คุณเสียหายตรงไหน
“นี่คุณ คิดจะทำอะไรกันแน่คะ?” ใบหน้าสวยดูตื่นตระหนก เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า มองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาวนรถขึ้นไปชั้นบนไม่วางตา คงไม่ใช่ว่าตั้งใจพาเธอมาทำเรื่องนั้นหรอกใช่ไหม
“หาที่เงียบๆคุย”
“ที่อื่นก็มี”
ใบหน้าสวยยังไม่คลายความกังวล ปากบ่นงืมงำเป็นคำด่าไม่ออกเสียง แต่คนที่นั่งข้างๆคงรู้ว่าเธอพูดอะไร แต่เขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจ ตั้งใจขับรถก่อนจะจอดมันไว้ ข้างรถบีเอ็มสีดำ
“ที่อื่นมันไม่ปลอดภัย หรืออยากเป็นข่าวด้วยกัน”
“ไม่อยากเป็นข่าวกับคุณให้เสียหายหรอกค่ะ” ยี่หวาเปิดประตูออกกว้าง ก้าวลงไปยืนรอข้างรถเงียบๆ เขี่ยเท้าไปมาเบาๆ อย่างคนไม่รู้จะวางตัวยังไง
คิมหันต์เดินนำเข้าไปข้างใน คิดถึงคืนนั้นขึ้นมานิดหน่อย แต่ปล่อยให้มันอยู่ในความคิด เขาต้องเคลียร์เรื่องตอนนี้ก่อน
“วันนั้นหนักไหมคะ”
ยี่หวาพูดเสียงเบา ทำไมตอนนี้เธอถึงได้สลัดภาพในคืนนั้นออกไปจากหัวไม่ได้เลย เขาอุ้มเธอจากรถมาถึงนี่ ระยะทางไกลมากเพราะห้องเขาอยู่ด้านในสุด เธอก็ไม่ได้ตัวเล็กๆ แต่เขาอุ้มเดินลิ่วๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร จนเธออยากรู้ ว่าตัวเองหนักไหมสำหรับเขา
“หืม?”
“ปะเปล่าค่ะ พูดไปเรื่อย”
ยี่หวาหลบสายตาแทบไม่ทัน ไม่คิดว่าเขาจะหันกลับมากระทันหัน ซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้
อันตรายจริงๆ! หัวใจเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย
“จะให้อุ้มก็ได้นะ แต่ต้องสัญญาว่าจะคุยกันให้ชัดเจน” คิมหันต์ยักคิ้วส่งไปให้ คว้ามือเล็กไว้พลางย่อตัวตั้งท่าเตรียมอุ้ม แต่คนที่ถามกลับถอยห่าง เหมือนหวาดกลัวการสัมผัสโดนตัวเขา
“ฉันตัวหนัก” น้ำหนักเธอขึ้นมาจากวันนั้นตั้งสองโล เขาคงอุ้มไม่ไหวแน่ แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น เขาจะมาอุ้มเธอทำไม ในเมื่อตรงนี้คือหน้าห้องของเขาแล้ว
“ไม่หนักหรอก ตัวเบาเหมือนคนไม่ได้กินข้าว” คิมหันต์จับมือเล็กไว้แน่น ขณะหันกลับไปแสกนนิ้วมือปลดล็อกห้อง เปิดประตูออกกว้างเพื่อเชื้อเชิญเธอเข้าไปด้านใน ใบหน้าสวยดูกังวลนิดหน่อย แต่ก็ยอมก้าวเท้าตามเข้าไป
คิมหันต์เดินไปหยุดที่ห้องรับแขก ปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ ก่อนจะผละออกไปหยิบน้ำในตู้เย็น เดินกลับมาก็เห็นว่าเธอนั่งมองสำรวจรอบห้องของเขาเงียบๆ จึงถือวิสาสะนั่งลงข้างๆเธอโดยไม่ขออนุญาต
“ฉันจะรับผิดชอบ” คิมหันต์เปิดบทนทนา จ้องหน้าเธอนิ่งๆ เพื่อดูปฏิกิริยา
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ต้องการ วันนั้นฉันเมา”
“แต่ฉันไม่ได้เมาไง อย่าพูดอะไรมักง่ายได้ไหมยี่หวา”
คิมหันต์แทบจะถลาไปกระชากตัวเธอมาเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอน ถ้าไม่ติดว่าเจอแววตาเย็นชาของเธอซะก่อน เขาทำแบบนั้นแน่
“คุณต้องการอะไรกันแน่คะ ฉันไม่เห็นว่าคุณจะเสียหายตรงไหน ฉันไม่ต้องการพบกับคุณอีกค่ะ กรุณาลืมเรื่องที่เกิดขึ้นซะ ถือว่าฉันขอร้อง”
ใบหน้าสวยซ่อนความเศร้าไว้ภายใต้ท่าทางเย็นชา และสีหน้าบึ้งตึง เธอต้องคบกับฉัตรชัยไปอีกนาน ถ้ามีความสัมพันธ์กับเขาอีกมันจะแย่ แม้ปกติภาพลักษณ์เธอจะติดลบอยู่แล้ว แต่เธอไม่อยากดึงเขามาลงนรกด้วย
“เธอลืมได้เหรอ”
“ค่ะ ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ยี่หวาตอบแทบจะทันที แต่เป็นคำโกหกทั้งหมด เมื่อคิดว่าหมดเรื่องจะคุยแล้ว ก็ตัดสินใจลุกขึ้น มองคนที่นั่งเงียบเพียงครู่ ก็หมุนตัวออกเดิน
“ทบทวนกันใหม่ได้นะ คราวนี้เอาให้มันฝังแน่นไปถึงจิตวิญญาณของเธอเลย”
คิมหันต์ไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน นับหนึ่งถึงสิบก็แล้ว แต่ก็ยังไม่หาย เดินไปช้อนร่างเธอขึ้นพาดบ่า ก้าวยาวๆไปโยนทิ้งลงบนเตียง
จำไม่ได้งั้นเหรอ? เมางั้นเหรอ? งั้นทบทวนกันหน่อยไหม จะได้ไม่ลืมเขาอีก
“อย่านะคะ”
ดวงตากลมโตฉายแววหวาดกลัว ดวงหน้าหวานซีดเซียวไร้สีเลือด กระเสือกกระสนดิ้นรนหนีไปยืนอยู่อีกด้านของเตียง ยกมือขึ้นพนมไหว้วอนคนตรงหน้า
“โธ่เว้ย!” คิมหันต์คว้าหมอนฟาดไปตรงหน้า เฉียดใบหน้าเธอไปนิดเดียว เพราะไม่ตั้งใจโยนให้มันโดนเธอ แต่บอกได้เลยว่าหงุดหงิด เธอเห็นเขาเป็นตัวอะไรวะ
“ฉันขอโทษ”
“เรื่อง?”
“ที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“เธอโคตรมักง่ายเลยว่ะ”
คิมหันต์ด่าด้วยใบหน้าบึ้งตึง ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนเหมือนเธอเลย ทำเหมือนเขาเป็นแค่ที่ระบาย ไม่เคยคิดจะรับผิดชอบ
“เดี๋ยวนะคะ คนที่อยากลองคือคุณไม่ใช่เหรอ คุณแค่อยากรู้ว่าฉันลีลาเด็ดหรือเปล่า คุณก็ได้รู้แล้วไง”
ยี่หวารู้สึกหน้าชาไปทั้งแถบ ไอ้การที่เธอยอมทอดกายให้เขา แต่ไม่เรียกร้องอะไร คือเธอมักง่ายงั้นเหรอ เขาควรดีใจนะ ที่เธอไม่เรียกร้องอะไรแบบนี้
“ฉันพูดเหรอ”
“ก็ไม่”
“อย่าด่วนสรุปเอาเอง ฉันตั้งใจจะจีบเธอด้วยซ้ำ รู้เอาไว้ซะ”
“เหรอคะ ไม่เคยรู้เลย”
ยี่หวาไม่ได้กวนประสาท เธอไม่เคยรู้จริงๆ แต่คำพูดของเธอเหมือนจะกวนประสาทคนตรงหน้าอยู่ในที ร่างสูงจึงขยับเดินเข้ามาใกล้ ในขณะที่เธอเริ่มถอยห่างอีกครั้ง ด้วยความกลัว
“ฉันสนใจเธอ นั่นหมายความว่าฉันรู้สึกอะไรบางอย่างกับเธอ ฉันอาจจะเคยมักง่าย แต่ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว”
คิมหันต์คว้ามือเล็กที่ยื่นมาขวาง กดไว้เหนือศรีษะได้รูป ก้มลงไปจูบคนที่นิ่งงันเบาๆ ก่อนจะแทรกลิ้นคว้านหาความหวานข้างใน
จูบครั้งนี้ไม่มีกลิ่นเหล้า แต่กลับมอมเมาเขาได้ดีกว่าเหล้าที่เธอดื่มวันนั้น กลิ่นหอมอ่อนๆที่เขาไม่แน่ใจ ว่าใช่กลิ่นลิปติกหรือเปล่า ทำให้ต้องบดจูบลงไปหนักๆ ลิ้นร้อนกวาดชิมด้านในด้วยความรู้สึกโหยหา จนมั่นใจแล้วว่า ยัยเด็กนี่ไปกินของหวานกับไอ้นั่นมา รสชาติหอมหวานยังติดปากอยู่เลย ไม่บิงชู ก็คงเป็นสักเมนูตามคาเฟ่
“อือ”
เสียงหวานครางรับสัมผัสวาบหวาบและอ่อนหวาน ลิ้นเล็กขยับตามอย่างเงอะงะ ดวงตาคู่หวานมองต่ำอย่างไม่กล้าสบตา มือเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ยี่หวาจึงยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งไว้ เหมือนเป็นที่พึ่งพิง ไม่ให้ร่างของตัวเองลงไปกองอยู่บนพื้นหินอ่อนลวดลายแปลกตา
