะถูกขุดเอาโครงกระดูกออกไปนานแล้วก็ตาม ป้ายที่ติดไว้ลงวันเดือนปีชัดเจนพร้อมลายมือชื่อของนักโบราณคดีประจำประเทศนี้ด้วย เขาเก่งมากเพราะเมื่อสิบปีที่แล้วสามารถขุดพบสิ่งโบราณถึงสามแห่งและนั่นเป็นความหวังเล็กๆ ของสิรินดา

“คุณซาช่าครับ นี่เป็นแผนที่ของบริเวณนี้” ลูกทีมยื่นกระดาษสีเก่าๆ ให้หญิงสาวเธอรับและพิจารณาดูก่อนจะเริ่มงานที่ต้องทำ หญิงสาวทำสัญลักษณ์ตามจุดต่างๆ บนแผนที่แล้วส่งคืนให้เขา

“ฉันขอเริ่มจากพื้นที่ใกล้กับโครงกระดูกนั่นนะคะอาเธอร์”

“แบบนี้คุณเท่ากับซุ่มเดาเลยนะซาช่า”

“แน่นอนแผนสำรวจยังไม่ออกจนกว่าทีมงานที่ประเทศไทยจะเดินทางมาถึงที่นี่ ก็คงอีกสิบวัน”

“แล้วทำไมต้องมาสำรวจก่อน”

“คุณรู้ดีอยู่แล้วนี่นา” แน่นอนการที่ได้เรียนรู้อะไรก่อนคนอื่นยิ่งทำให้ตัวเองดูเหมือนเป็นคนสำคัญ เพราะสิรินดากำลังที่จะได้รับเลื่อนตำแหน่งเพียงแต่เธอยังขาดผลงานชิ้นโบว์แดงเท่านั้น

อุปกรณ์สำรวจถูกนำมาจัดเรียงให้สะดวกในการหยิบใช้ สิรินดาเลือกเครื่องมือวัดมาตรของแร่จำพวกเหล็ก หญิงสาวหมุนเครื่องมือไปรอบตัวแล้วก็เดินสำรวจรอบๆ เข็มวัดยังคงนิ่งไม่กระดิกแม้แต่น้อยทำเอาหญิงสาวต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่วนลูกทีมทั้งถ่ายภาพ บ้างก็ขุดตรงส่วนที่หญิงสาวทำเครื่องหมายเอาไว้ อาเธอร์ลอบมองนายจ้างอย่างหวาดหวั่นเขารู้นิสัยของเธอดี ไม่ยอมใครถ้าเขาไม่ให้เธอเดินทางลึกไปกว่าแผนที่เธอคงโวยวายยกใหญ่

เวลาผ่านไปกว่าห้าชั่วโมงแล้วที่ทุกอย่างล้มเหลว สิรินดาหงุดหงิดไม่น้อยงานชิ้นนี้สำคัญกับเธอมากมาล้มไม่เป็นท่าแบบนี้เท่ากับว่าเธออาจจะชวดตำแหน่งไปเลยก็ได้ อาเธอร์เตือนว่าใกล้หมดเวลาแล้วท้องฟ้าครึ้มลงมากและต้องใช้เวลาในการเดินทางออกจากเขตทะเลทรายร่วมชั่วโมง หญิงสาวยอมกลับแต่โดนดีเธอกำลังจะก้าวขึ้นรถพลันสายตากลับเหลือบไปเห็นแสงสีเขียวเรืองรองที่คุ้นตาส่องมาจากทิศทางหนึ่ง

“อาเธอร์ตรงนั้นมีอะไรไม่รู้ คุณเห็นมั้ย” ชายหนุ่มหันมองตามที่หญิงสาวชี้บอก แต่ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเนินทรายที่สูงเพราะการทับถมของทรายที่ถูกพายุหอบเอามาและมันคงสูงกว่าเดิมในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้

“พาฉันไปหน่อยสิ...แป๊บเดียวเองน่าไว้ใจฉันเถอะ” อาเธอร์ก้มมองนาฬิกาข้อมือแบบที่มีเข็มทิศ เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะบอกให้ลูกทีมอีกสี่คนรออยู่ตรงนี้ อาเธอร์ขับรถไปตามทิศทางที่สิรินดาบอก

“ซาช่า เดี๋ยวก่อน” อาเธอร์ร้องเรียกหญิงสาวที่ออกวิ่งทันทีที่รถจอด

“ไม่นะครับนาย...ตรงนั้นมัน” ชายหนุ่มรีบเอามือกุมขมับแล้วเลื่อนไปจิกผมที่มีน้อยของเขาเมื่อเห็นธงสีดำมีสัญลักษณ์พระจันทร์เต็มดวง เขาคำนวณระยะทางผิดพลาดคิดว่าไม่น่าจะเข้าเขตดินแดนต้องห้ามของคนภายนอกอย่างอัลลัยล์

“ซาช่ากลับมาเดี๋ยวนี้นะ เฮ้ ผมบอกให้กลับมา” อาเธอร์ตะโกนไล่หลังเสียงแต่สิรินดาไม่สนใจเสียงเรียกนั้นเลย อันที่จริงไม่รู้เพราะอะไรทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีมนต์สะกดให้ต้องรีบเดินเข้าไปด้านหลังของเนินทรายทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะมีอะไร

“นายครับเอายังไงดี คุณซาช่าคงไม่กลับมาง่ายๆ แน่”

“โธ่ ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกัน พายุใกล้จะมาแล้วด้วย”

“เรากลับกันเลยมั้ยครับนาย”

“ฉันจะบ้าอยู่แล้ว ซาช่านะซาช่าทำไมไม่ฟังกันบ้างเลย”

เสียงสายลมที่กระพือดังหวือๆ มาแต่ไกลฝุ่นทรายทะเลพัดฟุ้งขึ้นทันทีจนชายหนุ่มทั้งสองคนต้องรีบคว้าผ้าคลุมหน้ามาปิดเอาไว้ เสียงที่ก้องในหูราวกับมาผึ้งฝูงใหญ่บินอยู่เหนือศีรษะของเขา เม็ดทรายปะทะผิวบางส่วนที่โผล่ออกมานอกผ้าเขารับรู้เลยว่าแรงลมนั้นคงจะพัดร่างบอบบางให้ลอยไปได้ไม่ยาก ไม่กี่อึดใจภาพเบื้องหน้าก็มืดมัวจนมองเห็นเป็นเงาลางๆ เท่านั้น ในระยะห้าสิบเมตรบรรยากาศราวกับหมอกยามเช้าที่หนากว่าปกติ ลูกทีมรีบดึงมือของอาเธอร์เข้าไปในรถยนต์แล้วปิดประตูทันที

รถยนต์คันหนาขยับสั่นเล็กน้อยเมื่อถูกแรงลมและฝุ่นทรายคลื่นใหญ่ปะทะ กระจกหน้ารถมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเม็ดทรายที่ถมทับ เจ้าของรถใจสั่นหวาดกลัวเขาภาวนาในใจให้ทุกอย่างจบลงเร็วที่สุด อาเธอร์หน้าซีดมีเม็ดเหงื่อและทรายติดที่ใบหน้า เขาพยายามมองออกไปข้างนอกรถเพื่อหวังจะเห็นนายจ้างเดินกลับมา

“ไม่รอดแน่เลยครับนาย ลมแรงมากขนาดนี้” ลูกทีมของเขาบอก

“พูดบ้าอะไรนั่นเธอเป็นเพื่อนของฉันคนหนึ่งนะ”

“แต่เธอออกไปเองนะครับนาย...ไม่มีใครเอาผิดนายได้หรอก”

“อัลดิโตหยุดพูดซะ ฉันจะรอจนกว่าพายุจะสงบ”

“ไม่ได้ครับนาย ไม่เห็นเหรอพายุแรงขนาดนี้เราอาจจะถูกกลบจนไปไหนไม่ได้...เชื่อผมเถอะครับนายออกไปตอนนี้ยังมีโอกาสรอด” ความหนักใจมาเยือนแล้วเพราะชายหนุ่มก็อยากจะเอาชีวิตรอดเหมือนกัน เขาใช้เวลาคิดเพียงไม่กี่นาทีก็สตาร์ทรถแล้วถอยหลังเต็มแรงเพื่อจะรอดกลับไป

“ขอโทษนะซาช่า”

“ไปเถอะครับนาย เดี๋ยวคลื่นลูกใหญ่กำลังจะมาแล้ว”

“รู้แล้วล่ะน่า” อาเธอร์ตอบอย่างรู้สึกผิดกับคนที่หายเข้าไปในพายุทะเลทราย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel