3
หญิงสาวที่ถูกกล่าวถึงย้อนอย่างเซ็งๆ ก่อนกระแทกตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างกายคนพูด ตวัดสายสะพายกระเป๋าออกจากลำตัว ไขว้ขานั่งเอนตัวพักเหนื่อย แล้วหยิบกระดาษแข็งที่วางบนโต๊ะโบกพัดให้ตนเอง
“อารมณ์เสียอะไรแต่เช้าล่ะ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง ไปกินข้าวกันก่อนไหมอิน” กมลเสียงอ่อนลงแบบนี้ทุกที ที่เห็นเธอฟาดงวงฟาดงา ถามไถ่แทบจะเหมือนพี่ชายของเธอก็ว่าได้
“ยังไม่กิน” ศศิธิดาตอบ แล้วระบายอารมณ์ต่อ “จะไม่ให้อารมณ์เสียแต่เช้าได้ไง” เธอบ่นให้กมลฟังเรื่องอุบัติเหตุในตอนเช้า พอเล่าจบเป็นจังหวะเดียวกับที่คนฟังสะกิดเรียกให้หันหน้าออกไปดูนอกชั้นเรียนที่อยู่ห้องล่างสุดของอาคาร ตรงข้ามกับอีกคณะพอดิบพอดี
“อิน เจ้าชายแกมานู่นแล้ว”
ศศิธิดาหันขวับไปมองตามที่อีกฝ่ายบอก ชายหนุ่มหน้าหน้าหวาน ขาวและใสสไตล์เกาหลี ลงจากรถยุโรปคันเดียวกันกับเมื่อเช้า สายตาของเธอไล่ไปตามป้ายทะเบียนรถที่เคลื่อนตัวออกไปพอดี นั่นมันรถคันเดียวกันเลยนี่นา หันมาบอกกมลด้วยท่าทีอ่อนลง
“เออ ไม่โกรธแล้วก็ได้ ที่แท้ก็รถของพ่อเทพบุตรสุดหล่อนี่เอง”
กมลมองแล้วอดอิจฉาชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ แต่ไม่กล้าแสดงออกให้อีกฝ่ายรู้ ได้แต่แหย่ไปอีกเรื่องว่า “เอาคนนี้เลยดีไหมอิน ไปให้แม่จ๋าแกดู ว่าแกน่ะมีแฟนแล้ว จะได้เลิกจับคู่ให้เสียที”
คนพูดพูดออกไปใจพลันปวดแปลบ เพราะเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงตั้งแต่เข้าวัยรุ่น แอบชอบศศิธิดามานาน ชอบมากจนตามมาเรียนคณะและมหาวิทยาลัยเดียวกัน นี่ถ้าเจ้าตัวรู้เข้า กมลคงโดนเธอตัดเพื่อนเป็นแน่
“ความคิดดีนี่กมล แต่...ไม่เอาดีกว่า ที่เราชอบน่ะเพราะหน้าตาเขาดูจิ้มลิ้มน่ารักเหมือนผู้หญิงต่างหาก ไม่ได้อยากเอามาทำพันธ์หรอกน่า”
“จริงเหร้อ”
คนถามลากเสียงสูง ใจเต้นตูมตาม เมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่ตนแอบชอบไม่ได้คิดอะไรกับกระทาชายรายนั้นที่เป็นถึงเดือนคณะ หน้าตาหวาน ฐานะทางบ้านดี สาวๆยังติดมันเกรียวอีก ใครจะติดก็ติดไป ขอแค่ศศิธิดาไม่ไปสนใจก็พอ
“เซ้าซี้ถามทำไมนักกมล” หญิงสาวหงุดหงิดใส่เพื่อนอีกครั้ง
เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อน แม่จ๋าและพ่อจ๋าเพิ่งนัดลูกชายร้านปุ๋ยในตลาดให้เธอได้รู้จักกับทางนั้น รู้ทั้งรู้ว่าใจจริงของผู้ใหญ่คืออยากให้เธอเกี่ยวดองด้วย แถมหมอนั่นยังทำท่าจะเล่นตามเกมเสียอีก ศศิธิดาเลยแสร้งทำสงบเสงี่ยมให้ผู้ใหญ่ตายใจ พอลับหลังแค่ขู่นิดขู่หน่อย นายนั่นก็กลัวจนหัวหดไม่กล้าติดต่อกลับมาอีกเลย
ก่อนหน้านู้น...ก็ชายแก่คราวพ่อ ที่ผู้ใหญ่แนะนำให้รู้จักกับเธอ แค่มองตาก็รู้ว่าตานั่นโลลิคอน อยากกินเด็กใจจะขาด พอสบโอกาสเหมาะเธอแกล้งบีบน้ำตานิดเดียวเท่านั้น ออกตัวว่าสงสารผู้ชายที่คิดจะมาแต่งงานกับเธอ เพราะตัวเองเพิ่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว คิดแล้วสะใจอยู่เลยที่หมอนั่นหน้าเหลือไม่ถึงเซ็นต์ เผ่นกลับทางเดิมแทบไม่ทัน
ฮึ! จะต้องมีใครมาดูแลทำไมกัน เธอดูแลตัวเองได้ พ่อจ๋ากับแม่จ๋าคิดมากกันไปก็ปวดหัวเปล่าๆ
“แล้วทำไมต้องรีบให้อินแต่งงานด้วยวะ”
กมลถามขึ้น เขาอยากรู้เต็มทีแล้ว รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งอย่างกมลชนะกับเขาสักครั้งก็น่าจะดี เขารู้ว่าผู้ใหญ่ของศศิธิดาไม่ชอบให้เพื่อนชายวัยเดียวกันมาเกาะแกะกับหลานของท่าน กมลจึงรักษาสถานะเพื่อนอย่างนี้ได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะอยากขยับเป็นคนรู้ใจมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้เสียที
