บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 อาโปรดคนเดิม

เจ้าของบ้านหนุ่มเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสับ มีแปรงสีฟันด้ามใหม่กับยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดมือเช็ดหน้าแขวนอยู่ที่ราวข้างอ่างล้างหน้า หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา ชายหนุ่มที่ยืนรอข้างนอกก็รีบเข้าไปช่วยประคองเธอพาไปนั่งที่ริมระเบียงเล็ก ๆ ของห้องที่มีโต๊ะเก้าอี้ตั้งอยู่ มือของเขาอบอุ่น ขณะที่เนื้อตัวเธอยังมีไข้หลงเหลืออยู่บ้าง เพราะรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวเล็กน้อย

บนโต๊ะมีสำรับอาหารจัดเรียงไว้อยู่ก่อนแล้ว เมื่อเปิดฝาครอบอาหารออก กลิ่นข้าวต้มไก่ฉีกก็ลอยแตะปลายจมูก พร้อมทั้งหมูหยองและไข่เค็ม ส่วนขิงซอยนั้นอยู่ในถ้วยเล็ก ๆ ไม่ได้ใส่พร้อมกันลงไปในชามข้าวต้มด้วย

เห็นเพียงแค่นี้ จู่ ๆ น้ำตาก็เอ่อคลอดวงตาคู่สวย หัวใจของไพลินกำลังเจ็บปวด เพราะมันทำให้เธอนึกย้อนไปถึงคืนวันเก่าก่อนที่เธอเกือบจะลืมไปแล้ว

มาโปรดเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าของหญิงสาวแล้วก็ตกใจจนลนลานไปหมด กลัวว่าจะทำอะไรไม่ถูกใจ

“โทษที อาลืมไปว่าเพลินไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ แล้ว ยังเตรียมของกินแบบเดิม ๆ ให้อีก เพลินอยากกินอะไร อาจะเปลี่ยนให้ใหม่” เขาจัดแจงคว้าถาดจะไปเปลี่ยนอาหารมาให้เธอใหม่

“อย่าเปลี่ยนเลยนะคะ เพลินชอบ” หญิงสาวรีบห้าม เงยหน้ากระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา

เธอรีบนั่งลงที่เก้าอี้ ไม่ยอมให้มาโปรดยกอาหารหนี เขาเห็นเธอไม่เปลี่ยนใจจริง ๆ จึงยอมวางถาดอาหารกลับที่เดิม นั่งลงข้าง ๆ รินน้ำใส่แก้วไว้ให้ ข้างแก้วน้ำมียาสองสามเม็ดใส่ถ้วยใบเล็กรออยู่ ไพลินเลื่อนชามข้าวต้มมาตรงหน้า หยิบขิงซอยโรยใส่เล็กน้อย เหยาะพริกไทยและซอสถั่วเหลือง แล้วก้มหน้าก้มตากิน อาจเพราะเมื่อวานไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน เพราะเจอเหตุการณ์นั้นเข้าทำให้เช้านี้ ไม่สิ เที่ยงแล้วนี่ เธอจึงรู้สึกหิวมาก รสชาติคุ้นเคยทำให้รู้สึกเจริญอาหาร เผลอแป๊บเดียวข้าวต้มก็หมดชามจนต้องตักเพิ่มรอบสอง

มาโปรดเอนหลังพิงพนักเก้าอี้มองดูหญิงสาวกินอาหารเช้าที่เริ่มเอาตอนเที่ยง ความรู้สึกเก่า ๆ ก็หวนกลับมา

เขาเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทในวัยเดียวนัก ใช้เวลาทุ่มเทไปกับเรื่องในไร่ ทั้งทำงานทั้งเรียนไปพร้อมกัน สีสันเดียวในชีวิตของเขาก็คือเด็กหญิงตัวน้อยที่ขะมุกขะมอมวิ่งมาหาเขาอยู่บ่อย ๆ เขาไม่ได้ชอบเด็ก แต่ถูกเด็กก่อกวนจนอ่อนใจ

แรกทีเดียวคิดว่าเป็นลูกหลานคนงานในไร่ จนกระทั่งคุณตาที่เป็นเจ้าของไร่เล็ก ๆ ติดกันมาตามหาหลานสาวจึงได้รู้ว่า ‘เจ้าเด็กเพลิน’ คือหลานของไร่ข้าง ๆ

ตัวเขาเองรู้จักแม่ของไพลินแต่ไม่สนิทกันเรียกว่าแค่ทักทายกันตามประสาคนบ้านใกล้เรือนเคียง ต่อมาจึงรู้ว่าพ่อกับแม่ของเพลินมีปัญหาชีวิตคู่ และส่งลูกให้กลับมาอยู่กับคุณตาคุณยาย ช่วงชีวิตมัธยมฯ ของไพลิน เขาไม่ค่อยได้พบเธอบ่อยนัก แต่ก็มีบางครั้งบางคราวที่เธอไปโรงเรียนไม่ทันเพราะรถของคุณตาเสีย เขาจึงขับรถไปส่ง เสียงหัวเราะหวานใสและเรื่องเล่าต่าง ๆ ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำของเขา เหมือนกับว่าเด็กคนนี้ไม่เคยเจอเรื่องเลวร้ายหนักหนาใดในชีวิต

ยกเว้นก็แต่ครั้งนี้...

“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี อาโปรดยังจำได้ว่าเพลินชอบกินอะไร”

เมื่อสัมผัสถึงบรรยากาศความคุ้นเคยเก่า ๆ คำสรรพนามเรียกขานห่างเหินเช่นเมื่อคืนวานก็เปลี่ยนกลับคืนมาดังเดิม เธออาจจะไม่รู้ตัว แต่มาโปรดพอใจมาก

“ก็มีเด็กซน ๆ แบบนี้อยู่คนเดียวนี่ จะลืมได้ไง” เขายิ้ม “เจ็ดหรือแปดปีแล้วใช่ไหม”

“ค่ะ เจ็ดปีแล้ว” ไพลินยกน้ำขึ้นดื่ม แต่ทำเป็นมองไม่เห็นยาสองสามเม็ดในถ้วยเล็ก ๆ นั้น

“ได้ยินว่าได้ทุนไปเรียนเมืองนอกด้วยนี่”

“ค่ะ แต่ได้เรียนแค่คอร์สภาษาค่ะ พอดีคุณแม่ป่วยเพลินเลยต้องกลับมาดูแลท่าน เพราะท่านไม่มีใคร”

“อาเสียใจด้วยนะ” เขาเสียใจ แต่การเสียใจนี้เกิดจากที่เพลินของเขาเดือดร้อนแต่กลับไม่มาขอความช่วยเหลืออะไรจากเขา

ตั้งแต่ตอนที่เธอไปใช้ชีวิตเด็กมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ระหว่างเขากับเธอก็กลายเป็นความเหินห่าง ไม่ได้ติดต่อใด ๆ กันอีก

“ค่ะ”

เพราะต้องการเลี่ยงการกินยา ไพลินจึงแสร้งมองไปทางอื่น ทว่าสายตากับสะดุดกับดวงตาคมวาวราวเสือดำของมาโปรดเข้าให้ เธอก้มหน้าหลบสายตาอย่างไม่รู้ตัวราวกับเด็กที่ทำผิดแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้

ชายหนุ่มเลิกคิ้วประหลาดใจกับท่าทางของเธอก่อนจะยกยิ้มมุมปาก เขาขยับตัวมาใกล้ ยื่นมือไปหยิบถ้วยยามาวางตรงหน้าของหญิงสาว

“เพลินไม่สบายต้องกินยา” เขาเอ่ยอย่างรู้ทัน

“เพลินดีขึ้นแล้วไม่ต้องกินก็ได้ค่ะ” เธอยืนยันเสียงแข็งเพราะเกลียดการกินยามาตั้งแต่ไหนแต่ไร

มาโปรดส่ายหน้าช้า ๆ ยกมือขึ้นแตะหน้าผากของเธอ “ตัวยังรุม ๆอยู่เลย กินยาไว้เถอะ นี่ยาที่หมอจัดไว้ให้ด้วยไม่อันตรายหรอก”

ไพลินถอนหายใจเบา ๆ จำใจกินยานั้นเสีย ที่ไม่ได้กินนี่ไม่ใช่เพราะกลัวอันตราย แต่เป็นเพราะยามันขม เธอไม่ชอบต่างหาก เธอเบ้ปากแต่เขากลับหัวเราะเสียงดังออกมา

“อาโทรบอกคุณตาแล้วว่าเราอยู่ที่นี่”

“เอ่อ...แล้วอาโปรดได้เล่าเรื่องอื่นด้วยหรือเปล่าคะ” สีหน้าของไพลินดูไม่ค่อยสบายใจนัก

ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อีกครั้งด้วยท่างทางผ่อนคลาย ปลายนิ้วเคาะบนโต๊ะ “อาไม่ได้บอกอะไร แต่อาคิดว่าอาควรรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไหนเล่ามาซิ ใครทำอะไรเพลินของอา”

เสียงเขานุ่มนวล แล้วคำสุดท้ายนั่นชวนให้ใจของไพลินสั่นไหวแปลก ๆ ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรไปแล้ว เวลาอยู่ใกล้เขาเธอเหมือนกับคนจะเป็นโรคหัวใจ เพราะหัวใจดันเต้นแรงอยู่ตลอดเวลา แต่พอเวลาได้ใกล้ชิดและได้ฟังเขาใช้คำพูดคำจาแบบนี้ก็รู้สึกใจวูบหวิว ๆ

เธอไม่อยากเล่าเรื่องตัวเอง แต่มาโปรดก็ใจเย็นพอจะไม่เซ้าซี้ถามซ้ำ ทว่าการนิ่งเงียบของเขากลายเป็นความอึดอัดจนในที่สุดเธอต้องสารภาพออกไป

“อาโปรดได้ยินเรื่องเพลินหมั้นแล้วใช่ไหมคะ” เธอถามพลางช้อนตาขึ้นมอง และเมื่อเห็นเขาพยักหน้าเธอจึงเล่าต่อ “เพลินหมั้นกับเมธตั้งแต่คุณแม่เสีย เมื่อวานเพลินตั้งใจไปเซอร์ไพรส์เขาแต่กลับเจอเขานอนกับเพื่อนของเพลิน...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel