18
หญิงสาวเดินไปเลือกคันธนูที่วางเรียงอยู่สี่คัน ทดสอบน้ำหนักจนได้อันที่เหมาะมือจึงถือมาที่จุดมาร์คมีปูนขาวโรยเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เธอยืนในท่าที่ถนัดทะมัดทะแมง ก่อนจะยกคันธนูขึ้นเล็งและปล่อยลูกธนูออกไปอย่างมั่นคงตรงเป้า เข้าใกล้วงใน
“ว๊าว..ว๊าว.....เก่งมากครับ”
ชายหนุ่มปรบมือให้พร้อมกับเอ่ยชื่นชมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอวยจนเกินจริงไปหน่อย
หนูเล็กเหลือบตามองคนกะล่อนแวบเดียวก็แอบเบ้ปากเมินหน้า ตั้งใจน้าวสายธนูอีกครั้งคราวนี้ปักลงตรงกึ่งกลางเป้าพอดิบพอดี
“เป็นไงล่ะลูกพี่.....เจอพี่สาวคนสวยยิงแม่นแบบนี้จ๋อยเลยอ่ะดิ......”สงสัยไอ้จ้อนจะลืมตัวว่าเป็นลูกน้องใครจึงเข้าข้างพี่สาวคนใหม่เปลี่ยนข้างเฉยเลย....
“ชิ !...พวกหลงตัวเอง” หนูเล็กเชิดหน้าใส่มั่นใจเต็มร้อย สมน้ำหน้าคนที่ทีแรกทำเป็นจะมาสอน คิดว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่เคยจับธนูล่ะสิ
“อย่างนี้ก็สวยสิครับ....งั้นพี่ว่าเรามาประลองกันดีกว่าไหม”
“อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวพี่ช้างจะอายเสียเปล่า ๆ ใช่ไหมจ้อน”หนูเล็กหาพวก เธอเองก็ลืมตัวมั่นใจในฝีมือของตัวเองไม่น้อย
“ถูกต้องแล้วคร๊าบบบบ”
ช้างคันปากอยากจะด่าไอ้นกสองหัวก็ไม่กล้าเพราะตอนนี้มันมีนายใหม่คุ้มกะลาหัวอยู่และอีกอย่างก็เกรงจะเสียภาพพจน์ ได้แต่ทดเอาไว้ในใจ
“พี่มันหน้าหนาไม่ต้องห่วงจ้ะ เอาอย่างนี้ดีไหมถ้าใครแพ้จะต้องยอมเป็นทาสตามติดรับใช้เจ้านายหนึ่งวัน” ช้างยื่นข้อเสนอแบบไม่หยุดคิดเลยสักนิดความมั่นใจเกินร้อย ไม่ว่าผลจะออกทางไหนช้างรับได้ทั้งนั้น
“ก็ได้ค่ะ ลองมีทาสตัวโต ๆ ไว้คอยรับใช้สักคนก็น่าจะสนุกดีเนอะจ้อน......” หนูเล็กหันไปพยักพเยิดกับจ้อนที่ยืนยิ้มกว้างอวดฟันขาว ๆ เต็มปากตัดกับสีผิวที่ดำคล้ำแดดตามประสาเด็กผู้ชายที่วัน ๆ คงตะลอน ๆ ไปทั่วไร่
“เอ...หรือว่าเราจะแข่งกันเฉย ๆ ไม่ต้องพนันกันหรอกเนอะ เดี๋ยวเผื่อหนูเล็กแพ้พี่แล้วจะยังไงล่ะทีนี้ คุณอาทั้งสองจะไม่ว่าเอาหรือที่หนูเล็กต้องตามติดรับใช้พี่อย่างใกล้ชิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง” ชายหนุ่มทำเป็นโยกโย้คล้ายจะหวังดีแต่มันคือการท้าทายชัด ๆ
“พี่ช้างเอาชนะให้ได้ก่อนเหอะ หนูเล็กรักษาคำพูดอยู่แล้ว” หญิงสาวมองหมิ่น ๆ ...แหม...ทำเป็นปากกล้าที่แท้ก็ขาสั่น......หญิงสาวมั่นใจเกินร้อย
“ก็ได้ ๆ ๆ พี่ช้างก็รักษาคำพูดเหมือนกัน...ตามติดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะ........” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอพร้อมกับร้องไชโยในใจ...ดวงตาเป็นประกายพราวระยับอย่างหมายมาด
ชายหนุ่มเจ้าของไร่เดินไปที่ที่วางคันธนูเรียงรายเอาไว้ เขาเพียงยื่นมือไปหยิบมาส่ง ๆ โดยไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำไม่ต่างจากหยิบตะเกียบสักคู่มาใช้ไม่ได้พิถีพิถัน แล้วจึงกลับมายืนอยู่ ณ จุดที่ห่างออกมากว่าที่หนูเล็กยืนอยู่ จนหล่อนต้องหันหลังกลับมามองอย่างไม่เข้าใจว่าอีตานี่ทำไปเพื่อ?
“พี่ต่อให้ในฐานะที่หนูเล็กเป็นผู้หญิง” ช้างอธิบายเมื่อเห็นสายตาเต็มไปด้วยคำถามของอีกฝ่าย
“ความจริงไม่ต้องก็ได้ค่ะ” หนูเล็กยักไหล่ไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถ้าจะต่อให้เธอก็ไม่ติดถือว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเอาเปรียบศัตรูแต่เป็นเขาเองที่ประมาท ในสนามการต่อสู้หากสามารถช่วงชิงความได้เปรียบมาได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ..........
“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวใครบางคนจะหาว่าพี่เอาเปรียบ” ชายหนุ่มพูดอย่างรู้ทันเพราะรู้ว่าหากหนูเล็กแพ้ เธอก็จะยกเรื่องนี้ขึ้นมาอ้างแต่ไหนแต่ไรมาเคยยอมรับผิดเสียที่ไหนเอาแต่ฟ้องคุณหญิงยาย......ชายหนุ่มเผลอคิดถึงเรื่องในอดีตที่ทำให้เขาพาตัวเองหลีกหนียัยเด็กขี้ฟ้องยิ่งไกลได้ยิ่งดี
“ชิ !...” หนูเล็กสะบัดหน้า ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด
“พร้อมกันแล้วใช่ไหมครับ” จ้อนทำตัวเป็นกรรมการโดยปริยาย ซึ่งจะมีการแข่งกันทั้งหมดสามครั้ง...เมื่อเห็นทั้งคู่ยืนในตำแหน่งและตั้งท่าเตรียมพร้อม เขาจึงเริ่มทำหน้าที่สวมบทบาทกรรมการออันเคร่งขรึมทันที
“เตรียม......ยิง..” สิ้นเสียงของไอ้จ้อน ธนูสองดอกก็พุ่งเข้าหาจุดดำกึ่งกลางเป้าเหมือนกันเป๊ะ
“สิบคะแนน เสมอกัน” จ้อนเก็กเสียงขานบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับท่านกรรมการผู้ทรงเกียรติเมื่อเดินไปดูที่เป้ายิงของทั้งคู่
“อุ้ย....ใจเราตรงกันเลยว่าไหมครับ.....หนูเล็ก” ช้างยักคิ้วให้สาวที่ยืนเยื้องไปด้านหน้า เมื่อหล่อนหันหน้ากลับมามองตาขวาง
“เฮอะ...ก็งั้น ๆ “ หญิงสาวยิ้มหยัน ก่อนจะกลับไปตั้งใจกับการยิงครั้งที่สอง
“ครั้งที่สอง...เตรียม....ยิง..” และก็เป็นเหมือนเดิม สิ้นเสียงของจ้อน ลูกธนูทั้งสองดอกวิ่งเข้าหากึ่งกลางจุดสีดำ
“สิบคะแนนเสมอกัน”
“ครั้งที่สาม....เตรียม...ยิง” ลูกธนูทั้งสองดอกปักอยู่เคียงกันที่เป้ายิงในฝั่งของหนูเล็ก
“ฮ่า..ฮ่า........เห็นไหมหนูเล็กพี่บอกแล้วว่าเราสองคนใจตรงกัน” ช้างหัวเราะร่า แต่ไอ้จ้อนเกาหัวแกรก ๆ มึนงงกับคนเป็นนายที่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าวะ.....
“ลูกพี่ดีใจที่แพ้หรือครับ” ไอ้จ้อนสุดจะงง หลุดมาดท่านกรรมการใหญ่
“แพ้อะไรไอ้จ้อน...มึงดูลูกธนูดิ...ของกูแทบจะขึ้นขี่ของหนูเล็กอยู่แล้ว....แหกตาดูซะ”
