บทที่ 5 อย่าริอาจขัดคำสั่ง [4]
เช้าวันใหม่ของสัปดาห์ซึ่งเป็นวันเปิดภาคการศึกษาของ ชาลิดา วันแรกของการเป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยเจ้าตัวตื่นเช้ากว่าทุกวันเนื่องจากตื่นเต้นจนนอนไม่หลับแทบทั้งคืน ร่างบางอยู่ในชุดเครื่องแบบนักศึกษาเสื้อสีขาวพอดีตัวไม่ฟิตและไม่หลวมจนเกินไปบวกกับกระโปรงพลีทจีบรอบยาวเลยเข่ายิ่งส่งให้ดูน่ารักสมกับวัย
“เดี๋ยวฉันไปส่ง” โรมานี่พูดขึ้นหลังจากมองเห็นนักศึกษาใหม่กำลังเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร
“น้ำตาลไปเองก็ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณโรมไปทำงานสายนะคะ”
“ฉันไปสายแค่วันเดียวคงไม่มีใครไล่ออกหรอก” ชายหนุ่มเริ่มทำเสียงดุเมื่อถูกขัดใจ ที่ต้องการไปส่งวันนี้ก็เพราะอยากให้ไอ้พวกนักศึกษาหนุ่มๆ ที่คิดจะเข้ามาจีบได้รู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้ว
“ค่ะ” เด็กสาวจำใจรับคำพร้อมกับหย่อนกายนั่งลงเพื่อทานอาหารมื้อเช้าที่แม่บ้านสูงวัยเตรียมไว้ให้
“อุ๊ย! นี่น้ำตาล เอ๊ย คุณน้ำตาลจะไปเรียนเหรอคะ?” บุญตาเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่ในชุดนักศึกษา
“จ้ะ วันนี้เปิดเทอมวันแรก” ชาลิดาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย” พอเห็นว่ามือเล็กวางช้อนลง ร่างสูงใหญ่จึงลุกออกจากเก้าอี้ ยืนรอเด็กสาวในชุดนักศึกษา ก่อนจะโอบเอวคอดให้เดินไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดรออยู่บริเวณด้านหน้าคฤหาสน์พร้อมๆ กัน
ตลอดการเดินทางไปมหาวิทยาลัยโรมานี่แอบลอบมองใบหน้าจิ้มลิ้มอยู่บ่อยๆ ยิ่งอยู่ในชุดนักศึกษาเธอก็ยิ่งน่ารัก น่าปรารถนาจนเขาแทบอยากจะฉีกชุดนักศึกษาแล้วเอ่อ....ร่วมรักกับเธอบนนี้ สมองด้านความหื่นเริ่มก่อตัวขึ้นมาจนได้
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณโรม?” เจ้าของเสียงหวานหันไปถามคนที่กำลังจ้องหน้าอยู่ด้วยความแปลกใจ
“ไม่มีอะไร อยากมอง เธอน่ารัก” คำชมตรงๆ นั่นทำเอาคนฟังหน้าแดง เมื่อเช้าเขาไปกินอะไรผิดแปลกมาหรือเปล่า
“ขอบคุณค่ะคุณโรม” สุดท้ายคนขี้อายก็กล่าวคำขอบคุณ
เมื่อรถเคลื่อนตัวเข้ามาภายในมหาวิทยาลัย ชาลิดาก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายเตรียมไว้ เริ่มมีอาการตื่นเต้นเนื่องจากคิดว่าจะได้ทำในสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอด ก่อนจะเปิดประตูรถเธอได้ยินเสียงทุ้มที่ดังอยู่ข้างหู
“เลิกเรียนฉันจะมารับ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณโรม”
นักศึกษาสาวกล่าวขอบคุณพร้อมกับกระพุ่มมือไหว้ชายหนุ่มผู้เปรียบเสมือนผู้ปกครอง ซึ่งเขาก็รับไหว้และส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
“ตั้งใจเรียนนะ ไปได้แล้วจิมมี่”
โรมานี่เอ่ยกำชับอีกครั้ง พร้อมสั่งลูกน้องคนสนิท ถ้าขืนยังอยู่นานกว่านี้เธอคงไม่ได้เข้าไปเรียนแน่
“เห็นเด็กแล้วอดใจไม่ไหวเหรอครับนาย” จิมมี่แซวขึ้นมาในระหว่างทางที่พาเจ้านายหนุ่มไปยังบริษัท
“ปากเสียนะไอ้นี่” ผู้เป็นเจ้านายส่งเสียงดุกลับมา แม้สิ่งที่ลูกน้องพูดจะเป็นจริงก็ตาม แต่เรื่องอะไรต้องยอมรับ
“ผมเห็นนายทำท่าเหมือนเสียดายที่คุณน้ำตาลไปเรียน ผมก็เลย...”
“หุบปากไปซะไอ้จิมมี่ก่อนที่จะโดนไล่ออก”
ประกาศิตดังกล่าวทำเอาจิมมี่ปิดปากสนิททันที เนื่องจากยังไม่อยากตกงานตอนนี้ เจ้านายจอมโหดเล่นจะไล่ออกสถานเดียว จะทัณฑ์บนหักเงินเดือนกันก่อนก็ไม่ได้
วันนี้ชาลิดาเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องในคณะซึ่งก็มีการจัดการประกวดดาว-เดือนของสาขาซึ่งคัดเลือกโดยคุณสมบัติเหมาะสมจากเพื่อนๆ ก่อนที่จะทำการคัดเลือกไปเป็นดาวคณะจนถึงดาวประจำมหาวิทยาลัย
“เธอๆ เราชื่อซีนะ เธอชื่ออะไร” เพื่อนนักศึกษาที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยทักทาย ซึ่งชาลิดาก็ไม่รีรอที่จะสัมพันธไมตรีกับเพื่อนใหม่
“เราชื่อน้ำตาล” ชาลิดาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ชื่อหวานเชียว แถมเสียงยังหวานสมชื่อ” เพื่อนใหม่ชมกลับมาอย่างเป็นมิตรเช่นกัน
“แม่เป็นคนตั้งให้น่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
“ว่าแต่น้ำตาลสวยมากเลยนะ เราแอบมองตั้งแต่ตอนน้ำตาลไปยืนอยู่ข้างหน้าแล้ว ทายถูกด้วยว่าต้องมีคนโหวตให้น้ำตาลเป็นดาวสาขา เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่โหวต”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกซี” น้ำเสียงหวานบอกอย่างคนถ่อมตัว ไม่เคยคิดหวังอะไรแบบนั้น
“เชื่อเราสิ บางทีต่อไปเราอาจจะมีเพื่อนเป็นดาวคณะ”
ศิริประภาหรือซีบอกพลางมองคนตรงหน้าด้วยแววตาชื่นชมจนเจ้าตัวถึงกับเขิน
“อาจจะไม่ได้เป็นหรอกซี มีคนสวยกว่าน้ำตาลอีกตั้งเยอะ”
“แล้วถ้าเกิดน้ำตาลได้เป็นดาวคณะขึ้นมาล่ะ ไม่แน่นะอาจจะได้เป็นดาวมหา’ลัยด้วยซ้ำ” ศิริประภายังเอ่ยคำชมไม่หยุด
“จะได้ประกวดหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย” ชาลิดาบอกเสียงเบาเมื่อนึกไปถึงอีกคน ถ้าขืนเขารู้ว่าเธอมาทำอะไรแบบนี้มีหวังต้องถูกดุเอาอีกแน่ๆ
“ทำไมล่ะ หรือว่ากลัวแฟนว่าใช่ไหม แสดงว่าแฟนน้ำตาลขี้หึงแน่ๆ เลย” เพื่อนใหม่แซวอย่างรู้ทันหลังได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังกังวล
“เปล่าๆ น้ำตาลยังไม่มีแฟนจ้ะ” เธอตอบตามความเป็นจริง เพราะไม่แน่ใจว่าตนเองอยู่ในฐานะอะไร จะเป็นมากกว่าแฟนก็ดูเข้าข้างตัวเองมากเกินไป
“ว่าแต่ว่าเลิกแล้วไปไหนหรือเปล่าน้ำตาล ไปเดินห้างกันไหม”
“คงไม่ได้หรอกซี น้ำตาลต้องรีบกลับน่ะ” เลือกที่จะปฏิเสธไปเพราะคำสั่งก่อนลงรถมายังค้ำคอจนไม่กล้าไปไหนต่อ
“อื้ม...ไม่เป็นไรจ้า” ศิริประภาพยักหน้ารับรู้
จนถึงเวลาเลิกเรียนชาลิดาและศิริประภาก็พากันเดินมายังสวนหย่อมภายในมหาวิทยาลัยเพื่อเตรียมตัวแยกย้ายกันกลับบ้าน
“น้ำตาลไม่ไปกับซีแน่นะ” ศิริประภาถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอตัวนะซี น้ำตาลต้องรีบกลับจริงๆ น่ะ”
“แล้วน้ำตาลกลับรถอะไรล่ะ ไปขึ้นรถเมล์พร้อมซีไหม?”
“อ๋อ! เดี๋ยวมีคนมารับจ้ะ” ริมฝีปากเล็กฉีกยิ้มหวานไปให้เพื่อน
“แฟนมารับนี่เอง อิจฉาจัง” ศิริประภาเอ่ยแซว ซึ่งคนถูกแซวก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้มรับ จวบจนกระทั่งได้ยินเสียงปริศนาที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“เอ่อ...น้ำตาลครับ” ทันทีที่เจ้าของชื่อหันกลับไปทางต้นเสียงก็พบชายหนุ่มหน้าหล่อสไตล์เกาหลียืนส่งยิ้มกว้างมาให้
“คะ?” ชาลิดาตอบรับไปอย่างงงๆ ที่ชายหนุ่มคนนี้รู้จักชื่อเธอ สงสัยคงเป็นตอนที่เจอกับพวกรุ่นพี่เมื่อกลางวัน
“วันนี้เราเห็นตอนน้ำตาลออกไปคัดเลือกดาวสาขา น้ำตาลน่ารักมากเลยนะ เราชื่อชิน ยินดีที่ได้รู้จัก”
ชายหนุ่มหล่อแนะนำตัวพร้อมกับส่งขนมถุงใหญ่มาให้ ชาลิดาไม่กล้าพูดอะไรนอกจากยื่นมือไปรับของดังกล่าวไว้ด้วยความที่ปฏิเสธใครไม่เป็น
“น้ำตาล ซีไปก่อนนะ พอดีต้องรีบไปซื้อของด้วย” ศิริประภาบอกลาด้วยท่าทางรีบร้อน พร้อมส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มอีกคนแล้วรีบเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที
“เดี๋ยวสิซี” ชาลิดาทำท่าจะเรียกเพื่อนเอาไว้แต่ก็ไม่ทัน นอกจากอีกฝ่ายจะไม่หันกลับมาแล้วยังเดินลิ่วไปไกล
“เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะชิน” ดวงตากลมเบนกลับมาขอบคุณคนตรงหน้าอย่างเสียไม่ได้
“ครับ แล้วนี่น้ำตาลกลับบ้านยังไง เราไปส่งไหม?” ชายหนุ่มขันอาสา อีกอย่างต้องการให้เธอรู้ว่าตนต้องการจีบและคิดจริงจังด้วย เธอดูน่ารักมากในสายตาเขาจริงๆ
“พอดีเดี๋ยวมีคนมารับ น้ำตาลไม่รบกวนหรอก”
“ไม่รบกวนเลย เราเต็มใจ”
“ไว้วันหลังแล้วกันนะ” ชาลิดาปฏิเสธและพยายามพูดไม่ให้เสียน้ำใจ ไม่นานรถยนต์คันหรูคุ้นตาก็แล่นเข้ามาจอดยังบริเวณที่นักศึกษาทั้งสองคนยืนอยู่ เนื่องจากเป็นบริเวณเดียวกับที่มาส่งเธอเมื่อเช้านี้
ภาพที่เห็นทำเอาโรมานี่แทบอยากจะลงไปซัดกำปั้นใส่ไอ้หนุ่มหน้าตี๋ที่ยืนส่งยิ้มหวานอย่างไม่รู้ชะตากรรม
“ไอ้จิมมี่ บีบแตร” เมื่อความหึงเข้าครอบงำ ชายหนุ่มจึงสั่งลูกน้องเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าเจ้าหล่อนยังยืนร่ำลากับไอ้หนุ่มนั่นไม่เสร็จสักที
“บีบทำไมครับนาย คุณน้ำตาลน่าจะเห็นรถแล้ว” จิมมี่หันกลับไปถามอย่างไม่เข้าใจในคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย หรืออีกนัยราวกับต้องการจะแกล้งอย่างไรอย่างนั้น
“จะขัดทำไมวะ บอกให้ทำก็ทำ” ไอ้นี่! บอกให้ทำไม่ทำยังจะมีหน้ามายอกย้อนอีก
“ครับๆ” จิมมี่รับคำพร้อมกับกดแตรเรียกนักศึกษาสาวตามคำสั่ง
“กดดังๆ หลายๆ ครั้ง” โรมานี่สั่งอีกครั้งจนลูกน้องคนสนิทถึงกับส่ายหน้าในความขี้หวงที่เห็น
“น้ำตาลต้องขอตัวก่อนนะชิน” ชาลิดาเอ่ยลาด้วยความรีบร้อนเพราะเริ่มอายเมื่อถูกคนในรถบีบแตรใส่เสียงดังลั่น เธอมองเห็นตั้งแต่แรกแล้ว แค่ไม่อยากเป็นคนเสียมารยาท
“โอเค กลับบ้านดีๆ ครับ”
“อื้อ” เสียงหวานรับคำและรีบเดินตรงมาที่รถพร้อมกับเปิดประตูเข้ามานั่งทันที ภาพที่เห็นคือคนข้างๆ กำลังทำหน้ายักษ์รอต้อนรับเธออยู่ ชาลิดาแอบถอนหายใจออกมาราวกับรู้ดีว่าต้องโดนอะไรบ้าง
“ทำไมถึงชักช้า” โรมานี่เอ่ยถามเสียงลอดไรฟัน
“เอ่อ...น้ำตาลยืนคุยกับเพื่อนอยู่ค่ะ”
“เพื่อน มาวันแรกก็มีเพื่อนผู้ชายแล้วหรือไง ไวไฟจริงๆ”
ความไม่พอใจทำให้เขาพ่นคำพูดไม่น่าฟังออกมาทั้งๆ ที่เมื่อเช้ายังดีๆ อยู่แท้ๆ
“ทำไมคุณโรมต้องดุน้ำตาลด้วย น้ำตาลผิดอะไรคะ”
“เธอผิดที่ขัดคำสั่งฉัน ห้ามคุยกับผู้ชาย เข้าใจไหม” โรมานี่ออกคำสั่งโดยไม่ทันคิดว่าคำพูดของตัวเองกำลังเข้าข่ายหึงหวงชัดๆ
“แต่เขาก็แค่มาคุยด้วย”
“แค่คุย แล้วในมือนั่นอะไร” คำถามมาพร้อมกับสายตาที่จ้องมองไปยังถุงขนมในมือเล็ก อยากจะเอามันโยนทิ้งไปซะด้วยซ้ำ
ดวงตากลมมองตามคำพูดก่อนจะตอบกลับไปตามความเป็นจริง เพราะไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องเสียหายอะไร
“อ๋อ ชินให้น้ำตาลเป็นการแสดงความยินดีเฉยๆ ค่ะ”
“ยินดีอะไร?” โรมานี่สวนคำถามกลับมาแทบจะทันที คิ้วหนาทั้งสองข้างขมวดมุ่นรอฟังคำตอบ
“คือ...ยินดีที่น้ำตาลได้รับเลือกเป็นดาวสาขาค่ะ” ชาลิดาตอบเสียงเบา กลัวอีกฝ่ายจะไม่พอใจ ถ้าขืนรู้ว่าต่อไปเธอต้องประกวดดาวคณะด้วยมีหวังคงโดนต่อว่าหนักกว่าเดิม
“ดีนี่ ไปวันแรกก็ได้เป็นดาวแล้ว”
“คุณโรมพูดจริงๆ หรือว่าประชดน้ำตาลคะ น้ำตาลแค่ได้เลือกเป็นดาวของสาขาเองนะคะ” เด็กดื้อเถียงกลับมาเสียงอุบอิบ
“โตแล้วน่าจะคิดเองได้” คนตัวใหญ่แต่ใจน้อยพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจพลางหันหน้าออกไปอีกทางเล่นเอาเธอถึงกับเหวอไปชั่วขณะเพราะไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะมีโหมดขี้งอนด้วย
“โกรธน้ำตาลเหรอคะ?” คำถามเหมือนสงสัยมากกว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองผิดยิ่งทำให้คนขี้งอนถึงจุดเดือด
“แล้วมันน่าโกรธไหม”
“ถ้าเกิดน้ำตาลบอกว่าต่อไปต้องประกวดดาวคณะด้วย คุณโรมจะอนุญาตไหมคะ” พอตัดสินใจถามออกไปแล้วร่างบางก็นั่งนิ่งรอฟังคำตอบ
“ยังไงฉันก็ไม่ให้เธอประกวดเด็ดขาด” คนเอาแต่ใจหันมาสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“แต่มันเป็นกฎนะคะคุณโรม” ขืนถ้าไม่ประกวดตามที่ถูกห้ามจริงๆ มีหวังต้องโดนต่อว่าเรื่องขาดความรับผิดชอบแน่ๆ
“กฎบ้าบออะไรฉันไม่สน ถ้าเธอขัดคำสั่งฉันเมื่อไหร่อย่าหวังเลยว่าจะได้มาเรียนอีก” อีกฝ่ายยื่นคำขาดจนคนฟังอ้าปากค้างด้วยความตกใจและไม่เข้าใจอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ที่เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย
“คนใจร้าย น้ำตาลไม่พูดกับคุณโรมแล้ว” สิ้นเสียงวงหน้าสวยก็หันหนีไปทางกระจกอีกฝั่งเช่นเดียวกัน ซึ่งคนถูกด่าว่าใจร้ายก็ไม่คิดจะใส่ใจ
“ตามใจ ถ้ากล้าขัดคำสั่งฉันได้เห็นดีกันแน่” คิดว่าตัวเองโกรธเป็นคนเดียวหรือไง แล้วเรื่องอะไรต้องไปง้อผู้หญิงขัดดอกอย่างเธอด้วย
