ตอนที่ 5 มิใช่องค์หญิงธรรมดา
รอยกริชเล็กแทงที่คอ เพื่อให้เลือดไหลออกมา ทำเอาโจวชิงเหมยรู้สึกตื่นกลัว แต่ก็ยังไม่ลดละความแค้นนี้ อีกฝั่งของโจวต้าเหมินผู้พ่อ ก็ถูกกดดันให้มาหาเฟิงจิ้ง
“ท่านบอกว่าจะมาอารักขางั้นหรือ”
“ช่างเถอะ ข้าเห็นว่าตอนนี้ท่านอ๋องไม่อยู่ก็เลยหวังดี ใครจะคิดว่านางไม่รับละ ที่ข้ามาก็เพื่อจะมาแจ้งเจ้าเอาไว้เท่านั้น สตรีต่างแคว้นผู้นี้ดูเหมือนว่าจะไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่”
“งั้นหรือ ขอบคุณท่านรองแม่ทัพที่มาแจ้ง”
“เช่นนั้นข้ากลับก่อนละ”
“ไม่ส่งนะ”
โจวต้าเหมินมิได้มอบคำสั่งนั้นให้กับเฟิงจิ้ง เมื่อเขาเดินกลับออกไป จินหยูก็เดินเข้ามาพบเขา พร้อมกับคำสั่งที่รองแม่ทัพกล่าวอ้าง
“นี่คืออะไรหรือ”
“องค์หญิงให้ข้านำมาให้ท่านตรวจสอบ รองแม่ทัพใช้สิ่งนี้ เพื่อจะแอบอ้างเข้ามาทำหน้าที่อารักขาเจ้าค่ะ”
เฟิงจิ้งเอื้อมมาหยิบคำสั่ง จากมือของสาวใช้ขึ้นมาอ่านดู เขาพบว่าในรายงานที่ส่งมา เป็นคำสั่งที่ถูกปลอมแปลงขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ท่านอ๋อง ไม่เคยมีคำสั่งผ่านรองแม่ทัพโจวมาก่อน เฟิงจิ้งแสยะยิ้มออกมา และหันมายิ้มให้กับสาวใช้อย่างจินหยู
“ขอบใจเจ้ามากนะจินหยู”
"ข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ"
จินหยูเดินออกไปแล้ว เฟิงจิ้งถึงได้รีบเรียกองครักษ์ของหอหรงเยว่ลงมาสั่งการอีกครั้ง
“เพิ่มกำลังอารักขาองค์หญิง และรีบส่งข่าวให้ท่านอ๋องทราบ”
“ทราบแล้วขอรับ”
เฟิงจิ้งยื่นคำสั่งปลอม ให้กับองครักษ์ของหอหรงเยว่ เขามองไปทางตำหนักขององค์หญิง
“คิดว่าจะเป็นเพียงสตรี ที่เย่อหยิ่งอย่างเดียวเสียอีก วันนี้กลับจัดการสองพ่อลูกนั้นได้อยู่หมัด ดูท่าจะมิใช่องค์หญิงธรรมดาสินะ”
สองเดือนถัดมา / ตำหนักองค์หญิง
“เสิ่นโจวงั้นหรือ”
“เพคะ เห็นว่าที่นั่นเกิดอุทกภัย ฮ่องเต้เลยสั่งให้ท่านอ๋อง ไปช่วยสร้างเขื่อนเพคะ”
“เช่นนั้นก็ดี แสดงว่าข้าจะไม่ต้องเจอเขาอีกหลายเดือน ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อยเลย”
“แต่หากว่าแม่นางโจวผู้นั้น ยังมาหาเรื่องอยู่ จะทำอย่างไรเพคะ”
“นั่นก็นับว่า นางคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”
“องค์หญิง ครั้งก่อนท่านลงมือกับนางไปขนาดนั้น คิดว่าบุตรสาวของรองแม่ทัพผู้นั้น คงจะโกรธแค้นท่านไม่น้อย”
“โกรธแค้นข้าสิดี อยากให้นางพยาบาทข้า มากกว่านี้เสียด้วยซ้ำไป”
“ท่านจะทำอะไรกันแน่”
“เจ้ากลัวหรือจินหยู เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่เห็นทำสีหน้าเช่นนี้เลยเล่า”
“ข้ามิได้กลัวเพคะ แต่ว่าตอนนี้เราอยู่ต่างบ้านต่างเมือง พรรคพวกก็ไม่มี อีกอย่างแม่ทัพซ่ง…องค์หญิงข้าขอโทษ”
“ช่างเถอะ เลิกพูดถึงเรื่องไร้สาระนั่นเสียที อย่างน้อยการศึกในครั้งนี้ก็ทำให้ข้าเห็นธาตุแท้ของหลาย ๆ คน”
“องค์หญิงรองช่างร้ายกาจยิ่งนัก หลอกให้ท่านออกศึกไปเสี่ยงตายแทน ลับหลังกลับแย่งคู่หมั้นของท่าน แล้วยังส่งตัวท่านมาที่นี่เพื่อเป็นเชลยอีก”
“เอาเถิด การมาที่นี่ก็มิใช่เรื่องแย่อย่างที่ข้าคิด ตอนนี้ข้ากำลังคิดว่า โชคดีที่มาที่นี่”
“ท่านหมายความว่าอย่างไรเพคะ ข้าน้อยไม่เข้าใจ”
“ในเมื่อพวกเขาอยากกำจัดข้าออกจากอู๋ตง เช่นนั้นข้าก็จะเอาเมืองอู๋ตงคืน ด้วยวิธีของข้าเอง เจ้ารีบเตรียมตัวให้พร้อม หลังจากนี้พวกเราคงจะต้องเหนื่อยกันสักหน่อย”
“เพคะองค์หญิง”
ระหว่างที่องค์หญิงอิงหยุนอยู่ที่จวนอ๋อง นางแทบจะไม่ออกไปไหนเลย แม้ว่าเฟิงจิ้งจะเคยบอกว่า เมืองหลันโจวเต็มไปด้วยร้านค้าที่รุ่งเรือง แต่ดูเหมือนว่าอิงหยุนจะไม่ใส่ใจ วัน ๆ นางอยู่แต่ในตำหนัก และอ่านตำราที่อยู่ในหอตำราพิชัยยุทธ์ของท่านอ๋อง ซึ่งต่างกับบุตรีรองแม่ทัพอย่างโจวชิงเหมย ที่เอาแต่แวะเวียนมาหาเรื่ององค์หญิงอยู่ไม่หยุด จนหลายครั้งถูกองครักษ์เชิญกลับออกไป
“เห็นว่าพระชายาหลิงอ๋อง ตั้งพระครรภ์เพคะ แล้วก็เสิ่นอ๋องจะเข้าพิธีแต่งงาน กับบุตรสาวคหบดีในอำเภอลี่เหมิน ก่อนที่จะล่องเรือจากเขื่อนที่สร้างใหม่ กลับเมืองหลวงเพคะองค์หญิง”
“ไม่ได้ จะให้เขากลับไปเมืองหลวงอีกไม่ได้ ต้องให้กลับมาที่นี่ก่อน”
“เพคะ องค์หญิงท่านพึมพำอะไร”
“จินหยู เจ้ารีบออกไปซื้อของและส่งข่าวให้หลูซิ่วรู้ ข้าจะรีบเขียน”
“เพคะ”
อิงหยุนรีบเขียนจดหมาย ซึ่งเป็นภาษาที่รู้กันเองระหว่างแคว้นฉีอัน หากว่าจินหยู เกิดพลาดท่าถูกจับได้ขึ้นมา จะได้ไม่มีผู้ใดจับได้ว่าเขียนสิ่งใดลงไปในนั้น ไม่นานนางก็ออกจากจวนโดยอ้างว่า องค์หญิงอยากเสวยขนมพื้นเมือง องครักษ์หน้าประตูจึงอนุญาตให้จินหรูออกไป
เย็นวันนั้น
“ข้าส่งข่าวตามที่องค์หญิงสั่งการแล้วเพคะ จากนี้พวกเราจะทำอย่างไรต่อ”
“รอฟังข่าวจากองครักษ์ของท่านอ๋อง ดูว่าเขาจะกลับมาหรือไม่”
"แล้วหลังจากนั้นเล่าเพคะ
“จากนี้ก็ต้อง… ล่องูออกจากรู”
“เพคะ ทราบแล้ว”
ไม่นานหลังจากที่อิงหยุนปล่อยข่าวว่า นางจะหนีออกจากจวน เพราะทนกับบุตรสาวขุนนางอย่างโจวชิงเหมยที่เข้ามาวุ่นวายในตำหนักบ่อย ๆ ไม่ได้ ท่านอ๋องจึงส่งข่าวมาแจ้งว่าเขาจะกลับมาที่หลันโจวทันที เพื่อสะสางปัญหาที่หลันโจว
“หากว่าท่านอ๋องทรงสืบรู้ว่า ข่าวลวงที่ปล่อยไปไม่เป็นความจริงเล่าเพคะ ข้าได้ข่าวว่าพวกเขามีหอหรงเยว่ ที่คอยสืบและกรองข่าวอยู่”
“แล้วเจ้าคิดว่า ข่าวที่ข้าส่งไปไม่จริงตรงไหนหรือ”
“นั่นก็… แต่คุณหนูโจวผู้นั้น มิได้สร้างความลำบากใจถึงขนาดนั้น ทุกครั้งที่นางจ้องหาเรื่องก็จะไม่กล้าเข้ามาเท่าไหร่ อีกอย่างแค่เอาชื่อของบิดามาข่มขู่เท่านั้น”
“แต่สำหรับหลันอ๋องที่เที่ยงธรรม และไม่ยอมให้ขุนนางใช้อำนาจของตนเองในทางที่มิควรแล้ว เขาจะถือว่าเรื่องนี้ เป็นการท้าทายอำนาจของเขา พยัคฆ์บูรพาที่หยิ่งยโส อวดดีใจร้อนแต่ก็เด็ดขาดเช่นเขา ไม่มีทางปล่อยให้สกุลโจว เหิมเกริมได้อีกครั้งเป็นแน่”
“อีกครั้งหรือเพคะ”
“ถูกต้อง ขุนนางคนอื่น ๆ หากอยากจะมารังแกข้า ถึงข่าวจะไปแจ้งเขาว่า ข้าถูกรังแกจนจับไข้หรือลุกไม่ขึ้น เขาก็คงไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ แต่หากเป็นสกุลโจวแล้วละก็ แค่มาตะโกนด่าข้าที่หน้าจวน… หลันอ๋องผู้นี้ก็ถือว่า เป็นเรื่องใหญ่ จนสามารถเอาผิดสกุลโจวสองพ่อลูกนี้ได้ในทันที”
“แต่หากว่าโจวชิงเหมยทราบว่าท่านอ๋องจะกลับมา ก็คงไม่กล้ามาหาเรื่องท่านอีก”
“เจ้าแน่ใจหรือ อย่าลืมว่านางยังแค้นข้าอยู่นะ… ได้เวลาออกไปเดินเล่นนอกจวนอีกครั้งหนึ่งแล้ว”
“เพคะ บ่าวจะรีบเตรียมตัว”
วันถัดมา
ช่วงนี้องค์หญิงอิงหยุน นึกอยากจะออกมาเดินเล่นนอกจวนบ่อย ๆ เฟิงจิ้งจึงให้คนตามอารักขานาง โดยไม่ให้เผยตัว เพราะท่านอ๋องแจ้งเอาไว้แล้วว่า ให้ดูแลนางเหมือนแขก มิใช่เชลยศึกหรือองค์ประกัน
ระหว่างสองแคว้นนั้น ยังไม่มีข้อตกลงอื่นเกี่ยวกับองค์หญิง เพราะนางบาดเจ็บเสียก่อน และเขาก็ต้องรีบดินทางไปที่หลิงโจว ก่อนจะได้ทำสัญญาสงบศึกอย่างเป็นทางการ
“ข้าจะไปดูร้านเครื่องประทินโฉมสักหน่อย”
“เช่นนั้นข้าน้อย จะรออยู่หน้าร้านนะขอรับ”
“ขอบใจมากเฟิงจิ้ง เราไปกันเถอะจินหยู”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
พวกนางเดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับ เมื่อเดินถึงชั้นสอง จินหยูก็นำเครื่องประดับที่อิงหยุนเลือกไปคิดเงินที่ชั้นล่าง จังหวะที่นางไม่ทันระวัง จึงถูกคนร้ายนำผ้าอุดปาก ไม่นานอิงหยุนก็สลบไปทันที
หนึ่งชั่วยามถัดมา
อิงหยุนกะพริบตาขึ้นมา ด้วยความงัวเงียเพราะยาสลบ นางถูกมัดมือมัดเท้า และเมื่อขยับตัวก็ถูกน้ำเย็นสาดใส่ทันที
“ตื่นแล้วหรือนางตัวดี คิดว่าจะต้องรอถึงพรุ่งนี้เสียอีก”
“พวกเจ้า! เป็นใครกัน”