บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 ความจากปากแม่

ความจากปากแม่

ณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย(ภาคอีสาน)

“แม่บอกเกื้อมาเถาะ ว่าพ่อเกื้อเป็นผู้ใด เกื้อแค่อยากฮู้ซือ ๆ ทอนี้อีหลี” (แม่บอกเกื้อมาเถอะ ว่าพ่อเกื้อเป็นใคร เกื้อแค่อยากรู้เฉย ๆ แค่นี้จริง ๆ) เสียงทุ้มถามเอาความจริงจากปากของมารดาอีกครั้ง ตั้งแต่ที่มารดาป่วย เขาก็มักจะถามคนเป็นแม่อยู่ตลอด ว่าบิดาของเขานั้นคือใคร

คุณพัฒน์ ปัญญากูล หรือ เกื้อกูล แต่คนสนิทมักเรียกขานกันว่า บักเกื้อ ชายหนุ่มในวัย 23 ปี หนุ่มกำพร้าบิดาตั้งแต่เกิด อาศัยอยู่กับผู้เป็นมารดาที่ให้กำเนิด เพียงแค่สองคน ที่บ้านปูนชั้นเดียวหลังเก่า ที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา

ชายหนุ่มที่ขาดบิดามาตั้งแต่เกิด ทำให้เป็นเด็กที่มีนิสัยก้าวร้าวมากพอสมควร เพราะต้องทำตัวเป็นคนเข้มแข็งจากการโดนเพื่อนล้อ และต้องคอยเป็นเกราะป้องกัน เป็นที่พึ่งให้แก่มารดาได้ ผู้หญิงซึ่งอันเป็นที่รักที่เขารักมากที่สุด ถึงจะเกเรบ้างตามประสาผู้ชาย เพราะอยู่ในวัยที่อยากรู้อยากลอง จนทำให้มารดานั้นเสียเงินเสียน้ำตามาแล้ว

และยังถูกตราหน้าว่า ‘บักคำผลาญ’ ตั้งแต่นั้นมา เขาได้ให้คำมั่นสัญญาต่อมารดาว่าจะเลิกนิสัยเกเร และหันมาตั้งใจทำงานหาเลี้ยงมารดาแทน ด้วยการช่วยงานของผู้เป็นลุงที่เปิดร้านซ่อมรถ เขามีความรู้มาบ้าง เพราะเขาจบช่างยนต์มา ถึงแม้จะจบเพียงแค่ ปวส. เพราะฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่ แถมมารดายังมาป่วยอีก เมื่อตรวจพบมะเร็งปากมดลูกเมื่อสามปีที่แล้ว

จากนั้นมาเขาก็เริ่มตั้งใจทำงาน เก็บเงินดูแลมารดามาโดยตลอด จนมาถึงปีนี้ ที่ผู้เป็นแม่ของเขาอาการทรุดลง เขาจึงถามหาความจริงจากปากของมารดา ว่าบิดาของเขานั้นคือใครกัน เพราะมักถูกคนล้อเสมอว่า เขานั้นหน้าตาไม่เหมือนมารดาเอาเลย ออกจะไปทางลูกครึ่งไทยผสมคล้ายกับต่างชาติ เพราะรูปลักษณ์ที่สูงโปร่งหุ่นราวกับนายแบบ แถมหน้าตาผิวพรรณก็ไม่ได้มาทางมารดาเลยแม้แต่น้อย

“เกื้อบ่ต้องฮู้ดอก ป่านนี้เพิ่นมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว สิมาอยากฮู้หยังเอาตอนนี้ แค่กกก” (เกื้อไม่ต้องรู้หรอก ป่านนี้เขามีครอบครัวใหม่ไปแล้ว จะมาอยากรู้เอาอะไรตอนนี้ แค่กกก) เสียงแหบของผุ้เป็นมารดาเอ่ยบอก พร้อมกับเสียงไอออกมา

คำหล้า ปัญญากูล หญิงวัยกลางคนในวัย 45 ปี ผู้เป็นมารดาที่ให้กำเนิด และเลี้ยงดูคุณพัฒน์มา เพราะชายอันผู้เป็นที่รักที่ทิ้งไปตั้งแต่เมื่อ 24 ปีก่อน

“เกื้อแค่อยากฮู้ แต่เกื้อกะบ่คิดสิตามหาเพิ่นดอกแม่ แต่แม่บอกเกื้อมาเถาะ” (เกื้อเพียงแค่อยากรู้ แต่เกื้อก็ไม่คิดที่จะตามหาเขาหรอกแม่ แต่แม่บอกเกื้อมาเถอะ) คุณพัฒน์พยายามรบร้าวคนเป็นแม่ ให้ท่านยอมบอก อย่างน้อย ๆ แค่ชื่อก็พอแล้ว

“เพิ่นเป็นคนกรุงเทพ แม่ฮู้แค่นี้แหละ” (เขาเป็นคนกรุงเทพ แม่รู้แค่นี้แหละ) คำหล้าตอบลูกชายออกไปแบบปัด ๆ เพื่อตัดปัญหา

“แม่มีรูปพ่อบ้อ” (แม่มีรูปพ่อไหม) เขาถามหาภาพถ่ายจากมารดาทันที

“มีทอนี่ละ...” (มีแค่นี่แหละ...) คำหล้าพูดพร้อมกับส่งรูปถ่ายใบเล็ก ๆ เก่า ๆ ที่เคยถ่ายไว้กับคนรัก เมื่อ 24 ปีก่อนให้แก่ลูกชายดูเป็นครั้งแต่ เพราะตั้งแต่ที่คุณพัฒน์เกิดมา ก็ไม่เคยให้ลูกชายเห็นเลย

“พงษ์พัฒน์”

“...ฮู้แล้วกะอย่าไปตามหาละ สิรบกวนครอบครัวใหม่เพิ่น” (...รู้แล้วก็อย่าไปตามหาละ จะรบกวนครอบครัวใหม่เขา) คำหล้าสั่งห้ามลูกชายไว้ทันที เพราะไม่อยากให้เขาตามหาพ่อ

“แม่บ่อยากฮู้บ้อ ว่าเป็นหยังเพิ่นคือถิ่มแม่ไปแบบนั้น” (แม่ไม่อยากรู้หรือ ว่าทำไมเขาถึงทิ้งแม่ไปแบบนั้น) คุณพัฒน์ถามเชิงคนเป็นแม่ขึ้นมาทันที

“มันผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วเกื้อ ขันเพิ่นอยากมาหาแม่ เพิ่งคงสิมาตั้งแต่โดนแล้ว บ่ปล่อยให้แม่เลี้ยงเกื้อผู้เดียวเองแบบนั้นดอก เซาถามเรื่องนี้ แล้วไปตั้งใจเฮ็ดการเฮ็ดงาน ถ้าอยากไปตามหาพ่อ กะต้องถ่าให้แม่ตายก่อน...” (มันผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วเกื้อ ถ้าเขาอยากมาหาแม่ เขาคงจะมาตั้งนานแล้ว ไม่ปล่อยให้แม่เลี้ยงเกื้อคนเดียวเองแบบนี้หรอก เลิกถามเรื่องนี้ แล้วไปตั้งใจทำการทำงาน ถ้าอยากไปตามหาพ่อ ก็ต้องรอให้แม่ตายก่อน...)

คำหล้าเอ่ยออกมาตามความจริง เพราะหากว่าชายคนที่รัก รักเธอจริง ๆ คงไม่ปล่อยให้เธออุ้มท้องและคลอดลูกมาอย่างเด็ดเดี่ยว โดยถูกชาวบ้านนินทาว่าลูกที่เกิดมา คือลูกไม่มีพ่อหรอก

ความเจ็บปวดที่ตราตึงที่ยังคงฝังอยู่ในใจครานั้นทำให้เธอต้องดั้นด้น หอบท้องย้ายถิ่นฐานมาอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

“แม่คือเว้าจังสี้ล่ะ แม่ต้องอยู่นำเกื้อไปโดน ๆ เกื้อมีแม่แค่ผู้เดียว เกื้อฮักแม่เด้อ” (แม่ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ แม่ต้องอยู่กับเกื้อไปนาน ๆ เกื้อมีแม่คนเดียว เกื้อรักแม่นะ) เขาหน้าถอดสีทันที ที่มารดาเอ่ยคำนี้ออกมา

“ขันเกื้อฮักแม่ เกื้อกะต้องตั้งใจเฮ็ดงาน เปลี่ยนแปลงเจ้าของ เฮ็ดเพื่อแม่เทื่อสุดท้ายได้บ่ลูก...” (ถ้าเกื้อรักแม่ เกื้อก็ต้องตั้งใจทำงาน เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำเพื่อแม่ครั้งสุดท้ายได้ไหมลูก...) คำหล้ายืนคำขาดกับลูกชายออกมา

“...ครับ เกื้อสิปรับปรุงโตเจ้าของให้ดีขึ้นกว่านี้ แต่แม่ต้องสัญญาคือกันเด้อ ว่าแม่จะอยู่นำเกื้อไปโดน ๆ” (...ครับ เกื้อจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นกว่านี้ แต่แม้ต้องสัญญาเหมือนกัน ว่าแม่จะอยู่กับเกื้อไปนาน ๆ) เขานิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะตอบรับคำของมารดา

“ปรับปรุงเจ้าของ เซาเที่ยว เซากินเหล้า แล้วตั้งใจเฮ็ดงาน ถ้าเกื้อยังเป็นอยู่แบบนี้ ผู้ใดเขาสิอยากแต่งงานนำ...” (ปรับปรุงตัวเอง เลิกเที่ยว เลิกดื่มเหล้า แล้วตั้งใจทำงาน ถ้าเกื้อยังเป็นอยู่แบบนี้ ใครเขาจะอยากแต่งงานด้วย)

เพราะคนเป็นแม่ก็อยากเห็นลูกออกเรือนเป็นฝั่ง เป็นฝากันทั้งนั้น

“เกื้อบ่เอาดอกเมีย อยู่กับแม่แค่สองคนกะมีความสุขแล้ว...” (เกื้อไม่เอาหรอกเมีย อยู่กับแม่แค่สองคนก็มีความสุขแล้ว) เขารีบปฏิเสธทันควันเมื่อมารดาเอ่ยถึงการออกเรือน

“เกื้ออายุ 23 แล้วเด้ แม่อยากเห็นเกื้อมีครอบครัว มีลูกคือหมู่คนอื่น ๆ ถ้าเกื้อสัญญาว่าสิบ่กลับไปเฮ็ดโตแบบเก่าอีก แม่สิอนุญาตให้เกื้อไปตามหาพ่อ” (เกื้ออายุ 23 แล้วนะ แม่อยากเห็นเกื้อมีครอบครัว มีลูกดหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ถ้าเกื้อเกื้อสัญญาว่าจะไม่กลับไปทำตัวแบบเดิมอีก แม่จะอนุญาตให้เกื้อไปตามหาพ่อ)

ถึงอย่างไรก็คงจะห้ามลูกตามหาบิดาไม่ได้ แต่คำหล้าก็มักจะหาเหตุผลมาพร่ำบอกอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าลูกชายนั้นจะไม่เชื่อฟังก็ตาม

“เกื้อเซามาหลายปีแล้ว แต่แม่เว้าอีหลีนะว่าสิให้เกื้อไปตามหาพ่อ” (เกื้อหยุดมาหลายปีแล้ว แต่แม่พูดจริง ๆ นะว่าจะให้เกื้อไปตามหาพ่อ)

เพราะตั้งแต่ที่ทราบว่ามารดาป่วย นับแต่นั้นมา เขาก็ปฏิญาณตนกับตัวเองและมารดา ว่าจะเลิกทำนิสัยเกเร และเขาก็ทำมาได้แล้วสามปี

“เป็นหยังจังคืออยากมาฮู้และตามหาเอาตอนนี้ ว่าพ่อเป็นไผ” (ทำไมถึงอยากรู้ อยากตามหาเอาตตอนนี้)

เพราะก่อนหน้านี้ ไม่เคยได้ยินลูกชายพูดถึงบิดมาให้ได้ยินเลยแม้สักครั้ง

“เกื้ออยากฮู้ตั้งแต่โดนแล้ว แต่เกื้อบ่กล้าถามแม่ และตอนนั้นกะยังเด็กน้อยอยู่นำ...” (เกื้ออยากรู้ตั้งนานแล้ว แต่เกื้อไม่กล้าถามแม่ และตอนนั้นก็ยังเด็กด้วย)

“เว้ามาแบบนี้ คงสิอยากตามหาอีหลีแม่นบ่” (พูดแบบนี้ คงจะอยากตามหาจริง ๆ ใช่ไหม) ผู้เป็นมารดาได้แต่เอ่ยถามกลับ

คุณพัฒน์ไม่ได้เอ่ยตอบอะไรมารดาออกไปแม้แต่คำเดียว แต่กลับเป็นการพยักหน้าให้มารดาแทนคำตอบทุกอย่าง

------------------------------

ฝากเอ็นดูบักหล่าเกื้อกูลของไรท์นำเด้อจ้า...♥️

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel