หนี!
หลังจากจบเรื่องน่าอายที่กินเวลานานหลายชั่วโมง ยี่หวาได้แต่นอนมองเพดานเงียบๆ เธอรู้สึกดีเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ สัมผัสจากผู้ชายเป็นแบบนี้สินะ ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาทำเรื่องน่าอายกับผู้ชายคนนี้ได้ ใบหน้าสวยหันไปมองคนหลับที่อยู่ข้างๆ หลังจากทุกอย่างสงบเขาก็หลับเป็นตาย สงสัยเพราะใช้แรงเยอะเกินไป
“ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม ลาก่อนค่ะคุณคิมหันต์”
ริมฝีปากเล็กได้รูป กดจูบลงไปบนหน้าผากสีขาวอมเหลือง ยิ้มให้ใบหน้าหล่อเหลานั่นอีกครั้ง ก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว พาตัวเองหนีไปจากทุกอย่าง ร่วมทั้งความรับผิดชอบที่เขาเสนอมาด้วย เธอตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบอะไร เธอไม่ได้เสียหาย ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ครั้งแรกเป็นเขา
คิมหันต์รู้สึกตัวตอนรุ่งสาง คว้านมือหาร่างบางที่นอนอยู่ข้างๆก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อไม่เจอร่างคนที่นอนกอดก็ผุดลุกขึ้นนั่ง พิงหลังเข้ากับหัวเตียง ภายในห้องนอนไร้เงาของเธอ รอบตัวเงียบสนิท เหมือนเมื่อคืนเป็นเพียงฝันที่ดีโคตรๆ แต่เขารู้ว่าดีว่ามันไม่ใช่ความฝัน เพราะหยดเลือดที่เปื้อนอยู่บนที่นอนสีหวานของตัวเอง
“หนีงั้นเหรอ”
คิมหันต์หน้าตึง ก่อนที่เขาจะหลับ เขากำชับกับเธอนักหนา ว่าตื่นมาต้องเจอเธอ เขาคิดว่าเธอจะว่าง่าย ที่ไหนได้ไม่ได้ว่าง่ายเลยสักนิด กายหนาลุกขึ้นจากที่นอน เดินเปลือยกายล้อนจ้อนเข้าห้องน้ำอย่างเคยตัว จัดการธุระส่วนตัวอย่างเร่งรีบ ก่อนจะบึ่งเฟอรารี่กลับบ้านที่นครปฐม
ปกติเขาจะเข้าไปสังสรรค์กับเพื่อนที่กรุงเทพ แล้วอยู่เที่ยวต่อสองสามวัน แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน เขาจึงต้องรีบกลับมาเคลียร์งานที่บ้านก่อน จะได้มีเวลาว่างมากพอ ไปจัดการกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียเขาแล้วอย่างยี่หวา
“คุณคิมมาเช้าจังเลยค่ะ”
พนักงานงานทำความสะอาดที่มาทำงานก่อนพนักงานคนอื่นๆ เอ่ยทักทายเจ้านายที่เดินเข้ามาในออฟฟิศ ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มทักทายเพียงอย่างเดียว ก่อนจะเดินเลี้ยวเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว
บริษัทที่คิมหันต์ดูแล เป็นของพ่อแม่ที่ยกให้เขาดูแลต่ออีกที บริษัทขนส่งเป็นธุรกิจหลักที่เขาทำเพื่อใช้มันหมุนเงิน ส่วนเงินที่เข้ามาเป็นรายได้หลัก เขาได้มันมาจากการซื้อขายหุ้น แม้จะไม่มากมายถึงขั้นมหาเศรษฐี แต่ก็มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ ทั้งรถ ทั้งบ้าน คอนโด รวมทั้งที่ดินที่มีในครอบครอง ได้มาจากเงินลงทุนจากส่วนนั้นทั้งหมด
คิมหันต์ใช้เวลาจัดการงานตัวเองให้เข้าที่เข้าทางเกือบห้าวัน แม้ธุรกิจที่ทำจะอยู่ตัวแล้ว แต่ก็มีปัญหาไม่น้อย ต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อปูทางให้ตัวเองได้หยุดนานๆ เขาไม่รู้ว่าจะใช้เวลาจัดการเรื่องส่วนตัวนานแค่ไหน จึงต้องเคลียร์งานที่มี ให้มันมีปัญหาน้อยที่สุด ไม่อยากวิ่งโร่ไปมา ระหว่างบ้านกับกรุงเทพ
Tru Tru
คิมหันต์มองหน้าจอ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ปกติเพื่อนไม่ค่อยโทรหา นึกยังไงถึงโทรมาก็ไม่รู้ คิมหันต์วางมือจากเอกสารไปหยิบโทรศัพท์ กดรับแล้วกรอกเสียงรำคาญลงไป
“ว่า?”
[มึงอ่านข่าวยังคิม ยี่หวาของมึงเปิดตัวแฟนแล้วนะเว้ย]
“มึงว่าไงนะ!”
คิมหันต์ผุดลุกขึ้นยืน เขาไม่ว่างตลอดช่วงสี่ห้าวันที่ผ่านมา ยุ่งจนไม่มีเวลานอน รวมทั้งไม่มีเวลาอ่านข่าวของเธอด้วย ไม่รู้ความเคลื่อนไหว เพราะตั้งใจจะไปดูด้วยตาตัวเอง
[กูส่งลิงค์ข่าวไปให้แล้ว ไม่รู้ข่าวจริงหรือมั่ว กูไม่เห็นมึงอ่าน กูเลยต้องโทร] เสียงของกางเขนดูร้อนรน แต่คนฟังกลับร้อนกว่า เมียเปิดตัวผู้ชายคนอื่นงั้นเหรอ! ไม่ร้อนก็บ้าแล้ว
เห็นกูเป็นควายเหรอวะยี่หวา ที่ไถนาเสร็จก็ถีบหัวส่ง!
“กูยังไม่ได้ดู แต่เดี๋ยวกูไปถามเจ้าตัวเอง”
[มึงรู้เหรอว่าเขาอยู่ไหน]
“คนอย่างกู ถ้าอยากรู้อะไรมีเหรอที่จะไม่รู้”
คิมหันต์ตัดสายจากเพื่อน เขาอุตส่าห์อยู่เงียบๆ เพราะไม่อยากใช้อำนาจที่ตัวเองมีเข้าหาตัวเธอ แต่ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ไหว ผู้หญิงหน้าไม่อายได้เขาแล้วยังไปหาผู้ชายคนใหม่อีก
คิมหันต์ขับรถเข้ากรุงเทพทันที ปล่อยหน้าที่จัดการงานที่เหลือเป็นของมือขวาที่เขาไว้ใจ เฟอรารี่ F8 ขับได้เร็วดังใจ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็พาคิมหันต์มาถึงจุดหมายปลายทางได้สำเร็จ ใบหน้าคมครามมองรถคันหรูที่จอดนิ่งในรั้วบ้านหลังใหญ่ ก่อนจะถอนใจเบาๆ
วันนี้เธอไม่ได้ไปไหน ถือว่าเป็นโชคดีของเขา!
จะว่าเขารู้ทุกเรื่องของเธอก็ได้ เพราะเขาเป็นแฟนคลับของเธอมาก่อน เป็นตั้งแต่เพื่อนบังคับให้ดูละครหลังข่าวที่เธอแสดงเป็นนางร้าย ก่อตั้งตัวเองเป็นแฟนคลับคนสำคัญ ที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจเธอมานานหลายเดือน
ตอนแรกคิดว่าจะเป็นแค่แฟนคลับ แต่เขากลับมีโอกาสได้เจอตัวจริงเธอหนึ่งครั้ง และนั่นคือจุดเปลี่ยนให้เขาอยากเป็นแฟนจริงๆ ผู้หญิงที่ดูร้ายๆ ซ่อนความหวานไว้เพียบ ขัดกับภาพลักษณ์ที่แสดงออกมาก
คิมหันต์ยังคงนั่งอยู่ในรถ ทุกทีที่เขาแอบมาดูเธอ เขาจะใช้รถคันอื่นที่ไม่ค่อยโดดเด่น แต่วันนี้รีบมากเพราะร้อนใจ จึงไม่มีเวลาขับไปเปลี่ยนรถที่คอนโด คิมหันต์ลดกระจกลงนิดหน่อย หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ พลางคิดหาคำพูดดีๆเพื่อคุยกับเธอ ไม่อยากทะเล่อทะล่าไปแล้วโมโหใส่ ยังไงตอนนี้เขากับเธอก็ยังไม่ได้ตกลงเป็นอะไรกันสักอย่าง
“ไม่ต้องมาส่งก็ได้นะคะ”
เสียงหวานๆติดเหวี่ยงนิดหน่อย ของคนที่คิมหันต์นึกว่าอยู่ในบ้านดังแว่วอยู่ไม่ไกล สายตาคู่คมมองผ่านกระจกข้างตัวรถ แล้วสบทอยู่ในใจ ยี่หวาไม่ได้อยู่ในบ้าน แต่เพิ่งไปไหนมาไม่รู้ กับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ
“เราตกลงเป็นแฟนกันแล้วนะ จะปล่อยให้กลับมาเองได้ไง”
ยี่หวาไม่ได้สนใจคนที่ยืนเผชิญหน้าเท่าไหร่ ริมฝีปากสวยแย้มยิ้มดีใจ เมื่อเห็นรถของใครสักคนจอดอยู่ไม่ไกลจากหน้าบ้าน โชคดีที่ฉัตรชัยตัวสูงกว่าจนบังร่างเธอไว้มิด ไม่อยากให้คนที่น่าจะนั่งอยู่ในรถ เห็นรอยยิ้มเธอตอนนี้เลย เดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดว่าเธอยิ้มให้คนตรงหน้า
“กลับบ้านดีๆนะคะ”
ยี่หวารีบไล่ ไม่อยากแก้ความเข้าใจผิดของฉัตรชัยนัก เพราะเธอยังต้องเล่นบทคนรักของเขาต่อไปอีกนานทีเดียว
ฉัตรชัยคือผู้ถือหุ้นคนใหม่ของต้นสังกัดเธอ เขายื่นข้อเสนอมาหลายอย่าง เธอไม่ได้อยากรับไว้ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน
“ขอเข้าไปข้างในนะ”
ฉัตรชัยมองเข้าไปในบ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่เงียบเชียบ ตีราคาบ้านคร่าวๆ ไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้าน ไม่รู้ว่าเธออยู่กับใครบ้าง แต่นั่นเป็นโอกาสอันดีให้เขารวบหัวรวบหางเธอ
“กลับไปเถอะค่ะ”
ยี่หวากอดอกมองนิ่งๆ ใช้สายตากดดันจนกว่าจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เธอถูกสอนให้อยู่ด้วยภาพลักษณ์ร้ายๆ และเป็นคนร้ายๆ เธอว่ามันดีนะ เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแค่คนดียังไงล่ะ
“อย่าลืมเก็บเรื่องแต่งงานไปคิด”
ฉัตรชัยไม่อยากยอมแพ้หรอก ถ้าเขาอยากได้อะไรเขาก็ต้องได้ แต่เพราะเธอพิเศษกว่าคนอื่นๆ เขาถึงได้ยอมอ่อนให้เธอเกินครึ่ง ร่างสูงสมชายชาตรี ขยับตัวเตรียมออกเดิน แต่ยังไม่ได้ก้าวไปไหน ก็คว้าคนตรงหน้าเข้ามาจูบ
เพราะเขาทำทุกอย่างเร็วมาก ยี่หวาจึงไม่มีโอกาสได้ปัดป้อง มือเล็กยกขึ้นมากั้นแผ่นอกแกร่งไว้ เม้มปากลงแน่น ให้เขาสัมผัสเพียงด้านนอก ดวงตาหวานหลับลงช้าๆ เมื่อเห็นผู้ชายอีกคนออกมายืนพิงหลังเข้ากับตัวรถ ไม่อยากให้เขาเห็นภาพแบบนี้เลย แต่ยังไงก็คงต้องเห็น เพราะเธอยังมีความจำเป็นที่ต้องคบกับฉัตรชัยอยู่
“ตัดสินใจได้เมื่อไหร่ก็โทรมานะ”
ฉัตรชัยประทับริมฝีปากลงบนแก้มขาวนวล จ้องมองใบหน้าสวยที่ตัวเองหลงใหลอยู่นาน ก่อนจะส่งยิ้มไปให้คนหน้าบึ้ง ก็เห็นจนชินแล้วนะ แต่อยากให้เธอยิ้มให้เขาเหมือนก่อนหน้านั้นมากกว่า รอยยิ้มเหมือนดีใจกับอะไรสักอย่าง ตรึงใจเขาจนไม่อยากปล่อยเธอเลย
