บทที่ 1 เรื่องจริงอันแสนอัปยศ [1]
ภายในบ่อนที่มีสภาพไม่ต่างไปจากห้องห้องแถวเล็กๆ ในชุมชนแออัด ชุมชนที่เต็มไปด้วยอบายมุขและสิ่งยั่วยุต่างๆ ท่ามกลางสังคมที่มีแต่ความแข่งขัน แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขสบายและความร่ำรวยดังเช่นหญิงสาวหน้าหวานนัยน์ตาเศร้าที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บจานกับแกล้มซึ่งเรียงรายอยู่บนโต๊ะอย่างขะมักเขม้น
“น้ำตาล เอาโค้กกับน้ำแข็งมาให้ลุงเปี๊ยกหน่อย” บิดาตะโกนสั่งมาจากวงการพนันซึ่งเจ้าตัวทำหน้าที่เป็นทั้งขาไพ่และคนเก็บต๋งในฐานะเจ้าของบ้าน
“จ้ะพ่อ”
ไม่นานน้ำอัดลมสีดำสนิทที่บรรจุอยู่ในขวดแก้วพร้อมด้วยน้ำแข็งเปล่าก็ถูกนำไปส่งให้ขาไพ่วัยกลางคนในทันที
สภาพบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมแบบนี้ทำให้ชาลิดารู้สึกชินกับมันเสียแล้ว นับตั้งแต่จำความได้เธอก็โตมากับสิ่งนี้ ทั้งๆ ที่เด็กสาวไม่น่ามาทำอาชีพแบบนี้ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน การศึกษาที่เคยใฝ่ฝันถูกพังทลายลงเพียงแค่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกด้วยคำพูดจากปากบิดาผู้ให้กำเนิด
‘จะเรียนไปทำไม ออกมาช่วยพ่อในบ่อนดีกว่า’
“พ่อจ๊ะ น้ำตาลขอไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวน้ำตาลลงมาใหม่” ชาลิดาขออนุญาตบิดาก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นไปยังบันไดชั้นสองของบ้านไม้หลังเก่าที่มีสภาพถดถอยลงตามกาลเวลา
เกือบครึ่งชั่วโมงชาลิดาก็กลับลงมาในชุดกางเกงยีนส์ขาสั้นและเสื้อยืดสีขาวตัวเก่าแต่ยังคงดูสะอาดสะอ้านตามนิสัยของคนสวมใส่ที่มักเอาใส่ใจอยู่เสมอ เธอคิดว่าของพวกนี้จะยังใช้ได้อีกนานหากเราดูแลรักษาเป็นอย่างดี กระทั่งฝีเท้าทั้งสองข้างชะงักกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า บัดนี้บ่อนหรือบ้านมีสภาพเละเทะราวกับเพิ่งเกิดศึกสงคราม ชาลิดาซอยเท้าลงมาหาบิดาด้วยอาการตื่นตระหนก
“พ่อจ๊ะ เกิดอะไรขึ้น”
“น้ำตาล มานี่เร็ว” ชายสูงวัยดึงแขนเล็กของบุตรสาวเพียงคนเดียวเข้าไปทางห้องครัวด้านหลังบ้านด้วยสีหน้าที่เครียดจัด
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะพ่อ ทำไมพ่อทำท่าแปลกๆ?” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่จำความได้และรับรู้ว่ามารดาเสียชีวิตลง ตนเองก็อยู่ในความดูแลของบิดามาตลอด
“น้ำตาล มึงต้องช่วยพ่อใช้หนี้” คนบ้าพนันยิ่งกว่าชีวิตตัดสินใจบอกลูกสาว มันถึงเวลาแล้วที่ลูกต้องตอบแทนบุญคุณของผู้ให้กำเนิด
“พ่อไปเป็นหนี้ใคร ทำไมน้ำตาลไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“มึงกำลังจะได้รู้ตอนนี้แหละ พ่อมึงน่ะติดหนี้พวกมันอยู่สองแสน” ชายสูงวัยบอกเสียงเครียด วงพนันแตกกระเจิงกับการมาทวงหนี้ของเจ้าหนี้ผู้มีอิทธิพล
“อะไรนะจ๊ะพ่อ ตั้งสองแสน แล้วน้ำตาลจะช่วยพ่อได้ยังไง” คำบอกเล่าของบิดาทำเอาดวงตากลมเบิกกว้างด้วยอาการตกใจ ทำไมพ่อถึงได้ก่อหนี้ไม่จบสิ้น นี่ยังไม่นับรวมกับหนี้รายวันดอกร้อยละยี่สิบบาทที่เจ้าหนี้หน้าเลือดคอยมาตามทวงอยู่ทุกวัน
“มึงต้องไปนอนกับมันขัดดอกให้พ่อ” ชลิตสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจังและไม่คิดจะละอายแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามกลับนึกถึงข้อเสนอที่คนเป็นเจ้าหนี้เคยให้ไว้เมื่อได้รับรู้ว่าลูกหนี้ของตนมีบุตรสาวหน้าตาน่ารัก
“พ่อขอผลัดเขาไปก่อนไม่ได้หรือจ๊ะ น้ำตาลไม่อยากนอนกับเขา” เพียงแค่ได้ยินสิ่งที่ผู้ให้กำเนิดสั่งวงหน้าสวยก็ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับอ้อนวอนบิดาเสียงแผ่ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชายสูงวัยรู้สึกสงสาร หนำซ้ำยังตะคอกกลับเสียงกร้าว
“อีน้ำตาล”
“พ่อจ๋า” เด็กสาวเรียกบิดาเสียงสั่น ทำไมท่านต้องบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่เต็มใจ
“พะ...พ่อขอโทษนะลูก พ่อเครียดมาก แต่ที่พ่อทำลงไปเพราะพ่อไม่อยากให้เราสองคนต้องตาย มันบอกว่าถ้าพ่อไม่มีเงินไปใช้ มันจะส่งคนมาฆ่าพ่อกับน้ำตาลนะ”
ชลิตโป้ปดลูกสาว พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบด้วยการพูดจาดีๆ จนคนฟังรู้สึกสงสารบิดาขึ้นมาจับใจ
“แต่ว่าน้ำตาลขอเวลาได้ไหมจ๊ะ” ถ้าจะต้องไปนอนกับผู้ชายที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า เธอก็ขอทำใจบ้าง ไม่ได้คิดว่าจะเป็นลูกอกตัญญู
“มันไม่ยอมแล้ว มันสั่งว่าน้ำตาลต้องไปตอนนี้” ชายสูงวัยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เศร้าสลด ดวงตาฉายแววเครียดจนเด็กสาวมองเห็นและรู้สึกได้ แต่ลึกๆ เธอก็ตั้งตัวรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ทัน
“ก็ได้จ้ะ แต่พ่อต้องสัญญานะว่าจะให้น้ำตาลกลับมาอยู่ที่นี่ด้วย” สุดท้ายเด็กสาวก็ยอมตกลงเมื่อรู้ถึงชะตากรรมของตน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องพรากจากอกผู้ให้กำเนิด ซึ่งอยู่ด้วยกันมาตลอดสิบแปดปีเต็ม
“พ่อสัญญาลูก” ชลิตรับปาก รั้งร่างบอบบางเข้ามาในอ้อมกอดด้วยความดีใจที่ลูกสาวยอมคล้อยตาม หารู้ไม่ว่าในหัวกลับมีความคิดเจ้าเล่ห์แอบแฝงโดยไม่สนใจความรู้สึกของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูก
‘พ่อให้มึงกลับมาแน่นอนน้ำตาล แต่ต้องหลังจากที่มึงกอบโกยจากไอ้เศรษฐีนั่นจนพ่อพอใจ เมื่อนั้นแหละมึงถึงจะได้กลับบ้าน’
เขาเชื่อว่าความสวยน่ารักไร้เดียงสาของบุตรสาวสามารถมัดใจเจ้าหนี้เงินกู้ตนได้แน่นอน
“เราออกไปข้างนอกดีกว่านะลูก” เวลานี้น้ำเสียงที่ชลิตใช้พูดกับลูกสาวเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เพราะผลประโยชน์ที่จะได้รับในวันข้างหน้าล้วนๆ
“จ้ะพ่อ” ชาลิดาพยักหน้ารับคำ แล้วเดินก้มหน้าตามบิดาออกไปด้วยอาการเศร้าสร้อย
“มาแล้ว” ชลิตพูดกับชายร่างสูงสองคนที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน ก่อนจะปรายตามองไปทางลูกสาวคนเดียวที่ยืนทำหน้าเศร้า แวบหนึ่งที่ชายสูงวัยรู้สึกสงสารเลือดเนื้อเชื้อไขของตน แต่ก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบเมื่อนึกไปถึงสิ่งที่จะได้มาในอนาคตข้างหน้า มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีก
“คุณโรมฝากมาบอกว่านี่แค่ดอกเบี้ย ทั้งต้นทั้งดอกที่เหลือไว้จะมาเคลียร์” หนึ่งในลูกน้องของโรมานี่หรือโรมซึ่งถูกตาต้องใจในความใสซื่อบริสุทธิ์ของชาลิดาทั้งๆ ที่เธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น
“เออ! รู้แล้ว” ชลิตตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะเดินหันหลังกลับไปดูแลความเรียบร้อยภายในบ่อนต่อ และไม่คิดจะแสดงความห่วงใยต่อลูกสาวเลยสักนิด
“ไปขึ้นรถ” เสียงลูกน้องหนึ่งในสองคนสั่งเหยื่อขัดดอกให้เดินไปยังรถยนต์หรู ในขณะที่ชาลิดาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจุดหมายปลายทางที่เธอจะต้องไปนั้นอยู่ที่ไหน
จนกระทั่งล้อรถยนต์จอดนิ่งสนิทบริเวณหน้าคฤหาสน์หรู สองเท้าค่อยๆ ก้าวลงจากรถก่อนจะมองสถานที่เบื้องหน้าตาโต บ้านที่ไม่ต่างไปจากวังซึ่งเคยพบเจอแต่ในละคร บัดนี้อยู่ตรงหน้าราวกับฝัน แต่สำหรับเธอคงเป็นฝันร้ายเสียมากกว่า
“เชิญข้างในครับ” ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าประตูเชื้อเชิญด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและเป็นมิตร ซึ่งเด็กสาวก็ยอมเดินตามเข้าไปแต่โดยดี
