สารภาพรัก
เสียงกีตาร์เบาๆ ค่อยๆ เปลี่ยนจังหวะไปเป็นท่วงทำนองอบอุ่นชวนให้หัวใจชะลอลง ภาคินกลับขึ้นไปยืนหน้าไมค์อีกครั้ง ท่ามกลางแสงไฟนวลๆ ที่สะท้อนกับเงาใบหน้าเขาอย่างลงตัว
พิณรดานั่งอยู่ที่โต๊ะเดิม มองเขาไม่วางตา หัวใจยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะจากคำพูดก่อนหน้า
“เพลงสุดท้ายคืนนี้…” ภาคินพูดเสียงนุ่มผ่านไมโครโฟน ดวงตาเขามองกวาดไปทั่วร้าน แต่หยุดอยู่ที่โต๊ะเธอเพียงเสี้ยววินาที
“...สำหรับคนที่เคยทำให้ผมหยุดเล่นดนตรี และในวันนี้...เขาก็ทำให้ผมอยากเล่นมันอีกครั้ง”
เสียงฮือเบาๆ ดังจากโต๊ะข้างๆ แต่พิณรดาไม่ได้ใส่ใจ เธอรู้ว่าเขาหมายถึงเธอ
เสียงเปียโนขึ้นนำช้าๆ ก่อนที่เสียงร้องของภาคินจะตามมา—นุ่มลึก ชวนให้เธอหลับตาฟังอย่างไม่อยากละไปจากทุกคำ ทุกท่อนที่เขาร้องมันออกมาจากใจ
มันไม่ใช่เพลงรักหวือหวา
ไม่ใช่เพลงเศร้าที่ดึงน้ำตา
แต่มันเป็นเพลงที่เต็มไปด้วยความคิดถึง และความหวังบางอย่างที่ยังไม่จางหาย
ในจังหวะสุดท้ายของเพลงนั้น ภาคินสบตาเธออีกครั้ง ก่อนที่คำสุดท้ายจะหลุดจากริมฝีปาก
“...ขอบคุณที่ยังฟังกันอยู่ตรงนี้”
เสียงปรบมือดังขึ้นรอบร้านทันทีหลังโน้ตสุดท้ายสิ้นสุดลง
แต่นัยน์ตาของเขายังไม่ละไปจากพิณรดา
และเธอ...ก็รู้ตัวดี ว่าเธอคงไม่มีทางหนีจากความรู้สึกที่ค่อยๆ งอกงามขึ้นนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
หลังจากเสียงปรบมือซาลง ภาคินก็โค้งขอบคุณเบาๆ ก่อนจะเดินลงจากเวที โดยไม่มองใครอีกเลยนอกจากโต๊ะที่มีผู้หญิงคนเดียวที่เขาอยากเดินกลับมาหา
พิณรดายังนั่งอยู่ที่เดิม มือกุมแก้วน้ำเย็นที่ตอนนี้น้ำแข็งแทบละลายหมด เธอแหงนหน้ามองเขา พลางพยายามซ่อนรอยยิ้มที่กำลังจะเผยออกมา
“หวังว่าเพลงเมื่อกี้จะไม่ทำให้คุณอึดอัด” เขาว่า ขณะทรุดตัวลงนั่งที่เดิม น้ำเสียงมีแววจริงจังปนประหม่า
พิณรดาส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เลย…ฉันชอบมันมาก”
เขาหัวเราะเบาๆ พลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำของตัวเอง
“บางทีโชคชะตาก็ไม่ได้ใจร้ายกับเราตลอดเวลา”
“แต่บางทีมันก็เล่นตลกนะ” เธอแย้มยิ้มเจื่อน
ภาคินมองเธอเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาทอดมองอย่างเข้าใจ
“ถ้ามันจะตลก ก็ให้มันตลกแบบที่มีคุณนั่งหัวเราะไปด้วยกัน...ได้ไหมครับ”
พิณรดาเงียบไป หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบกลบเสียงเพลงคลอในร้าน เธอมองเขาผู้ชายที่เธอเคยคิดว่าไม่มีวันได้เจอกันอีก แล้วพยักหน้าแผ่วเบา
รอยยิ้มของภาคินกลับมาอีกครั้ง อบอุ่น...และเต็มไปด้วยความหมาย
เธอเองก็ยิ้มตอบ รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างในใจเธอเริ่มคลี่คลาย
และคืนนี้...คงยังไม่ใช่จุดจบของบทสนทนา
แต่มันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของบางอย่างที่งดงามยิ่งกว่า
ภาคินเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเงยหน้ามองเธออีกครั้ง ดวงตาเขานุ่มลึกและจริงใจ
“แล้วคุณกลับบ้านยังไงครับ”
พิณรดายิ้มบาง พลางตอบเรียบๆ พยายามไม่ให้เสียงสั่น
“ฉันขับรถมาค่ะ”
เขาพยักหน้าช้าๆ แต่ก็ยังคงจ้องหน้าเธออยู่อย่างนั้น
“มันดึกแล้วนะ… ให้ผมขับรถไปส่งคุณได้ไหม”
คำพูดนั้นเรียบง่าย แต่กลับทำให้หัวใจเธอเต้นแรงผิดจังหวะ เธอรู้สึกถึงเสียงหัวใจตัวเองในอก ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าทุกคำของเขากระแทกเข้าไปตรงกลางใจ
พิณรดาหลบตาเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึก
“คุณจะไปส่งฉันจริงหรอ”
“ครับ ถ้าคุณอนุญาต” เขาตอบเสียงเบา แต่หนักแน่น
เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้ใจเธอสั่นไหว
“…งั้น ก็…ได้ค่ะ”
เขาหยิบกุญแจรถของเธอจากโต๊ะด้วยความนุ่มนวลเหมือนจะบอกว่า “ไปกันเถอะครับ”
พิณรดาลุกขึ้นช้าๆ เดินเคียงไปกับเขาออกจากร้าน เสียงเพลงในร้านเริ่มจางลง แต่เสียงหัวใจเธอกลับยังดังก้องอยู่ในอก
ค่ำคืนนี้มีลมเย็นพัดผ่าน...
และอะไรบางอย่างในอากาศ ก็ทำให้เธออยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ให้นานที่สุด
บนถนนสายเงียบในค่ำคืนแสนสงบ เสียงเพลงเบาๆ จากวิทยุคลอไปเรื่อยๆ ภาคินขับรถด้วยความนุ่มนวล ไฟหน้ารถทอดยาวไปบนถนนอย่างมั่นคง แต่ในใจของใครบางคนกลับวุ่นวายไม่ต่างจากพายุ
พิณรดานั่งนิ่งอยู่ข้างๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ใจเธอไม่ได้อยู่กับทิวทัศน์ภายนอกเลย มือบางของเธอวางอยู่บนตัก บีบเข้าหากันแน่นเหมือนพยายามรวบรวมความกล้า
“คุณภาคิน…” เธอเรียกเขาเสียงเบา
“ครับ” เขาตอบโดยไม่ละสายตาจากถนน แต่เพียงคำเดียวของเธอก็ทำให้เขาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
เธอกลืนน้ำลายลงคอ ฝืนยิ้มจางๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย
“ฉันรู้ว่า...มันอาจจะเร็วไป แล้วก็ดูงี่เง่าด้วย แต่ฉันไม่อยากเก็บไว้แล้ว”
ภาคินหันมามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองถนน แต่แววตาเขาอ่อนโยนลงทันที
พิณรดาสูดหายใจลึก แล้วพูดออกมาช้าๆ ชัดเจน
“ฉันชอบคุณนะ... ไม่สิ… ฉันรักคุณไปแล้ว”
เงียบเหมือนทั้งโลกหยุดหมุนอยู่แค่ตรงนั้น มีเพียงเสียงหัวใจของเธอที่เต้นดังจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน
ภาคินหันมามองเธออีกครั้ง แววตาเขาเปลี่ยนไป นุ่มนวล อบอุ่น และเหมือนกำลังไหวไหวอย่างไม่มั่นคง
เขาไม่พูดอะไรในทันที แต่จอดรถข้างทางอย่างช้าๆ ปิดไฟหน้าแล้วหันมาหาเธอเต็มตัว
“พิณ…” เสียงเขาเบากว่าที่เคย เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาไม่มั่นใจ “คุณรู้จักผมแค่ไม่กี่วันนะ… แล้วคุณ—”
“ฉันรู้” เธอตัดบทเบาๆ “ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้เร็วขนาดนี้... แต่ฉันรู้ตัวดีว่าฉันรู้สึกอะไรอยู่”
ภาคินสบตาเธอนิ่ง แล้วพูดเบาๆ
“แล้วคุณไม่กลัวเหรอ ว่าผมอาจจะทำให้คุณผิดหวัง”
เธอส่ายหน้า ดวงตาแน่วแน่แต่เปียกชื้น
“บางที…ฉันอาจจะผิดหวังจริงๆ ก็ได้ แต่ตอนนี้ ฉันแค่อยากให้คุณรู้ว่าฉันรู้สึกยังไง”
ภาคินนิ่งไปครู่หนึ่ง ขณะที่สายตาทั้งคู่ยังสบกันในความเงียบของรถที่จอดอยู่ข้างทาง
ลมเย็นจากภายนอกพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่แง้มไว้เพียงเล็กน้อย กลิ่นหอมอ่อนของค่ำคืนผสมกับความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้
พิณรดาค่อยๆ เบือนสายตาลง มองมือตัวเองที่บีบกันแน่นอยู่บนตัก แล้วเอ่ยเสียงเบาแต่มั่นคง
“คุณไม่ต้องรีบบอกฉันก็ได้ค่ะ... ว่าตอนนี้คุณรู้สึกยังไง”
เธอยิ้มบางๆ ทั้งที่ดวงตาเริ่มร้อนผ่าว
“แค่ฉันได้หวังลมๆ แล้งๆ จากคุณบ้าง… แค่ได้คิดว่า บางทีคุณอาจจะรู้สึกเหมือนกันบ้างนิดหน่อย… ก็พอแล้วค่ะ”
ภาคินพูดเสียงเบา แผ่วช้าเหมือนกลัวทำลายความรู้สึกบางอย่างในอากาศ
“มันยังเร็วเกินไปนะครับ… คุณยังไม่รู้จักผมดีเลย”
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย ราวกับรู้สึกผิดที่ไม่อาจตอบเธอได้เต็มหัวใจในเวลานี้
“ผมมีเรื่องในอดีต มีชีวิตที่ไม่ได้เรียบง่าย... และผมกลัว—กลัวว่าคุณจะผิดหวังในตัวผมถ้าได้รู้ทุกอย่าง”
พิณรดาเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาเธอสะท้อนแสงไฟหน้ารถอย่างเงียบสงบ แต่แน่วแน่
เธอส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่มีใครรู้จักใครดีตั้งแต่วันแรกหรอกค่ะ… แต่ฉันไม่ได้ขอให้คุณเป็นคนสมบูรณ์แบบ ฉันแค่อยากรู้จัก ‘คุณ’ ในแบบที่คุณเป็น”
ภาคินเงียบไปอีกครั้ง มองเธอเหมือนกำลังเห็นบางอย่างในแววตาเธอที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เจอ
ความกล้าหาญ
ความอ่อนโยน
และหัวใจที่กล้ารัก โดยไม่กลัวว่าจะเจ็บ
