ค่ำคืนที่เปลี่ยนชีวิต
ค่ำคืนที่เปลี่ยนชีวิต
เมืองหลวงยามค่ำคืนยังคงมีชีวิต ผู้คนหลากหลายไหลเวียนตามถนนหนทาง ราวกับไม่รู้จักคำว่าพักผ่อน แสงไฟสีส้มสลัวจากโคมไฟริมทางทอดเงาบนฟุตบาท เสียงพูดคุย เสียงรถ และเสียงหัวเราะแผ่วเบาปะปนกันไปในอากาศ
ในมุมหนึ่งของถนนสายเล็กๆ มีร้านอาหารกึ่งบาร์ขนาดไม่ใหญ่นัก ที่ภายนอกตกแต่งเรียบง่าย ทว่าภายในกลับอบอุ่นด้วยไฟประดับและเสียงเพลงอะคูสติกเบาๆ ที่คลออยู่ตลอดเวลา
ประตูร้านถูกผลักเปิดออกช้าๆ
พิณรดา ก้าวเข้ามาพร้อมเพื่อนสนิท เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังกังวานเบาๆ เมื่อพวกเธอก้าวเข้ามา กลิ่นเครื่องดื่มและอาหารจางๆ ลอยอบอวลในอากาศ ผสมกับกลิ่นไม้เก่าที่ขับกล่อมความรู้สึกให้ผ่อนคลาย
“นั่งตรงนี้ดีมั้ย” เพื่อนของเธอชี้ไปที่โต๊ะริมกระจก
พิณรดาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งคู่จะทรุดตัวลงนั่ง แต่สิ่งที่ทำให้เธอหยุดหันมองกลับไม่ใช่โต๊ะ ไม่ใช่เมนู และไม่ใช่เสียงเพื่อน แต่เป็นเสียงกีตาร์โปร่ง ที่บรรเลงอยู่บนเวทีเล็กๆ ในมุมร้าน
เขา... นักดนตรีที่นั่งอยู่บนสตูลไม้
ชายหนุ่มที่ไม่แต่งตัวฉูดฉาด ไม่มีสร้อย ไม่มีเครื่องประดับเหมือนนักดนตรีคนอื่น เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นถึงศอก กางเกงยีนส์สีซีด และรองเท้าผ้าใบธรรมดา แต่ท่าทางสงบนิ่ง ราวกับเขาเป็นส่วนหนึ่งของเสียงดนตรีนั้น
นิ้วเรียวไล่ไปตามสายกีตาร์อย่างมั่นคง ไม่มีสะดุด เสียงดีดแต่ละโน้ตคลอเคลียกันอย่างลงตัว ราวกับละอองฝนที่โปรยเบาๆ ในคืนที่อากาศเหน็บหนาว
“If I should stay… I would only be in your way…”
เสียงทุ้มต่ำเอื้อนเอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงกีตาร์ สะกดใจพิณรดาราวกับถูกดึงเข้าไปในโลกของเขา
เธอจิบไวน์แดงอย่างแผ่วเบา สายตาไม่ละจากเขาแม้แต่วินาทีเดียว
“แกดูอินเพลงไปหน่อยป่ะ” เพื่อนสาวกระซิบข้างหู น้ำเสียงปนหัวเราะ
พิณรดายิ้มบางๆ ดวงตายังคงจับจ้องไปที่เวที “ก็แค่... ชอบเสียงเขา”
“ชอบเสียง หรือชอบคนร้องกันแน่ล่ะ”
“ไม่รู้สิ” เธอพูดเบาๆ หันกลับมามองเพื่อนแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปมองที่เวทีอย่างเดิม
เสียงเพลงดำเนินไปเรื่อยๆ ในขณะที่หัวใจของใครบางคนค่อยๆ สั่นไหว
จนกระทั่งโน้ตสุดท้ายจางหายไปในอากาศ
นักดนตรีหนุ่มลุกจากเวที สะพายกีตาร์ไว้ข้างหลัง มุ่งหน้าไปยังประตูด้านในของร้าน
พิณรดาลังเลอยู่เพียงครู่ ก่อนจะลุกขึ้นตามไปอย่างไร้เหตุผลชัดเจน
เพียงแค่อยากรู้จัก... อยากคุย
แม้จะไม่มีคำตอบว่าทำไม
หลังร้านเงียบกว่าด้านหน้า ไฟสลัวๆ จากหลอดนีออนสีขาวขุ่นส่องลงบนพื้นปูนเปลือย
เขากำลังก้มเก็บกีตาร์ใส่กระเป๋า
“คุณชื่ออะไรคะ”
เสียงของเธอดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
เขาหยุดมือชั่วขณะ เงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาสีเข้มสะท้อนแสงไฟจางๆ
“ภาคินครับ” เขาตอบเรียบๆ ไม่มีท่าทีตกใจ หรือยิ้มรับอย่างขี้เล่น
“ฉันชื่อพิณรดา” เธอยิ้มบางๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เขายิ้มเพียงเล็กน้อยพอเป็นมารยาท น้ำเสียงนิ่งอย่างมีระยะห่าง
เธอยกแขนกอดอกเล็กน้อย พลางพิจารณาเขาเงียบๆ “คุณเล่นเก่งมาก ฉันชอบมากจริงๆ”
“ขอบคุณครับ” ภาคินพูดเรียบๆ ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป
“คุณเล่นที่นี่ทุกคืนเหรอ”
“เกือบทุกคืนครับ”
เธอเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนถามต่อด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“งั้น... ขอเบอร์คุณได้ไหมคะ”
เขาชะงัก สายตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะในลำคอ
“ลูกค้าร้าน ขอเบอร์นักดนตรีแบบนี้ทุกคนเลยเหรอครับ”
“ไม่ทุกคนหรอกค่ะ” พิณรดาตอบ ยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย “แต่คุณเป็นคนแรกที่ฉันขอ”
ภาคินเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง มองเธอด้วยแววตาประหลาดใจเจือขัน ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ขอโทษครับ ผมให้ไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ”
“มันไม่เหมาะ”
“แปลว่าถ้าฉันไม่ได้เป็นลูกค้าของร้าน... คุณจะให้”
เขาไม่ตอบ
แค่หัวเราะเบาๆ ส่ายหน้า ยิ้มมุมปาก แล้วก้มหน้าต่อ
เธอขยับเข้าไปใกล้อีกนิด เอ่ยเบาๆ แต่มั่นคง “งั้น... ฉันจะมาฟังคุณเล่นทุกวัน”
ภาคินเงยหน้ามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ แต่ยังคงมีแววขบขันจางๆ ในดวงตา
“ถ้าฉันมาทุกวัน คุณจะให้เบอร์ฉันไหม”
“แล้วแต่คุณเลยครับ” เขาตอบ
“ตกลงนะ”
“ผมไม่ได้ตกลงนะครับ”
“แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่นา”
เขาหลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนจะสะพายกระเป๋ากีตาร์
“ดึกแล้ว กลับบ้านดีๆ นะครับ”
พิณรดายิ้มหวาน ส่งสายตาแน่วแน่ให้เขา “ขอบคุณค่ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
เขาไม่ตอบ แค่พยักหน้าเบาๆ แล้วเดินหายเข้าไปในเงามืดของหลังร้าน
หญิงสาวยืนอยู่ที่เดิม ยิ้มกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว
นี่ไม่ใช่แค่คืนธรรมดา
นี่คือค่ำคืนที่เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล...
