บทที่ 4【2】
“คุณอย่าเงียบใส่ผม ตอบมาสิ! หมายความว่าอะไรที่คุณพูด คุณต้องอธิบายให้คนอื่นเข้าใจคุณด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้ผมคิดเองเออเอง”
ทิติยะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทั้งน้อยใจและคุกรุ่น
แสงเทียนมองหน้าทิติยะนิ่ง เขาจะรู้ไหมว่าเขาคือคนที่เธอพูดด้วยมากที่สุดในปีนี้แล้ว...
“เดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละ” เธอตอบออกมาแค่นั้น
ทิติยะขบสันกรามแน่น ชายหนุ่มโกรธที่แสงเทียนเป็นแบบนี้ และยิ่งคิดว่าเธอเป็นแบบนี้แค่กับเขาก็ยิ่งโกรธ!
แสงเทียนรู้ว่าชายหนุ่มไม่พอใจ แต่จะทำยังไงได้ก็เธอเป็นของเธอแบบนี้
และเพราะแบบนี้แสงเทียนถึงไม่อยากจะพูดหรือทำความรู้จักกับใคร ถ้าไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ เพราะเวลาที่เธอพูดหรือแสดงอะไรออกไป... คนก็หาว่ากวนประสาท พอไม่พูดเลยก็มีปัญหาตามมาอีก
บรรยากาศบนโต๊ะเงียบสนิท หญิงสาวยกแก้วไวน์ขึ้นควงวน ยกขอบแก้วจรดปลายจมูก ก่อนจะค่อย ๆ ดื่มไวน์แดงอมไว้ข้างกระพุ้งแก้มและกลืนมันลง ความขมปร่าของน้ำองุ่นรสชาติแสบคอ ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นแสดงถึงความพอใจ
ทิติยะมองตามแก้วไวน์ที่หญิงสาวถือ สายตาทั้งคู่ประสานกัน ไม่มีใครพูดอะไร ก่อนเธอจะวางแก้วลงเขาเอื้อมมาหยิบแก้วของเธออย่างถือวิสาสะ
หญิงสาวมองตามแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่ยกมือให้เด็กเสิร์ฟเอาแก้วไวน์มาอีกใบ
ชายหนุ่มโตแล้วและอายุมากกว่าเธอ เขาต้องรู้ว่าการที่เขาเจ็บป่วยแต่ยังดื่มมันไม่ดีต่อร่างกาย แต่ชีวิตเป็นของเขา เขาเลือกเองและแสงเทียนเธอไม่ชอบก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของใคร
ต่างคนต่างดื่มไม่พูดอะไร จนหญิงสาวรู้สึกตึง ๆ จึงพูดธุระที่พาเขามาทานข้าวในวันนี้...
“เรามาทำข้อตกลงกันดีไหม?” ทิติยะไม่ตอบ เพียงแค่มองหน้าคนถาม
“ที่คุณบาดเจ็บ คุณอยากจะให้ฉันรับผิดชอบอะไรบ้าง คุณบอกมาได้เลย หรือจะให้ทนายร่างสัญญาให้เป็นไปตามสมควรก็ได้”
“แล้วคุณรับผิดชอบอะไรผมได้บ้างล่ะ” นับว่าไม่โง่ เพราะหากงอนต่ออีกนิด เธอว่าจะไม่คุยแล้ว
“รถขายซากให้ฉันและฉันซื้อคันใหม่ให้คุณ ดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลคุณทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการไปหาหมอฉันจะเป็นคนพาคุณไป ถ้าไม่ว่างเลขาฉันจะพาไป” แสงเทียนพูดได้อย่างไม่ติดขัด ทิติยะเหยียดยิ้มขึ้น
“ทุกครั้งที่ผมไปหาหมอจะต้องเป็นคุณเท่านั้นที่พาไป ถ้าไม่ใช่คุณ ผมก็ไม่ไป เราต้องแลกเบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลการติดต่อกันและกัน เผื่อคุณหนีผมจะทำยังไง ส่วนเรื่องรถไม่จำเป็นผมจะจัดการเองนอกเหนือจากประกันผมไม่ติดใจอะไรใด ๆ กับทางคุณ แค่ในช่วงเวลานี้ที่ผมรักษาตัวให้ผมได้มีโอกาส... รู้จักคุณ” ทิติยะพูดอย่างไม่เปิดโอกาสให้แสงเทียนปฏิเสธได้เลย
หญิงสาวสบตาเขาด้วยแววตาคุกรุ่น ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะหลงคารมเขาไปแล้ว แต่เธอผู้ซึ่งมีพี่ชาย 3 คน ที่เป็นยอดเสือ เธอถูกสั่งสอนมาอย่างดีให้ระวังผู้ชายแบบนี้ไว้
แสงเทียนเอามือลูบต้นคอตัวเอง ก่อนจะขยับตัวโน้มไปข้างหน้าใช้มือเท้าคางและจ้องมองเขาอย่างอ้อยอิ่ง
“อย่ามาเสียเวลากับฉันเลย” หญิงสาวเอ่ยออกไปตรง ๆ เขาดูตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยในอึดใจต่อมา
“คุณมีคนรักอยู่แล้ว?” ชายหนุ่มเอ่ยถามเธอเสียงเบา
“ฉันโสด” แสงเทียนยกยิ้มขึ้นก่อนจะสนใจไวน์ในแก้วต่อ
“แล้วทำไมคุณไม่ให้โอกาสผม” แสงเทียนสบตาเขาแทนคำตอบ
หญิงสาวไม่เคยให้โอกาสผู้ชายคนไหนได้เข้ามาในชีวิต เพราะเธอรู้ว่าการที่เธอเป็นคนแบบนี้ นิสัยแบบนี้คบไปรังแต่จะทำให้เขาเบื่อ และทอดทิ้งเธอไปในที่สุด
“ขนาดแม่ยังทิ้งฉันนับภาษาอะไรกับคนอื่น” คำตอบของเธอทำให้ชายหนุ่มอึ้งไป แต่เขาก็ไม่ย่อท้อหรอก
“อย่าเสียเวลากับฉันเลยคุณทิ... ฉันไม่เหมาะสมกับคุณหรอกค่ะ” ทิติยะเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ ก่อนที่เธอจะขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์
“รอสักพักนะคะ เดี๋ยวจะให้ลุงขับรถไปส่งเพื่อนเทียนที่บ้าน”
หญิงสาวบอกลุงคนขับรถ เพราะเธอไลน์บอกส้มแม่บ้านที่บ้านว่าให้ไปบอกลุงคนขับรถให้มารับเธอที่ร้านพิมพ์ใจด้วย
“คนขับรถผมมาแล้ว... ผมไปเคลียร์บิลแต่เขาบอกว่าคุณไม่ให้ผมจ่าย” อ๋อ ... ที่แท้ก็ไปจ่ายเงินนี่เอง แสงเทียนคิดขึ้นในใจ
“งั้นให้คนของคุณขับรถคุณกลับบ้าน ส่วนคุณมานั่งรถฉัน ฉันจะไปส่ง” ยังไม่จบเรื่องที่คุยกันเลย เธอก็เปลี่ยนไปเรื่องอื่น
เมื่อเห็นหญิงสาวเดินนำออกไป ชายหนุ่มคว้ามือแสงเทียนไว้ หญิงสาวจึงมองไปยังมือหนาที่จับมือเธออย่างคาดโทษ
“คุณไม่ต้องไปส่งผมหรอกมันดึกแล้ว” ทิติยะบอกด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ทว่าอีกฝ่ายไม่รู้หรอก
“ทำไม? หรือว่าคุณมีนัด ถ้ามีก็ไปได้เลยที่ฉันอยากไปส่งคุณเพราะมันจะได้จบเรื่องวันนี้ไป ฉันทำดีที่สุดแล้ว และฉันอยากสบายใจที่ได้ส่งคุณถึงบ้าน” แสงเทียนบอกออกไปเพราะรู้สึกผิดมากจริง ๆ แต่เขากลับเร่งรัดเธอไปหมดทุกสิ่งทั้งที่เราพึ่งรู้จักกันวันแรก
“โอเค คุณอย่าคิดมากเลย อะไรที่คุณทำแล้วสบายใจก็ทำเถอะ ผมตามใจคุณ”
