บทที่ 1. แรกพบที่อาจจะเป็นแรกรัก...
ณ หน้าผับหรูชื่อดังใจกลางเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อของภาคตะวันออกที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งหญิงชายต่างก็เดินขวักไขว่ไปตามท้องถนนหลากสีแสงจนบางครั้งมันดูน่าเวียนหัวเสียเหลือเกินในความรู้สึกนึกคิดของ นาง หรือ อังศณา หญิงสาววัยยี่สิบสามพนักงานบัญชีของห้างหรูชื่อดัง แกรนด์เจนเซ่น ซึ่งเป็นของไฮโซตระกูลดังที่ร่ำรวยมหาศาลติดอันดับโลกเลยทีเดียว...
“เฮ้ย จีจี้ ฉันว่าเรากลับเหอะ ฉันไม่อยากเข้าไปแล้ว...”
หญิงสาวบอกเพื่อนรักซึ่งได้ผ่าตัดแปลงเพศจากหนุ่มน้อยรูปร่างอ้อนแอ้นจนเป็นหญิงสาวแสนสวยแล้วเรียบร้อยด้วยความประหม่าและเริ่มไม่มั่นใจว่าตนทำถูกหรือไม่ ก็ตั้งแต่เล็กจนเธอเคยเที่ยวผับเที่ยวบาร์กับเขาเสียที่ไหน เพราะวันๆ เธอมีแค่งานกับเรียน เรียนแล้วก็ทำงานเท่านั้น...
“แกจะกลัวทำไมวะ แกมากับฉันไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น โน่นไง ร็อบยืนอยู่ตรงนั้น ไปๆๆ”
จีจี้ หรือ แจ็กเกอร์รีน คือชื่อของเธอ และแจ็กเกอร์รีนก็เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่อังศณามักจะไปไหนมาไหนด้วยเป็นประจำเพราะรู้จักและเติบโตมาด้วยกัน ร่างบางของอังศณาเดินตามแรงรั้งของเพื่อนสาวไปอย่างเสียไม่ได้แม้แข้งขาจะสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่...
แจ็กเกอร์รีนซึ่งเมื่อก่อนนั้นชื่อ จักรินทร์ เพื่อนข้างบ้านหลังเล็กๆ ของเธอในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง ในอดีตเด็กชายจักรินทร์นั้นผอมบาง มีผิวที่ขาวซีด ขี้อายและค่อนข้างเก็บตัว บิดามารดานั้นประกอบอาชีพรับจ้างและไม่ค่อยมีเวลาดูแลเด็กชายมากนัก จึงมักเอาเด็กชายจักรินทร์ไปฝากเพื่อนที่ทำอาชีพหมอนวดให้ช่วยเลี้ยงบ่อยๆ และด้วยความที่บ้านหลังนั้น เป็นที่พักของหญิงสาวหลากหลายอาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวที่ทำงานในผับหรือไม่ก็งานในโรงแรมหรือสถานบันเทิง ทำให้เด็กชายซึมซับและมีพฤติกรรมที่ค่อนไปทางสตรีเพศ ความที่ร่างกายบอบบางอ้อนแอ้น กิริยาก็ชดช้อยและจิตใจที่โอนเอียงมาทางอิสตรี จึงไม่แปลกที่เขาจะกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัวในวันนี้ และยังมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นจากชีวิตที่อยู่ท่ามกลางแสงสีและมายาแห่งเมืองที่เต็มไปด้วยความเจริญด้านวัตถุแห่งนี้
“รอจีจี้นานไหมคะร็อบ...”
แจ็กเกอร์รีนตรงเข้าไปเกาะแขนแข็งแรงของแฟนหนุ่มนามว่าร็อบ หรือโรบิน แสตนลี่ ชายหนุ่มวัยสามสิบผู้หล่อเหลานักธุรกิจชาวอังกฤษที่มาธุรกิจในเมืองไทยแล้วบังเอิญถูกใจและหลงรักแจ็กเกอร์รีนสาวเทียมผู้นี้หมดใจ ซึ่งร็อบก็รับได้ในสิ่งที่แจ็กเกอร์รีนเป็นซึ่งทั้งสองก็มีแผนการจะวิวาห์กันในเร็ววันนี้ด้วย
“นี่ นาง เพื่อนรักของจีจี้ที่เคยเล่าให้คุณฟังบ่อยๆ ไงคะ คืนนี้เธอจะไปกับเราด้วย”
“สวัสดีค่ะ คุณร็อบ”
“สวัสดีครับนาง คุณน่ารักมาก สวยน่ารักกว่าที่ผมนึกไว้เสียอีก จีจี้พูดถึงคุณบ่อยๆ และยังชมว่านางเป็นเพื่อนรัก ที่ทั้งสวยและใจดีที่สุดด้วย...”
ร็อบทักทายอังศณาอย่างสนิทสนมเป็นกันเองในเวลาอันรวดเร็ว เขารู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวตรงหน้านี้นักเนื่องจากแจ็กเกอร์รีนพูดถึงอังศณาให้เขาฟังบ่อยๆ นั่นเอง แต่วันนี้หญิงสาวที่แสนชืดเชยอย่างที่แจ็กเกอร์รีนชอบกล่าวถึงนั้นไม่มีแววของความเฉิ่มเชยจืดชืดเลยสักนิด อังศณาดูสวยเซ็กซี่เย้ายวนโดยธรรมชาติ เดรสสั้นเกาะอกสีน้ำตาลมันวาวรัดรูปแนบไปเนื้อนวลโชว์สัดส่วนแห่งวัยสาวลออตาชวนให้คนมองหลงใหลได้ไม่ยาก ใบหน้าเรียวรูปไข่แต่งแต้มสีสันด้วยเครื่องสำอางที่แจ็กเกอร์รีนประทินให้อย่างไม่กลัวเสียของดูงดงามสะดุดตายิ่งนักในค่ำคืนนี้
“จีจี้ชอบพูดเกินความเป็นจริงค่ะ จริงๆ แล้วนางไม่ได้สวยน่ารักขนาดนั้นหรอกค่ะ” อังศณาพูดคุยกับโรบินอย่างสนิทสนมหลังจากที่ทั้งสามเข้ามาในผับหรูและเลือกมุมสงบนั่งดื่มกันเรื่อยๆ สบายๆ
“นางน่ะเขาชอบถล่มตัวค่ะร็อบทำตัวเป็นแม่พระเป็นนางเอก จึงถูกผู้ชายชั่วๆ คนหนึ่งหลอกอยู่ได้เป็นปีๆ” แจ็กเกอร์รีนพูดขัดเพื่อนรักอย่างหมั่นไส้
“แหมจีจี้แกก็คอยแต่จะว่าฉันแบบนี้เสมอแหละ”
“ก็มันจริงนี่ แกน่ะมันโง่ๆๆ แล้วเป็นไงล่ะโดนไอ้แมงดานั่นมันหลอกยังไม่พอ มันยังจะปล้ำรวบหัวรวบหางซะด้วย”
แจ็กเกอร์รีนพูดออกมาอย่างเหลืออด ยิ่งเมื่อพูดถึง ก้องกรุณ ยิ่งทำให้แจ็กเกอร์รีนไม่สบอารมณ์ แต่อังศณาก็หาได้โกรธเพื่อนรักไม่กลับรู้สึกว่าหากในวันนั้นไม่มีแจ็กเกอร์รีนเธอเองยังคงเป็นคนโง่งมอยู่และอาจจะเสียทีให้กับผู้ชายเลวๆ อย่างก้องกรุณก็เป็นได้
“เอาเถอะน่าจีจี้ที่รัก มันก็ผ่านไปแล้วนี่แล้วนางเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไม่ใช่เหรอ ที่รักทำหน้าแบบนี้ไม่สวยนะรู้ไหมครับ...”
โรบินซึ่งรู้ทุกอย่างดีเพราะแฟนสาวเล่าเหตุการณ์ให้ฟังพูดเบาๆ พลางยิ้มให้หญิงสาวที่นั่งตาแป๋วอยู่อย่างอ่อนโยน... อังศณายิ้มให้กับภาพความน่ารักหวานแหววของเพื่อนรักกับแฟนหนุ่มแล้วก็นึกถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมาทันที
เธอทำงานเป็นพนักงานฝ่ายบัญชีของห้างสรรพสินค้าแกรนด์เจนเซ่นห้างหรูชื่อดัง ส่วนก้องกรุณนั้นเป็นรุ่นพี่ที่ทำงานในเครือห้างหรูเช่นเดียวกันกับเธอ เขาเป็นหัวหน้าแผนกฝ่ายขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่อยู่กันคนละสาขาก้องกรุณประจำสาขาในกรุงเทพฯ ขณะที่เธออยู่สาขาต่างจังหวัดซึ่งเป็นจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเมืองไทยแห่งนี้ ก้องกรุณเป็นชายหนุ่มรูปหล่อพูดจาไพเราะอ่อนหวานและเป็นที่หมายปองของสาวๆ ห้างแกรนด์เจนเซ่นแต่เขากลับมาขอคบเธอเป็นแฟนจนเป็นที่ฮือฮาในสังคมที่ทำงานของเธอที่ใครๆ ต่างก็ไม่อยากเชื่อว่าก้องกรุณจะมาคบกับเธอผู้หญิงแสนธรรมดาหน้าตาจืดชืดเช่นนี้...
เธอกับก้องกรุณคบหากันในฐานะคนรักมากว่าสองปีแต่ด้วยความที่แฟนก้องกรุณนั้นมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาและเจ้าคารม ทำให้มีสาวๆ มากหน้าหลายตาวนเวียนเข้ามาสานสัมพันธ์ไม่ขาดสาย และเขาก็ไม่ปฏิเสธที่จะสานสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืนกับสาวๆ เหล่านั้น ซึ่งแจ็กเกอร์รีนเองกลับเป็นคนที่ทนไม่ได้เสียเองที่เพื่อนรักเอาแต่ทำงานและหลับหูหลับตาไว้เนื้อเชื่อใจแฟนหนุ่มจอมกะล่อนอยู่อย่างนั้น
“พี่ก้องเขาบอกฉันว่า เขารักฉันคนเดียวคนอื่นแค่ทางผ่าน เมื่อแต่งงานแล้วเขาจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงพวกนั้น...”
อังศณามักบอกแจ็กเกอร์รีนเช่นนี้เสมอยามที่เพื่อนรักนำข่าวเกี่ยวกับแฟนหนุ่มมาบอกให้รู้ด้วยกลัวว่าเธอจะกลายเป็นคนโง่งมให้คนกะล่อนและเจ้าเล่ห์เช่นก้องกรุณหลอกลวงและสวมเขาให้ แต่เธอเองก็ยังไว้ใจคนรักอยู่เช่นเดิมและคิดว่าคงจะเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นเพราะเท่าที่ผ่านมาก้องกรุณให้เกียรติและไม่เคยล่วงเกินเธอเลยสักครั้ง จะมีบ้างก็แค่จับมือกันเท่านั้นอีกทั้งเขายังสุภาพอ่อนโยนกับเธอและคุณยายของเธอซึ่งทำให้เธอไว้เนื้อเชื่อใจเขาและเมินเฉยกับข่าวลือของเขา...
และแล้วในวันที่หน้ากากอันแสนดีของชายเจ้าเล่ห์ก็มาถึงเมื่ออังศณาเกิดอยากจะไปอวยพรวันเกิดให้ก้องกรุณแบบเงียบๆ เพื่อให้เขาตื่นเต้น แต่กลายเป็นว่าเธอพบชายหนุ่มกำลังเริงสวาทอยู่กับสาวสวยรุ่นน้องซึ่งทำงานเป็นพนักงานแนะนำสินค้าอยู่ห้างสรรพสินค้าที่เธอประจำอยู่และเธอเองก็รู้จักสนิทสนมกับผู้หญิงคนนั้นพอสมควร ซึ่งการที่ได้เจอกับตาตนเองแบบคาหนังคาเขาเช่นนี้ทำให้เธอตัดสินใจบอกเลิกก้องกรุณทันที แต่ชายหนุ่มไม่ยอมเลิกราและคอยตามสร้างความรำคาญใจให้กับอังศณา จนถึงขั้นหลอกลวงหญิงสาวด้วยการบอกว่าจะขอปรับความเข้าใจและขอพบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเลิกรากันและบอกว่าจะคืนเงินที่เขาหลอกว่าจะเอาไปดาวน์บ้านซึ่งจะใช้เป็นเรือนหอก่อนหน้านี้จำนวนห้าแสนบาทคืนให้อังศณาด้วย ซึ่งอังศณาก็ซื่อก็หลงเชื่อไปพบเขาตามเวลายังสถานที่นัดหมายกันไว้
แจ็กเกอร์รีนซึ่งไม่เคยไว้ใจก้องกรุณเลยสักครั้งแอบสะกดรอยตามอังศณาไปเมื่อเพื่อนรักบอกว่าก้องกรุณนัดพบเพื่อตกลงเคลียร์ปัญหากันเป็นการพบกันเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งแจ็กเกอร์รีนไม่คิดจะเชื่อใจผู้ชายอย่างก้องกรุณเลยสักนิด และมันก็เป็นอย่างที่แจ็กเกอร์รีนคิดไว้เมื่อก้องกรุณกำลังปลุกปล้ำจนอังศณาจนเกือบจะเสียที หากว่าแจ็กเกอร์รีนไปช้ากว่านั้นสักนิดอังศณาก็อาจจะเป็นเหยื่อผู้โชคร้ายของก้องกรุณไปแล้ว...
อังศณาช็อกทั้งเสียใจและเสียขวัญกับเหตุการณ์ที่เกิดกับตนเอง เนื่องจากไม่เคยเห็นด้านมืดของแฟนหนุ่มที่คบกันมาเกือบสองปีว่าเลวร้ายเพียงใด ก้องกรุณจงใจปลุกปล้ำเธอเช่นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวและไม่ละอายใจ และอังศณารู้ดีว่าหากเธอตกเป็นของเขาแล้ว ก้องกรุณจะต้องบีบบังคับให้เธอยักยอกเงินของห้างมาให้เขาแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้เธอได้รู้มาจากรุ่นพี่อีกคนหนึ่งที่บอกเรื่องนี้กับเธอว่าเขาเคยทำแบบนั้นกับพนักงานบัญชีคนก่อนที่ลาออกไปแล้ว เมื่อได้รู้ถึงความเลวร้ายของเขายิ่งทำให้อังศณาขยะแขยงเขามากขึ้นจนยากจะทำใจได้และมันทำให้เธอยิ่งเสียใจที่เขาทำเช่นนี้กับเธอได้ลงคอ...
แจ็กเกอร์รีนโทรศัพท์หาโรบินและพาเพื่อนรักออกมาจากที่นั่นได้อย่างปลอดภัย แต่ก้องกรุณก็ยังไม่สำนึกที่กับการกระทำอันชั่วร้ายของตน เขาขู่จะเอาเรื่องแจ็กเกอร์รีนกับพรรคพวกที่ทำร้ายร่างกายเขาให้ถึงที่สุดและยังคุยโวว่าตนนั้นรู้จักคนอิทธิพลมากมายคนที่ทำร้ายเขาจะต้องเจอดี แต่จนแล้วจนรอดเรื่องก็เงียบเพราะด้วยนิสัยหน้าตัวเมียอย่างก้องกรุณไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปโพทะนาแน่นอนเพราะนั่นมันหมายถึงผลกระทบต่อหน้าที่การงานของเขาเอง และโรบินเองก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการให้บอดีการ์ดของเขาไปจัดการสั่งสอนก้องกรุณเล็กๆ น้อยๆ ว่าอย่าทำเป็นเก่งกับสตรีที่อ่อนแอกว่า
เมื่อเจอของแข็งเข้าก้องกรุณก็ไม่กล้ามาวอแวกับอังศณาอีกเลยและหลังจากนั้นก้องกรุณก็ถูกจับด้วยข้อหามีสิ่งเสพติดในครอบครองและข่มขืนกระทำชำเราเยาวชนอายุต่ำกว่าสิบแปดปี เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วอังศณารู้สึกว่าตนเองนั้นโชคดีนักที่ไม่ตกเป็นเหยื่อของก้องกรุณและนึกขอบคุณโชคชะตาที่ยังเมตตาเธออยู่บ้างให้มีเพื่อนที่ดีอย่างแจ็กเกอร์รีนเคียงข้าง
“นี่แก คิดถึงไอ้แมงดานั่นอีกล่ะสิ...”
แจ็กเกอร์รีนหันมาถามคนที่นั่งเงียบอย่างอ่อนใจที่อังศณายังคงดูเศร้าสร้อยไม่หายทั้งที่เรื่องร้ายๆ มันผ่านไปแล้ว
“เปล่าเสียหน่อยแค่คิดไปเรื่อยเปื่อย...”
“ขอให้จริงเถอะ”
“จริงสิแก ฉันจะคิดถึงคนเลวๆ แบบนั้นทำไม แกบอกฉันเองว่าคนแบบนั้นอย่าใส่ใจให้รกสมอง...” อังศณาตอบยิ้มๆ แต่ก็เป็นยิ้มที่ไม่ค่อยสดใสนักแต่มันก็ดีว่าไม่ยิ้มเลย...
“ถ้างั้นเราไปเต้นกันเถอะเพลงสนุกๆ แบบนี้แกต้องไปเต้นกับฉัน”
แจ็กเกอร์รีนชวนเพื่อนรักเมื่อจังหวะดนตรีเริ่มเร้าใจ และเธอเองก็ดื่มไปแล้วหลายแก้วแล้ว
“แกก็รู้ว่าฉันเต้นไม่เป็น แค่ดื่มไปสามแก้วนี่ฉันก็จะแย่แล้ว กลับบ้านไปยายอังตีตายเลย”
หญิงสาวบ่นเพื่อนรักแต่ก็ลุกขึ้นตามแรงดึงรั้งของแจ็กเกอร์รีนที่ตอนนี้ไม่สนใจอะไรนอกจากไปแด๊นซ์กระจาย...
“ร็อบจีจี้ขอตัวพาแม่นางรักล่มไปปลดปล่อยหน่อยนะคะที่รัก”
“ตามสบายเลยจ้ะที่รัก ผมจะนั่งรอตรงนี้ขอให้สนุกนะครับนางปล่อยให้สุดๆ ไปเลย ไม่ต้องห่วงคืนนี้ผมจะดูแลพวกคุณเอง...”
โรบินเอ่ยสำทับและเขาก็หมายความตามที่พูดจริงๆ ด้วยความที่เขารู้จักกับแจ็กเกอร์รีนมาพอสมควร หญิงสาวไม่เคยโกหกปิดบังเขา และมันทำให้เขารู้ว่าคนที่แฟนสาวเขารักและแคร์มากคือหญิงสาวหน้าหวานที่น่าสงสารคนนั้นทำให้โรบินรู้สึกผูกพันกับเธอไปด้วย ยิ่งรับรู้เรื่องเลวร้ายและชีวิตที่น่าสงสารของเธอจากปากแฟนสาว เขาก็ยิ่งอยากให้เพื่อนรักของแจ็กเกอร์รีนพบกับความสุขสมหวังบ้างเหมือนที่เขาพบรักกับแจ็กเกอร์รีนแม่สาวเทียมที่มีจิตใจงดงามน่าชื่นชม
แม้แจ็กเกอร์รีน ไม่ใช่สาวแท้มาตั้งแต่กำเนิด แม้ว่าเธอเป็นหญิงที่ปรุงแต่งขึ้นมา แต่ความดีงามของแจ็กเกอร์รีนคือสิ่งที่เขาไม่อาจจะละเลยหรือปล่อยเธอไป... โรบินคิดอย่างภูมิใจที่เขาได้พบกับคนดีๆ อย่างแจ็กเกอร์รีน
“วู้วววว สนุกจังเลยแก เป็นไงฉันบอกแล้วว่ามันสุดๆ”
ในขณะเดียวกันสองสาวก็กำลังเมามันกับเสียงดนตรีจังหวะสนุกสนานอยู่กลางฟลอร์เต้นรำที่มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากหน้าหลายตาซึ่งต่างก็อยู่ในอารมณ์สนุกเมามันกับเสียงดนตรีเช่นกัน แจ็กเกอร์รีนตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มเร้าใจเมื่อเห็นอังศณาปลดปล่อยได้เต็มที่ไม่เหลือเค้าความเศร้าโศกอีกต่อไป
“ใช่จริงด้วยแก ฉันรู้สึกดีจังเลย วู้ววว... สนุกจังเล้ยยย...”
อังศณาซึ่งตอนนี้ขยับยักย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเสียงเพลงอย่างเมามันไปกับอารมณ์ ตอนนี้เธอต้องการการปลดปล่อยให้ตนเองลืมความทุกข์ ลืมผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าเธอรักเขา แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ หลงไปเองคิดไปเองเท่านั้น... และตอนนี้เธอก็สามารถหลุดพ้นจากความรู้สึกตรงนั้นแล้วด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และเสียงดนตรีเร้าใจทีทำให้อังศณาปล่อยใจไปกับเสียงเพลงได้อย่างไม่เคอะเขิน...
“ถ้าอย่างนั้นเต็มที่ไปเลยเพื่อน...” แจ็กเกอร์รีนยิ้มกว้างแล้วขยับกายโยกย้ายเต้นรำอย่างเมามัน
สองสาวต่างเต้นรำกันอย่างสนุกสนานโดยเฉพาะอังศณานั้นเรียกได้ว่าเธอไม่เคยได้ทำอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต ที่สำคัญแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ทำให้เธอกล้าแหกกฎทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตที่ผ่านได้โดยไม่เสียเวลาคิด คืนนี้เธอจะเมา คืนนี้เธอจะมัน มันให้ลืมผู้ชายเลวๆ อย่างก้องกรุณ...
ปฐวิน โรจนานนท์ เจนเซ่น หยุดมองหญิงสาวสองคนซึ่งแต่งกายเย้ายวนโยกย้ายส่ายสะโพกไปกับเสียงเพลงด้วยจังหวะสุดแสนเร้าใจอย่างสนใจ โดยเฉพาะแม่สาวชุดสีน้ำตาลมันวาวนั่น ท่วงท่าที่เธอโยกย้ายไปกับเสียงเพลงช่างยั่วยวนเสียจริงๆ ยิ่งเห็นบรรดาหนุ่มๆ ทั้งไทยและเทศจ้องเธอตาเป็นมันยิ่งทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างประหลาด ซ้ำยังรู้สึกหวงร่างงามนั้นขึ้นมาจนตัวเขาเองยังแปลกใจว่าทำไมเขาต้องรู้สึกเช่นนั้นด้วย...
ให้ตายเถอะ ตลอดเวลาสามสิบสองปีที่ผ่านมานี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขารู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย..
ชายหนุ่มสบถในลำคอเบาๆ อย่างฉุนเฉียวโดยไม่มีเหตุผล ชายหนุ่มพยายามละสายตาจากเจ้าหล่อนคนนั้นแล้วกวาดตามองรอบๆ ผับซึ่งตนก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่คนหนึ่งเช่นกัน
ผับหรูแห่งนี้อยู่ภายในโรงแรมหรูริมหาดสวยของเขาเองอีกทั้งช่วงนี้เขาต้องมาดูแลงานในส่วนของห้างสรรพสินค้าที่เปิดขยายสาขามาเปิดกิจการที่นี่แทนมารดาบิดาด้วย ตอนนี้กิจการรวมถึงหุ้นทั้งหมดของโรงแรมและห้างสรรพสินค้าในเครือแกรนด์เจนเซ่นตกอยู่ในความดูแลของเขาทั้งหมด ซึ่งโรงแรมหรูอีกห้าแห่งที่กระจายอยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวทั่วภาคตะวันออก ซึ่งในเดือนนี้เขาต้องเดินทางไปดูแลให้ครบทุกแห่งและอีกไม่กี่วันเขาก็ต้องเดินทางไปเกาะต่างๆ เพื่อดูแลตรวจสอบความเรียบร้อยของรีสอร์ตที่กำลังจะเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เมื่อเขาเข้ามารับช่วงงานทั้งหมดต่อจากบิดาทำให้ชายหนุ่มวัยสามสิบสองปีเช่นปฐวินขึ้นแท่นหนุ่มโสดเนื้อหอมที่สาวๆ ใฝ่ฝันหมายปองอยากจะเป็นผู้หญิงของเขาแม้เพียงชั่วคืน กอปรกับรูปร่างสูงสมาร์ตแบบฉบับชายหนุ่มเลือดผสมสามเชื้อชาติทั้งไทย จีน อังกฤษ ทำให้เขาดูโดดเด่นงามสง่า ใบหน้าเรียวยาวขาวคมได้รูปประดับด้วยคิ้วหน้าที่พาดยาวคมเข้ม ดวงตาคมใหญ่สีดำดุจนิลเนื้อดีนั้นก็วาววามชวนฝันและดวงตาคู่นี้ก็สะกดดวงใจสาวๆ มานักต่อนัก จมูกโด่งคมสันรับกับเรียวปากหยักสวยสีเรื่อราวอิสตรีที่ยิ้มแย้มทีไรหัวใจคนมองก็แทบละลายกับรอยยิ้มละลายใจของเขาซึ่งความเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติที่งามสง่า และทรัพย์สมบัติมหาศาลจึงไม่แปลกที่หญิงสาวมากมายพร้อมทอดกายถวายชีวิตให้เขาเชยชม ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้ชื่อว่าเป็นไฮโซหนุ่มเพลย์บอยตัวยงคนหนึ่งที่มีดีกรีความเร่าร้อนเป็นที่กล่าวขวัญเลยทีเดียว
แต่ปฐวินก็ไม่เคยหยุดอยู่ที่หญิงสาวคนไหนนานกว่าสามวันหรือนานที่สุดก็แค่หนึ่งสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นสาวงามดีกรีนางเอกนางนางแบบหรือนางงามจะสวยจะเลิศเลอมาจากไหนปฐวินก็ควงพวกเจ้าหล่อนได้นานที่สุดก็แค่สัปดาห์เดียวเท่านั้นและก็ไม่เคยกลับไปคบหาหญิงสาวเหล่านั้นเป็นครั้งที่สอง แต่กระนั้นเหล่าสาวสวยทั้งหลายก็พร้อมจะเป็นคู่ควงของเขาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพราะมัน คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
“นั่นใครน่ะเขม...” ในที่สุดชายหนุ่มก็เอ่ยถาม เขมรินทร์ เพื่อนรักซึ่งเป็นหุ้นส่วนของผับแห่งนี้ร่วมกันกับเขา เมื่อภาพท่าทางเต้นรำเย้ายวนของสาวเจ้ามันเรียกร้องให้เขาต้องกลับมาจ้องมองเธอเหมือนต้องมนต์ ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำ นั่นล่ะคือสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิด
“อ๋อ.. คนที่ใส่เดรสรัดรูปชุดดำน่ะเหรอคือคุณแจ็กเกอร์รีนลูกค้าประจำที่นี่น่ะ รู้สึกเธอจะมากับแฟนนะ นายสนใจเหรอไงวะ”
เขมรินทร์ตอบเรื่อยๆ เพราะเขากับแจ็กเกอร์รีนก็รู้จักคุ้นเคยกันดีในฐานะลูกค้าประจำ ซึ่งเขมรินทร์เองก็ดูแลกิจการประจำอยู่ที่นี่เพราะครอบครัวของเขาตั้งรกรากและมีกิจการใหญ่โตเป็นที่นับหน้าถือตาอยู่ที่จังหวัดนี้มานานแล้วนั่นเอง
“เปล่าฉันหมายถึงแม่สาวชุดสีน้ำตาลนั่นต่างหาก นายคิดว่าฉันเปลี่ยนรสนิยมรึไง”
“แหม่... ฉันก็นึกว่าแกอยากเปลี่ยนรสนิยม แต่ว่าฉันไม่เคยเห็นหน้าเจ้าหล่อนเลยนะ ดูหล่อนเหมือนจะมากับคุณแจ็กเกอร์รีนเลยนะ แกสนใจเหรอ แต่ก็น่าสนว่ะหุ่นน่าหม่ำชะมัด นี่หล่อนไปอยู่ไหนมาวะทำไมฉันเพิ่งเคยเห็น...”
เขมรินทร์ซึ่งก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยผู้เปี่ยมเสน่ห์คนหนึ่งเปรยขึ้น สายตาคมไม่แพ้กันจับจ้องไปที่ร่างสาวชุดสีน้ำตาลสุดเซ็กซี่ที่กำลังวาดลวดลายอยู่กลางฟลอร์อย่างสนใจ
“คนนี้ฉันจองแล้วอย่ายุ่ง ส่วนแกไปหาเอาคนใหม่...”
ปฐวินเอ่ยขึ้นพลางผลักร่างสูงของเพื่อนรักออกไปให้พ้นทางก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อหาทางเข้าถึงตัวแม่สาวสวยแสนเย้ายวนที่เขาสนใจทันทีด้วยความมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม...
