1.บทนำ
*** ทักทายคร้า ดั่งอัคคีร้อน เป็นนิยายพ่อแง่แม่งอนน่ารัก น่ารักคร้า ไปติดตามกันเลยจ้า ***
อาร์แอนด์พี ฟาร์ม เขาใหญ่
“นายริวครับ นายริว”
เสียงคนงานดังมาตั้งแต่ยังไม่เห็นตัว ทำเอาร่างสูงใหญ่เจ้าของชื่อต้องมองหา ไม่นานไอ้ไผ่ก็วิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ไกล และกว่าจะมาถึงเจ้านาย ไผ่ก็ต้องยืนหอบอยู่นานกว่าจะพูดออกมาได้
“เอ้า…ไอ้นี่…มีอะไรก็พูดมาสิวะ ยืนเป็นหมาน้อยหอบอยู่ได้” ริวหรืออัคนี ลูกเสี้ยวไทย-ฮ่องกง เท้าสะเอวถาม ไอ้ไผ่ยกมือห้ามขณะหอบหายใจแรงๆ เพราะยังไม่พร้อมจะตอบ อัคนีส่ายหน้าแล้วหันไปสนใจอาชาตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างกาย
“เฮ้อ…คนมันเหนื่อยนะนาย” พอหายเหนื่อยไอ้ไผ่ก็ดึงความสนใจของคนเป็นนายหันกลับมาหาอีกครั้ง
“พูดได้แล้วก็บอกมาสิวะไอ้นี่ เดี๋ยวก็โดนบาทาข้าหรอก” อัคนียกเท้าขึ้น ไอ้ไผ่จับไว้แล้วยิ้มให้อย่างขี้เล่น
“คุณป้าใหญ่ของเจ้านายน่ะสิครับ โทรมาบอกว่าให้เจ้านายโทรกลับด่วน มีเรื่องสำคัญมากๆ ขอย้ำว่ามากๆ” ไอ้ไผ่ย้ำพลางพยักหน้าขึ้นลงประกอบ
อัคนีหน้าเครียดขึ้น กลัวว่าคนที่อยู่กรุงเทพฯ จะไม่สบาย ร่างสูงโหนตัวขึ้นบนหลังอาชาตัวใหญ่และควบกลับไปที่สำนักงาน ไม่ถึงสิบนาทีอัคนีก็มาถึงและเดินอาดๆ เข้าไปในห้องทำงาน หยิบมือถือออกมาโทรหาคนเป็นป้าทันที
“สวัสดีครับป้าใหญ่ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” อัคนีถามอย่างร้อนใจ เพราะไม่ได้ติดต่อครอบครัวมาร่วมสองสัปดาห์แล้ว นิลุบลหรือป้าใหญ่ถอนหายใจแรงๆ อย่างโล่งใจ
“เฮ้อ…ค่อยยังชั่ว หลานชายสุดที่รักของฉันยังอยู่” นิลุบลบอกกึ่งประชดนิดๆ แต่อัคนีไม่ถือสาเพราะรู้ว่าป้าใหญ่รักเขากับวายุน้องชายมากแค่ไหน
“โธ่…ป้าใหญ่คร้าบ ผมอึดจะตายไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกครับ ว่าแต่ป้าใหญ่มีธุระด่วนอะไรครับ” อัคนีเข้าเรื่องเพราะอยากรู้เรื่องด่วนของคนเป็นป้า
“คืออย่างนี้จ้ะ มีผู้ใหญ่คนนึงเขามาฝากหลานสาวจะให้ไปเรียนขี่ม้าที่ฟาร์ม ป้าก็เลยจะฝากริวช่วยฝึกให้หน่อย นัยว่าจะเรียนเพื่อแสดงละครอะไรประมาณนี้”
“เดี๋ยวผมหาครูฝึกเก่งๆ สอนให้ครับ” อัคนีหาทางบ่ายเบี่ยงเพราะไม่อยากรู้จักลูกหลานไฮโซ
“ไม่ได้จ้ะหลานรัก ต้องเป็นหลานคนเดียว เพราะหนูพายคนนี้ป้ารับปากเขาไว้แล้วว่าต้องเป็นริวเท่านั้น” คนเป็นป้าออกคำสั่งชนิดที่ชายหนุ่มปฏิเสธไม่ได้
“ให้ตายสิครับป้าใหญ่ ผู้หญิงผมยิ่งไม่อยากสอน ยิ่งพวกคุณหนูไฮโซเท้าไม่ติดดินมาเจอคำพูดขวานผ่าซากของผมเข้า มีหวังนั่งร้องไห้แน่ๆ” อัคนีโอดครวญเพราะภาพคุณหนูของลูกผู้ดีติดตา โชคดีที่ปู่เลี้ยงดูเขาและน้องชายแบบติดดินมาตลอด
“เอาน่าริว ถือว่าช่วยป้าหน่อย หนูพายเป็นคนน่ารัก ช่วยเหลืองานการกุศลที่สมาคมป้าบ่อยๆ ถือว่าช่วยกัน ค่าสอนเท่าไหร่เขาไม่เกี่ยงจ้ะ…โอเคตามนั้นนะจ๊ะหลานรัก บาย…” นิลุบลไม่ให้โอกาสอัคนีปฏิเสธได้จึงรีบวางสายไป ทำเอาคนหัวร้อนอย่างอัคนีออกอาการฟึดฟัดขัดใจ
“บ้าจริง…ลืมถามว่าแม่นั่นจะมาเมื่อไหร่” อัคนีบ่นพึมพำหลังจากหย่อนโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงยีนสีซีด แล้วเดินออกจากห้องทำงานไป
“ไผ่…ไผ่โว้ย…”
“คร้าบ…เจ้านาย” เสียงไผ่ดังมาก่อนตัว ไม่นานก็มาหยุดตรงหน้าอัคนี “นายริวมีอะไรให้ไผ่สุดหล่อรับใช้ครับผม” ไผ่ยกมือทำความเคารพแบบทหารจนเจ้านายหนุ่มหมั่นไส้
“เดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่แล้วนะเอ็ง ไปบอกป้าแก้วเตรียมห้องรับรองไว้ จะมีคนมาพักเร็วๆ นี้”
“ใครครับนาย กิ๊กนายเหรอครับ” ไผ่ยังคงกวนอารมณ์เจ้านายไม่เลิก แถมทำท่าทางทะเล้นล้อเลียนอีกต่างหาก จนคนเป็นนายยกเท้าขึ้น โชคดีที่ไผ่กระโดดหลบทัน
“พูดแทงใจดำทำเป็นโกรธ ไผ่เผ่นก่อนล่ะ” ว่าแล้วเจ้าไผ่ก็วิ่งแจ้นไปเพราะกลัวจะโดนบาทาเข้าจริงๆ
ณ วังอัศวะเทพ กรุงเทพมหานคร
“ทำไมท่านพ่อต้องให้หญิงไปเรียนขี่ม้าด้วยคะ หญิงรับงานไว้ตั้งหลายงานนะคะ” เสียงเอ่ยถามเป็นของสตรีในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีขาวสะอ้าน ส่วนคนที่ตอบคำถามคือหม่อมราชวงศ์หญิงฉัตรฉาย อัศวะเทพ โดยมีหม่อมเจ้าดนัย อัศวะเทพ สามีนั่งหน้าเครียดอยู่ข้างๆ
“งานแสดงของหญิงช่วยครอบครัวเราไม่ได้หรอกนะ แต่การเรียนขี่ม้าจะทำให้ธุรกิจของเรากับอาร์แอนด์พีกรุ๊ปของตระกูลภัทรเมธาเวชเป็นปึกแผ่นมากขึ้น” หม่อมราชวงศ์หญิงหรือคุณหญิงฉัตรฉายบอกเสียงห้วน ทำเอากานต์มณีหรือหญิงพายนิ่งไปชั่วขณะ
“อาร์แอนด์พีกรุ๊ปเกี่ยวอะไรกับหญิงด้วยล่ะคะ ท่านพ่อทำธุรกิจก็ต้องเกี่ยวกับท่านพ่อสิคะ”
“พ่อต้องการผู้ร่วมทุนเพื่อจะระดมทุนขยายกิจการของเรา ถ้าอาร์แอนด์พีกรุ๊ปถือหุ้นด้วยเราจะขยายตลาดไปได้ไกลทีเดียวล่ะ” หม่อมเจ้าดนัยหรือท่านชายดนัยอธิบาย แววตาเต็มไปด้วยความหวัง เพราะอิทธิพลและอำนาจเงินของตระกูลภัทรเมธาเวชจะช่วยเปิดทางให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการให้หญิงไปเรียนขี่ม้าคะ”
ท่านชายดนัยกับคุณหญิงฉัตรฉายหันมองหน้ากัน นั่นยิ่งทำให้กานต์มณีสงสัยในความตั้งใจของผู้ให้กำเนิด คุณหญิงฉัตรฉายถอนหายใจเบาๆ ราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่าง
“เพราะครูสอนขี่ม้าของหญิงเป็นหลานชายของท่านธนัช ภัทรเมธาเวช มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองไทยน่ะสิ เฉพาะสมบัติส่วนตัวของฝั่งแม่ อัคนีกับวายุ ภัทรเมธาเวช ก็ติดอันดับมหาเศรษฐีของเมืองไทยแล้ว ถ้าเขาสนใจหญิงของแม่ การร่วมทุนคงง่ายขึ้น” คุณหญิงฉัตรฉายบอก
กานต์มณีถึงกับนิ่งงัน ไม่คิดว่าเธอจะต้องแบกชีวิตทุกคนในวังไว้ขนาดนี้
“เรากู้แบงก์ก็ได้นี่คะท่านพ่อ”
“เศรษฐกิจแบบนี้แบงก์ไม่ยอมปล่อยเงินกู้มากมายให้เราหรอกหญิง แม่กับท่านพ่อพยายามทุกทางแล้ว จนต้องแบกหน้าไปคุยกับท่านธนัช ท่านก็ขอคิดดูก่อน เพราะท่านทำธุรกิจโรงแรมกับศูนย์การค้าและการท่องเที่ยว ไม่คิดจะทำธุรกิจด้านตลาดเงิน” คุณหญิงฉัตรฉายบอกความจริงไม่หมด เพราะคิดว่าบุตรสาวอาจจะรับไม่ได้ “ถือว่าเห็นแก่พ่อกับแม่นะหญิง”
“ขอหญิงคิดดูก่อนนะคะหม่อมแม่” เธอบอกเลี่ยงๆ แต่งานถ่ายแบบที่เธอรับไว้เกี่ยวกับม้าด้วย และโมเดลลิ่งก็ให้เธอไปทำความคุ้นเคยกับม้าด้วย งานนี้คงเลี่ยงที่จะไม่ทำอะไรเกี่ยวกับม้าก็คงยากแล้ว
*** ขอบคุณคร้า ***
