บทที่ 2 ภูเขาอู่หลิงหยวน
ตอนที่ 2
ปัจจุบัน ปี 1983
หลายหมื่นผ่านไป……… สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามการเวลา เกิดยุดสมัยใหม่ขึ้นพลัดเปลี่ยนไปรุ่นสู่รุ่น
ณ บ้านตระกูลเวิน ตระกูลที่ทำอาชีพขุดหาสมบัติ ค้าของเก่าวัตถุโบราณ สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นจนถึงทุกวันนี้
ชีเหนียง หญิงสาววัย 26 ปี ลูกสาวคนเดียวของ เวิน อี๋เจ๋อ ผู้นำตระกูลคนปัจุบัน แต่เขากับชอบทำตัวลึกลับ
ตั้งแต่แม่ของชีเหนียงตาย ก็ไม่ค่อยอยู่บ้านหายเข้าป่าไปเป็นปีสองปีถึงจะมาเจอหน้าลูกสาวสักครั้งหนึ่ง ชีเหนียงแม้จะไม่มีแม่และพ่อค่อยสั่งสอนดูแลแต่ก็เติบโตมาอย่างดีฉลาดและแข็งแกร่ง เพราะลุงเกาคนสนิทของพ่อค่อยดูแลและสั่งสอนมาจนโต
“พี่ชีเหนียงบ้านเราใกล้จะอดตายกันหมดแล้วนะ ดูเสบียงแล้วผมว่าอยู่อย่างประหยัดก็คง ไม่เกินสามเดือนแล้วพี่"
อาฉีลูกชายแฝดคนน้องของลุงเกาอายุอ่อนกว่าชีเหนียง สองสามปี และอาเฟยแฝดคนพี่ที่ตอนนี้ออกไปสืบหาแหล่งข่าวของโบราณและพวกสมบัติที่ยังไม่มีใครหาเจอ
"รู้แล้ว มีอะไรมีค่าเหลืออยู่เอาออกไปขายแลกเสบียงมาตุนไว้ก่อน”
"พี่แต่เราแทบไม่มีอะไรเหลือแล้วนะ"
"เฮ้อ.... แล้วอาเฟยล่ะ ใกล้กับมาหรือยัง จะได้เรื่องอะไรบ้างใหม”
หญิงสาวถอนหายใจอย่างเคร่งเคลียด มองสมาชิกในครอบครัวและลูกน้องอีกหลาย คน นี้ฉันมันแย่ขนาดนั้นเลยไม่สามารถดูแลใครได้เลยหรือเนี้ย ฉันจะพาทุกคนอดตายกันหมดไม่ได้นะ
"พ่อ... พี่ชีเหนียง.... อาฉี อาเฟยกลับมาแล้ว" เสียงตะโกนเรียกดังลั่นมาตั้งแต่ทางเดินหน้าบ้าน
“เป็นไง อาเฟย นั้งพักก่อน ได้เรื่องอะไรบ้าง" ชีเหนียงถามอย่างกระตืนรือร้น
“ได้สิพี่ ทุกคนดูนี้"
อาเฟยพูดอย่างลนลานพร้อมหยิบสิ่งของรูปทรงกระบอกสีดำที่ดูเก่าแก่ อาเฟยเปิดออกและดึงของด้านในออกมากว่างลงบนโต๊ะ ทุกคนพบว่าบนผืนหนังสัตว์นี้มันดูเหมือนแผนที่อะไรสักอย่าง ชีเหนียงมองอย่างพินิจพิเคราะห์
“อาเฟยไปเอามาจากไหน" ผู้เป็นพ่อถามบุตรชายด้วยความสงสัย
“อาเฟยเจอโดยบังเอิญครับพ่อ เมื่อหลายวันก่อนระหว่างที่ผมเดินทางกลับผ่านตำบลทางใต้ จะกลับมาที่บ้าน ลมพัดแรงเหมือนจะมีพายุและฝนก็ตก ผมเห็นมีวัดร้างอยู่พอให้หลบฝนได้เลยเข้าไปหลบก่อน พายุก็พัดแรงมากจู่ๆเจ้ากระบอกนี้มันก็ตกลงมาจากขื่อหลังคา ผมเลยเก็บมาเปิดดูก็พบแผนที่ คิดว่าหน้าจะเป็นที่ซ่อนสมบัติแน่ๆ"
“ดีมาก ครั้งนี้ถือว่าไม่เสียป่าว"
“ชีเหนียง ลุงว่าตรวจสอบให้ดีก่อน "
“ มันเป็นอะไรไปไม่ได้หลอกค่ะลุง นอกจากที่ซ่อนสมบัติ อาฉี ไปหาข้อมูลเรื่องภูเขาอู่หลิงหยวน ชื่อตามในแผนที่นี้ ว่าแต่ลุงเกาเคยได้ยินชื่อเขานี้ใหมคะ”
"ลุงก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้นะ"
"นั้นไง ไม่เคยได้ยินก็ไม่ใช่ว่าไม่มีไงคะ แสดงว่าเราจะเป็นคนแรกที่ค้นพบ คราวนี้แหละรวยแน่นอน"
ชีเหนียงพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
“พี่ชีเหนียง เขาอู่หลิงหยวน อยู่แถบทางใต้ของอำเภอฉือลี่ ต้องเดินเท้าเข้าป่าหลายร้อยกิโล มีภูเขาและเสาหินสูงชันหลายสิบลูก และเขาอู่หลิงหยวนก็คือหนึ่งในเขาหลายสิบลูกนั้น"
“หลายสิบลูก แล้วเราจะหาเจอมั่ยเยอะขนาดนั้น"
“อาเฟยแต่เรามีแผนที่ ที่นายได้มานะ เราต้องเจออยู่แล้ว และเป็นกลุ่มแรกที่เจอด้วย พวกนายสองคนไปเตรียมคนและเสบียงให้พร้อม เดี๋ยวพี่จะดูแผนที่เอง อีกสองวันเราจะออกเดินทาง"
“ครับพี่" อาฉี และ อาเฟยรับคำและรีบเร่งออกไป
“ชีเหนียง ลุงว่าดูให้ดีก่อนเถอะลูก อย่ารีบร้อนเลยมันจะอันตรายนะลูก"ลุงเกากล่าวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
"ไม่มีอะไรหลอกค่ะลุง ไม่ต้องเป็นห่วง หนูไม่ได้ออกหาสมบัติครั้งแรกที่ไหน หนูอ่ะระดับไหนและคะลุงหลานลุงเก่งจะตายไป"
“ช่างดื้อรั้นเสียจริง ก็ลุงเป็นห่วงเราน่ะ เป็นผู้หญิงแต่ดูสิทำตัวอย่างกะผู้ชาย และหนุ่มบ้านไหนเขาจะมาขอ”
“ไม่มีหนุ่มมาขอก็ดีแล้วค่ะ เดี๋ยวถ้าหนูเจอใครถูกใจหนูจะไปขอเขาเอง" ชีเหนียงเชิดหน้าตอบอย่างน่าไม่อายสร้างความขบขันให้แก่ลุงเกายิ่งนัก
“เจ้าเด็กคนนี้ ห้ามอะไรไม่เคยได้จริง" ลุงเกาพูดพร้อมสายหัวไปมาเบาๆ
สองวันต่อมา
กลุ่มของชีเหนียงเดินทางโดยรถยนต์มายังทางใต้ของอำเภอฉือลี่ กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลานั่งรถไปสองวันกว่าๆสร้างความเมื่อยขบไม่น้อย
“ นี้ก็ใกล้ค่ำแล้ว เดี๋ยวพวกเราหาที่พักแถวนี้ก่อนแล้วพรุ่งนี้เราค่อยออกเดินทางไปบริเวณจุดเริ่มต้นของแผนที่จากที่ดูมันไม่ไกลจากจุดที่เราอยู่ตอนนี้เท่าไรนัก"
รุ่งสางกลุ่มของชีเหนียงก็พร้อมออกเดินทาง เมื่อเริ่มก้าวเข้าไปยังเขตป่าสายลมเย็น ๆ ก็พัดเข้ามาทักทาย ต้นไม้ใบไม้หนาแน่นจนแสงแทบไม่ตกถึงพื้น เปลือกไม้หนาสีน้ำตาลกลมกลืนกับพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นอยู่ตามพื้น
เวลาเดินเหยียบเสียงดังกรอบแกรบ ยิ่งเดินทางลึกเข้าไปเรื่อย ๆ สภาพแวดล้อมรอบกายยิ่งเปลี่ยนไปมีต้นไม้สูงใหญ่ดูแปลกตามากมายซึ่งไม่เคยได้พบเจอที่ไหน บางที่รกจนต้องอ้อมเลี่ยงไปอย่างทุลักทุเล สภาพอากาศทั้งชื้นและร้อนอบอ้าว กลุ่มของชีเหนียงเดินทางเข้าป่ามาก็กินเวลาไปหกคืนแล้ว
“ดูจากแผนที่พรุ่งนี้เราน่าจะใกล้เขาอู่หลิงหยวนแล้วทุกคน อดทนกันหน่อยนะ อาฉี อาเฟย ใกล้มืดแล้วเราพักแถวนี้ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ “
“ ครับพี่"
เจ้าแฝดตอบรับอย่างรวดเร็ว รีบจัดแจงช่วยกันกับลูกน้องอีกสามคน เตรียมที่พักและอาหารพักผ่อนเอาแรงเพื่อเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้
วันรุ่งขึ้นกลุ่มของชีเหนียงรีบเร่งออกเดินทางแต่เช้าตรู่ไม่ถึงครึ่งวันก็พ้นป่ารกทึบ เจอทุ่งกว้างด้านหน้ามองเห็นทิวเขาอีกไม่ไกล จึงเร่งฝีเท้าเดินทางกันต่อโดยไม่หยุดพัก
ไม่นานนักก็พบภูเขาหลายลูกสูงตะหง่าน และเสาหินแท่งใหญ่เรียงรายสลับสูงต่ำมากมายสุดลูกตา
“พวกเราถึงแล้ว"
“แต่มันเขาลูกไหนครับพี่เหนียง อาฉีเห็นภูเขามายมากเช่นนี้เราจะรู้ได้ไงครับว่าลูกไหน"
" ทุกคนดูนี้"
ชีเหนียงกางแผนที่ออกพร้อมเห็นทุกคนมาดู
“ เมื่อครู่นี้ที่เราเดินข้ามทุ่งกว้างนี้มาทางนี้ จุดเครื่องหมาย X นี้บนรูปภูเขา ด้านซ้ายมีเสาหินสามต้น เรียงจากต่ำไปสูง ด้านขวามีสามต้น ต้นที่ต่ำสุดอยู่ตรงกลาง ด้านหน้ามีเขาลูกเล็กดูไม่สูงมากนัก"
พูดจบชีเหนียงลุกขึ้นยืนมองไปรอบ ๆ ก็สะดุดตาเข้ากับภูเขาลูกหนึ่งซึ่งตรงกับภาพในแผนที่
“ นั้นไง เขาลูกนั้นแน่ๆ ไปเดี๋ยวพวกเราเดินเลี่ยงเลาะเข้าลูกเล็กนั้นไป"
ใช้เวลาไม่นานนักในที่สุดก็มาถึงหน้าเขาอู่หลิงหยวนที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ป่าจนได้กลิ่นของมันยามเมื่อลมพัดผ่าน ทุกคนช่วยกันสำรวจบริเวณรอบๆ ก็พบปากถ้ำที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์ป่าขึ้นหนาแน่น จนแทบมองไม่ออกว่ามีปากถ้ำซ่อนอยู่
จึงช่วยกันฟันเถาวัลย์ออกให้พอเดินลอดเข้าถ้ำไปได้ พื้นผิวภายในถ้ำทั้งลื่นและขรุขระมีตะไคร้สีเขียวเกาะเป็นหย่อมๆ อีกทั้งยังมืดและชื้นทั้งกลิ่นสาบจากขี้ค้างคาวบรรยากาศชวนอึดอัดและน่าขนลุกอยู่ไม่น้อยหลังจากเดินสำรวจภายในถ้ำ
ในสุดก็พบโถงขนาดใหญ่ มีหินขรุขระก้อนใหญ่สูงประมาณสีา เมตร ตั้งตะหง่านอยู่กลางโถงถ้ำซึ่งมันใหญ่มากจนมองไม่เห็นอีกฝั่งของโถง
“เอาล่ะทุกคน เราต้องปีนข้ามหินก้อนใหญ่นี้ไปสำรวจดูอีกฝั่งหนึ่ง เดี๋ยวฉัน กับอาฉี อาเฟย จะปีนไปข้ามก่อนพอไปถึงอีกฝั่ง ฉันให้สัญญาณมาแล้วพวกพี่ก็ตามไปได้เลยนะ ”
ระหว่างที่ชีเหนียงกำลังปีนไปได้เกินครึ่งของความสูงนั้น เกินเหยียบพลาดลื่นเสียหลักฝ่ามือจึงเกาะหินไว้แน่นแต่ความคมของหินนั้นบาดฝ่ามือของชีเหนียง เลือดสีแดงสดๆ ไหลออกจากบาดแผลเป็นทางหยดลงหินนั้น
แต่ก็ต้องฝืนทนความเจ็บปวดเกาะไว้แน่นและทรงตัวให้อยู่เพื่อปีนข้ามไปให้ได้ แต่แล้วเลือดของชีเหนียงที่ไหลออกจากบาดแผลมันซึมหายไปไนก้อนหินนั้น
ยังไม่ทันที่ชีเหนียงจะรู้ตัว หินก้อนนี้เกิดสั้นสะเทือน ทุกคนต่างมองหน้ากัน ทันใดนั้นก็เกิดแสงสีขาวสว่างออกมาจากหินก้อนนี้ แสงเริ่มสว่างจ้าไปทั่วทั้งโถงถ้ำจนสายตาไม่อาจทนได้
ชั่วพริบตาแรงสั้นสะเทือนแรงมากขึ้นจนหินก้อนนี้ระเบิดออกชีเหนียงและคนอื่นต่างกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง ก้อนหินปลิวกระจัดกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยไปทั่วโถง
ไม่นานนักทุกอย่างก็สงบลงปรากฏร่างเงาผู้หนึ่งรูปร่างผอมสูงยืนอยู่ท่ามกลางฝุ่นผง ชีเหนียงเพ่งมองภาพตรงหน้าก็ทำให้ประหลาดใจ.......
