
ณ แดนฝันนิรันดร์รัก (ลงที่นี่ที่แรก)
บทย่อ
เขาคืออมตะชน อายุเกือบพันปี ไม่มีสิ่งใดที่เขาปรารถนาแล้วจะไม่ได้ เว้นแค่สองอย่าง ความตาย กับรักนิรันดร์ ยิ่งเขามีชีวิตอยู่นานเท่าไหร่เขาก็ต้องทนมองคนที่เขารักจากไปมากเท่านั้น เขาตั้งใจจะไม่รักใครอีก กระทั่งสาวน้อยผู้เสียงอันหวานไพเราะดุจเสียงการเวกเข้ามาในชีวิตเขา น้ำผึ้ง...สาวน้อยผู้อยู่ในโลกมืดมาหลายปี หวังสุดใจว่าจะมีโอกาสกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง หล่อนพร้อมจะทำทุกอย่างเพียงให้สายตากลับมามองเห็น แต่ไม่พร้อมเลยสำหรับการสูญเสียหัวใจให้กับอมตะชนที่ไร้หัวใจ...มีความปรารถนาแต่ไม่รัก ............ “เอ๊ะ!” หล่อนอุทานสุ้มเสียงยิ่งกว่าประหลาดใจ “แผลหายไปไหนแล้วก็เคยอยู่ตรงนี้?” จอมหัวเราะหึๆ กระซิบคลอริมหูบาง “เจ้าลืมแล้วหรือไรว่าข้าเป็นใคร บาดแผลแค่นี้คณนาความสามารถที่ข้าจะเยียวยาตัวเองไปได้หรอก” ปลายนิ้วเล็กน่าเอ็นดูแตะอยู่ใต้ลิ้นปี่เขาชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะมีเสียงอ่อนๆ ตามมา “นั่นสินะเจ้าคะ ข้าเจ้าก็ลืมไปว่าท่านคือจอมเวท เป็นผู้มีเวทมนตร์สูงส่ง แค่นี้คงจะไม่เป็นไร” ดูเหมือนปลายนิ้วเรียวนุ่มจะเริ่มขยับลูบไล้ไปตามซิกแพ็กเขาอย่างไม่ตั้งใจ แต่ก็ทำเอาจอมเวทถึงกับกลั้นลมหายใจสลับผ่อนลมจากปอดอย่างติดขัด “น้ำผึ้ง....” เสียงจอมสั่นกระเส่า “อย่างนั้นข้าจะ....ทนไม่ไหวเอานะ” ปลายนิ้วที่กำลังเคลื่อนวนสัมผัสกล้ามเนื้อตึงบริเวณลำตัวเขาชะงักไป “อะไรเจ้าคะ?” เสียงถามนั้นช่างอ่อนใสไร้เดียงสาซะจนจอมเวทแทบจะอดใจไม่ไหว กดร่างแน่งน้อยลงกับพื้นแล้วตัวเองก็โถมตามลงไป แต่เขาก็ได้ทำตามอารมณ์เรียกร้อง เขาแค่ตอบด้วยกังวานเสียงหยอกเย้ากลบเกลื่อนความปรารถนาที่ทำท่าจะพุ่งโพลงขึ้นมาอีก “เจ้าลูบไล้ข้าแบบนั้น ข้าเสียว” “อ่ะ....” หล่อนมีอาการใบ้รับประทานไปชั่วครู่ก่อนจะรีบผละออกมานั่งห่างร่างที่หล่อนรู้จากสัมผัสว่ากำยำแข็งแรงเพียงใด จอมหัวเราะ พูดกระเซ้าต่อว่า “ข้าห่วงเจ้านะ ถึงได้บอกให้รู้ก่อนเจ้าจะทำให้ข้าลืมตัว ซึ่งคนที่จะเสียเปรียบก็เจ้าน่ะแหละ” “ท่าน...ล้อข้าเจ้า!” หลุดปากไปแล้วน้ำผึ้งก็รีบยกมืออุดปากที่ตนช่างกล้าหาญต่อว่าจอมเวท “ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก น้ำผึ้ง และข้ายังจะขอร้องเจ้าด้วย” “ท่านจะขอร้องอะไรข้าเจ้าหรือเจ้าคะ?” “นั่นแหละที่ข้าจะขอ” “.....” ความสงสัยปรากฏบนสีหน้านวลผ่อง “ข้าอยากให้เจ้าพูดจากับข้าอย่างคนเสมอกันพูดจากัน ไม่อยากให้เจ้าพูดกกับข้าอย่างทาสพูดกับนาย คนรับใช้พูดกับนายจ้าง และกรณีของเรา นอกจากเจ้าจะเห็นข้าเป็นผู้วิเศษ เป็นจอมเวทที่น่ายำเยง เจ้ายังเห็นข้าเป็นผู้มีพระคุณและเจ้าก็ลดตัวเองเสมอข้าพร้อมกับยกข้าเป็นนาย” “แต่ว่า...” “อย่ามีแต่เลย ข้าขอแค่นี้เจ้าจะให้ข้าไม่ได้เชียวรึ?” น้ำผึ้งก้มหน้านิ่งอยู่อึดใจใหญ่ “ก็ได้...ค่ะ ท่าน” “เลิกเรียกข้าว่าท่านจอมเวทเสียด้วย” “แล้วจะให้...ให้เรียกอย่างไรล่ะเจ้าคะ เอ๊ย! คะ” “เรียกชื่อข้า จอม หรือนาเคนทร์ ก็ได้” “เอ่อ...งั้น ขอข้าเรียก...ท่านว่า ท่านนาเคนทร์ได้หรือไม่คะ ฟังเพราะกว่าท่านจอม” “ได้ แต่ทุกครั้งที่เรียกท่านต้องมีชื่อข้าตามนะ ไม่อย่างนั้น...” “ท่านจะทำอะไรข้าคะ?” “ข้าจะจูบเจ้าทุกครั้งที่เผลอเรียกข้าท่านจอมเวท หรือท่านเฉยๆ” “แหม....” อีกครั้งที่เนียนปรางแต่งแต้มสีชมพูกุหลาบป่า .................. นานทีปีหนจะมีนิยายรักแนวนี้ออกมาให้ได้อ่านกัน ฝากด้วยนะคะ รักคนอ่าน "พันแสงจันทร์"
ตอนที่1
ปฐมบท....
นานมาแล้ว... นานมาก พอที่จะใช้คำว่า กาลครั้งหนึ่ง ซึ่งถ้านับจากฤดูกาลที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปก็นับได้เกือบพันรอบ แต่เขาก็ยังอยู่... อยู่อย่างมีชีวิต เยี่ยงมนุษย์ที่ไม่มรณะกาล
เขารับรู้จากคำบอกเล่า เขาถือกำเนิดในฤดูใบไม้ผลิ และก่อนฤดูใบไม้ผลิจะเวียนครบรอบ เขาก็เดินได้คล่อง
เข้าฤดูหนาวที่สอง เขาสามารถพูดคุยชัดถ้อยชัดคำ และได้ใจความอย่างผู้ใหญ่
ถึงฤดูใบไม้ร่วงในรอบที่สาม เขาสามารถเสกสิ่งของให้หายไป และเรียกกลับคืนมาได้ เพียงจุ่มนิ้วลงในขันน้ำเปล่าก็สามารถเปลี่ยนน้ำให้เป็นเป็นเหล้าได้ตามใจสั่ง
นอกจากนี้ เขายังสามารถเรียกลม ฝน และเสกไฟ ขณะที่เด็กรุ่นๆ เขา ยังไม่เป็นประสีประสา
นอกจากเรียก ลม ฝน และไฟ เขายังบังคับกระแสน้ำให้ไหลวน เสกน้ำในบึงใหญ่ให้กลายเป็นน้ำเดือด
เมื่อยังเยาว์ เขาไม่เข้าใจว่า พวกผู้ใหญ่ประหลาดใจกัน เขาคิดว่ามนุษย์ผู้ชายทุกคน มีพรสวรรค์เหมือนเขา เขาประหลาดใจ เมื่อพบว่าผู้ที่อยู่ใกล้เขานั้นอ่านใจเขาไม่ได้เหมือนที่เขาอ่านใจคนพวกนั้นได้ทะลุปรุโปร่ง
ความสามารถพิเศษของเขาที่เพื่อนๆ เคยเห็นเป็นของสนุก เริ่มเปลี่ยนไป
ยิ่งเขาเติบใหญ่ ทุกคนยิ่งมองเขาอย่างยั่นยำเกรง
เวลาผ่านไป คนที่เคยกลัวเขา ก็ยังกลัวเขา และหวาดเกรงเขาไม่เสื่อมคลาย
จำได้ว่า แม้แต่คนใกล้ชิดเขา ก็ยังมองเขาด้วยแววตาแฝงความหวาดหวั่น
เก้าร้อยกว่าปีล่วงเลย คนที่เขาเคยรู้จักล้มหายตายจาก เขาคนเดียวยังมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว
เขาท่องไปในโลกกว้าง ในสถานที่เหมือน และต่างกันออกไป
แต่ในที่สุด เขาหวนคืนกลับสู่ปราสาทเก่าแก่ ก่อด้วยหินแลงอันมั่นคงบนเขาสูงที่ชาวบ้านเรียก ‘ป่าแดง’ ปราสาทที่บิดาของเขาสร้างขึ้น ซึ่งรางเลือนอยู่ท่ามกลางสายหมอก โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าดิบที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้ายสิงสาราสัตว์ และพันธุ์ไม้นานๆ ชนิด
ถึงตอนนี้ ความภูมิใจในความสามารถพิเศษกระทั่งทำให้เขากลายเป็นผู้วิเศษ เหลือทิ้งไว้แต่ความรู้สึกของผู้ที่ต้องคำสาป โดยที่เขาไม่รู้ว่าจะแก้คำสาปนี้ได้อย่างไร
ที่สำคัญ เขาไม่แน่ใจว่า ตัวเองอยากหลุดพ้นสภาพที่เป็นอยู่ แม้ว่าเขาจะเศร้าใจเมื่อต้องเฝ้ามองผู้คนล้มหายและตายไป เฝ้าดูความเสื่อมของมนุษย์โลก และความเจริญถึงขีดสุด
อย่างไรก็ตาม คนที่รู้จักเขาส่วนใหญ่ จะกลัวและระแวงเขา ขณะคนบางกลุ่มที่ต้องการความยิ่งใหญ่ ก็อยากขโมยอำนาจของเขา พากันตามไล่ล่าเขา พยายามทุกทางที่จะเรียนรู้ความลับของเขาที่ทำให้เขามีอำนาจ และมีชีวิตคงความเป็นหนุ่มมาหลายร้อยปี
วันเวลาที่ล่วงเลย ทำให้เขารู้จักที่จะหลีกเร้นจากสายตาคนภายนอก
เขายังมีตัวตน แต่เขากลายเป็นตำนานปรัมปรา มีน้อยคนนักจะรู้ว่าเขายังคงอยู่
นามของเขา...จอม นาเคนทร์
จอมรู้ว่าชาวบ้านในหุบผาข้างล่างเรียกเขาจอมเวท
แต่ก็ยังมีคนอีกหลายหมู่ หลายพวก เรียกเขาต่างออกไป บางชื่อส่อไปทางชั่วร้าย บางนามบอกถึงความยกย่องเกินจริง
แต่ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร คนเหล่านั้นก็เกรงกลัวเขา พอๆ กับให้ความเคารพศรัทธา ที่มาพร้อมความหวาดระแวง
เขาถอนใจให้กับความเหงา และเปล่าดาย นึกถึงชีวิตที่ผ่านมาที่มีทั้งทุกข์และ สุข
สุขเมื่อได้รัก และสมหวังในรัก ทุกข์ เมื่อรักนั้นจากไปตามกาลเวลา เพราะไม่มีใครเลยไม่ว่าชายหรือหญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขามีอายุยืนยาว อยู่เป็นเพื่อนเขาได้ยาวนานโดยไม่ถูกพรากด้วยความตาย
มันทำให้เขาเหนื่อยหน่าย เพราะรู้ว่าผลสุดท้าย เขาก็ต้องพบกับความเจ็บปวดจากความสูญเสียและพลัดพราก
กว่าสองร้อยกว่าปีก่อน เขาบังเอิญได้พบสมณะรูปหนึ่ง ซึ่งมีฌานสูง ผู้สงบกิเลสแล้วรูปนั้นได้เทศนาโปรดเขา ทำให้จิตใจที่กำลังบ้าคลั่งของเขาขณะนั้นค่อยๆ สงบลง
บางช่วงบางตอนในคำเทศนานั้นเขายังได้ติดใจจนบัดนี้
“ดูก่อน...ท่านผู้ยืนอยู่บนทางสองแพร่ง ผู้อยู่ระหว่างความมืดและความสว่าง ขอให้ท่านจงรู้ไว้เถิด ในสุดเขตขอบจักวาลนี้ เมื่อมีผลก็ต้องมีเหตุ เฉกเช่นมีผลไม้ก็ย่อมมาต้นไม้ มีลูกลิงก็ต้องมีแม่ลิง... ตัวท่านเองลองมองลึกเข้าไปในตัวตนแท้จริงแห่งตนแล้วท่านจะได้คำตอบว่า เหตุใด ท่านจึงมีชีวิตที่ไม่เป็นไปตามวัฏสงสาร ทุกอย่างล้วนมีที่มา ขอเพียงท่านจงสงบจิต เอาชนะความดำมืดที่พยายามจะครอบงำดวงวิญญาณของท่าน รู้จักคำว่าให้ แม้เลือดเนื้อและชีพที่ดำรงอยู่ของท่านจากห้วงหัวใจที่อ่อนโยน ไม่หวังสิ่งตอบแทน บางที... เมื่อนั้น ท่านอาจหลุดพ้น”
แต่จนบัดนี้ เขาก็ยังตีปริศนาธรรมของภิกขุรูปนั้นไม่ออก เขายังไม่สามารถหลุดพ้นจากความเป็นนิรันดร์
เขาถอนใจ เมื่อนึกถึงความจริงที่ว่า เกือบร้อยปีมานี้ เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยว ชีวิตจมอยู่กับการศึกษาเวทมนตร์แขนงต่างๆ จากตำรับตำราที่หามาได้ในทุกมุมโลก เพื่อฆ่าเวลาจนกว่าสิ่งที่เขารอคอยจะมาถึง
เขานึกถึงสิ่งที่ตัวเองรอคอย บอกกับตัวเองว่า บางที...ชีวิตเขาอาจจะหายเหงา เมื่อมีเพื่อนเคียงกายอีกครั้ง
