ตอนที่8
“หญิงจ๋า” วัลลีใช้ความนุ่มนวลอ่อนโยนปะเหลาะ “ไม่เห็นแก่น้า ก็เห็นแก่แม่ของหญิงที่ตายไปแล้วเถอะนะจ๊ะ คิดดูสิ วิญญาณแม่ของหญิงจะสงบสุขได้ยังไง ถ้าลูกสาวคนเดียวมีชีวิตที่เสี่ยงภยันตราย ซึ่งไม่รู้ว่าอันตรายนั้นจะมาถึงตัวเมื่อไหร่”
“ถ้าวิญญาณของแม่แววยังอยู่” คุณหญิงตอบกลับทันควัน“และมองหญิงอยู่ แม่แววก็ต้องคุ้มครองลูกสาวที่พยายามจะทำดี ช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก โดยเฉพาะเด็กตาดำๆ ให้รอดพ้นจากภัยพาลได้สิคะ”
“โอ๊ย! น้าไม่อยากพูดกับเด็กหัวรั้น”
“รั้นในทางที่ถูก ในทางที่เป็นประโยชน์ ดีออกค่ะ ถ้าหญิงรั้นในทางผิดๆ สิคะ แล้วค่อยว่า”
“ไม่รู้ละ! ถ้าหญิงไม่เชื่อน้า ยังขืนจะเข้าไปที่คลองวังตะเคียนอีก น้าก็จำเป็นต้องไปทูลให้ท่านพ่อของหญิงได้ทรงทราบ จะได้รู้ว่าลูกสาวคนดีของท่านเวลานี้ทำอะไรอยู่”
“อย่าเชียวนะคะน้าแหวว”
คุณหญิงร้องห้าม ราวกับว่าน้าสาวจะลุกขึ้นไปทูลท่านพ่อของคุณหญิงบัดเดี๋ยวนั้น
“หญิงขอร้อง... เอาล่ะค่ะ หญิงสัญญา หญิงจะไม่เข้าไปที่นั่นบ่อยๆ ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็จะไม่เข้าไปตามลำพัง”
“แค่นี้ไม่พอหรอก น้าอยากให้หญิงสัญญาว่าจะไม่เข้าไปที่นั่นอีกเลย”
“ไม่ได้ค่ะ หญิงมีงานค้างอยู่สองสามอย่าง ต้องทำให้เรียบร้อย หญิงมีเพื่อนๆ และรุ่นน้องที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วยหลายคน ที่เป็นชายอกสามศอกก็มี น้าแหววไม่ต้องห่วง หากจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ หญิงไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเป้าหมายที่จะถูกกำจัดเป็นรายแรกหรอกค่ะ ยังไงก็ต้องฝ่าด่านพวกผู้ชายก่อน”
“หญิงจะพูดยังไงน้าก็คงไม่มีวันนอนตาหลับอีกแล้ว ตราบใดที่หญิงไม่รับปากน้าว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชุมชนที่คลองวังตะเคียน”
“นอนตาไม่หลับ ก็ต้องนอนลืมตาแบบเดียวกับปลานะสิคะ น้าแหววจ๋า”
“ไม่ต้องมาล้อ น้าจะอายุสั้นก็เพราะหญิงนี้แหละ”
“โถ... โถ.... โถ น้าแหววคนดีของหญิง น้าสุดที่รักของหญิง จะรีบทิ้งหญิงไปไหนละคะ แม่แววของหญิงคงไม่พอใจแน่ๆ เลย ถ้าน้องสาวของแม่แววจะทิ้งลูกสาวที่แสนจะน่ารักน่าสงสารของแม่แววคนนี้ แค่น้าแหววไม่ยอมรับคำขอ เมื่อพ่อของหญิงเอ่ยปากเจรจาขอน้าแหววมาเป็นแม่เลี้ยงหญิงโดยตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และยังเก็บข้าวเก็บของกลับมาอยู่บ้านสวนของคุณตาคุณยาย แม่แววก็คงน้อยใจน้องสาวอยู่แล้วไม่น้อย”
“อุ๊ย! เด็กนี่ ยังจะมาพูด!”
ทั้งที่ค้อนประหลับประเหลือก แต่นวลแก้มที่เริ่มมีสีสันก็แดงขึ้นเห็นได้ชัด เมื่อหวนนึกไปถึงเมื่อหลายๆ ปีมาแล้ว
เวลานั้น พี่สาวผู้มีวาสนาแต่บุญน้อยได้จากไปเกือบห้าปี แล้วพี่เขย... ท่านชาย สวามีของพี่สาวร่วมอุทรก็ลดองค์ลงมาขอให้เธอสมรสด้วย
ขณะนั้นเธออายุเท่าไหร่นะ ยี่สิบแปด... ไม่ใช่สิ เพิ่งจะย่างยี่สิบหกเท่านั้นเอง ถึงกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ทูลว่าท่ารังสิมันต์ต่างๆ นานา กล่าวหาท่านว่าหม่อมสิ้นไม่ทันไร ... แค่ห้าปีเท่านั้นเอง! ก็ดำริจะหาผู้หญิงมาแทนที่หม่อมเสียแล้ว ทั้งที่เมื่อหม่อมของท่านสิ้นนั้น ท่านเองทรงโศกเศร้าเสียพระทัย ตกอยู่ภายใต้ห้วงแห่งความโทมนัส แทบจะสิ้นชีพิตักษัยตาหม่อม
ตั้งแต่นั้นมา ท่านรังสิมันต์ก็ไม่เคยมีรับสั่งขอให้เธอเป็นหม่อมคนที่สองของท่านอีก และดูเหมือนว่าท่านทรงพยายามที่จะหลบๆ หน้าเธอ ถ้าบังเอิญต้องพบกัน ท่านก็จะทอดเนตรเธอแบบไม่เต็มเนตร
เธอเองก็ไม่อยากเผชิญหน้าท่าน
เรื่องโกรธท่านนั้น เลิกโกรธไปนานแล้ว
บอกไม่ถูกหรอกว่ารู้สึกยังไง เวลาสบเนตรเข้มคม ประหม่า ไม่เป็นตัวของตัวเองแล้วก็พาหงุดหงิดท่าน เพราะตั้งแต่ย่างสู่วัยสาว กระทั่งตามพี่สาวคนเดียวในโลก ที่มีวาสนาได้สมรสเป็นหม่อมของท่านชายในราชสกุล เข้าไปอยู่ในวังอโณทัยของพี่เขยผู้สูงศักดิ์ก็ไม่เคยมีผู้ชายหน้าไหนทำให้เธอเกิดอาการใจสั่นหวั่นไหว
มีอยู่ชายเดียว และเนตรคู่เดียว... แค่ปรายมา ความมั่นใจในตัวเองก็พลันลดวูบ มือแขนที่เคยอยู่ตามที่ตามทาง เหมือนจะเกะกะขึ้นมาทันทีทันใด
ด้วยเหตุนี้ หลังจากหลานสาวกำพร้าถูกส่งเข้าโรงเรียนประจำ เธอจึงย้ายกลับมาอยู่บ้านสวน ที่เป็นมรดกตกทอดจากบิดามารดาตามเดิม
“หญิงไม่พูดก็ได้ แต่ว่า... น้าแหววไม่สงสารท่านพ่อของหญิงสักนีดดดเลยหรือคะ ท่านพ่อน่ะอกหักดังเป๊าะเลยนะ เมื่อน้าแหววปฏิเสธ ไม่ยอมรับตำแหน่งหม่อมคนที่สองของท่าน”
“เด็กอะไรยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ น้าไม่พูดด้วยละ!”
คุณหญิงหัวเราะคิกคักกับท่าทีงอนๆ ของผู้เป็นน้า รูสึกโล่งใจว่าทำให้น้าสาวที่เคยทำหน้าที่ประหนึ่งมารดา เลิกพูด เลิกซักไซ้ไล่เลียงเกี่ยวกับงานอดิเรกที่ตนทำอยู่ได้สำเร็จ
