ซ่อนรัก EP.8 เลี้ยงเด็ก
"พี่นธี! นินได้รับมอบหมายจากคุณแม่ให้มาตรวจสอบ"
"อะไร" คิ้วเข้มของเขาเริ่มขยับเข้าหากัน
"แม่หยิบสมุดบัญชีไปปรับรายการมา เห็นพี่ใช้เงินเยอะผิดปกติ แม่ให้นินมาสืบว่าพี่เอาไปทำอะไร" ให้มาสืบแต่แกบอกพี่นธีไปหมดแล้วญานิน
หรือว่าจะเป็นพวกค่าเหล้าราคาแพงพวกนั้นนะ
"..." ฉันยืนฟังสองคนพี่น้องนั้นเงียบๆ แล้วพี่นธีก็ปรายตามามองฉันแว่บหนึ่งก่อนจะบอกน้องสาวตัวเอง
"เงินก็เงินฉัน แม่จะอยากรู้ไปทำไม"
"แม่คิดว่าพี่เลี้ยงผู้หญิง" ญานินกอดอกพูดท่าทางเหมือนเป็นแม่พี่นธีอีกคน
"ถ้าเลี้ยงแล้วแม่จะทำไม"
ไม่ใช่แค่ญานินที่ตกใจ ฉันเองก็ด้วย ไหนเขาบอกว่าไม่อยากมีแฟนไง
ไม่สิเขาไม่อยากผูกมัดกับใครแสดงว่าแค่คบเล่นๆ แต่เป็นสายเปย์เหรอ ทีหลังฉันต้องมองเขาใหม่แล้วสินะ
เห็นหน้าเงียบๆฟาดเรียบใช่มั้ย
"พี่นธีมั่วผู้หญิงเหรอ!!"
"..." คำพูดของญานินทำให้พี่นธีพ่นลมหายใจออกมาทันที
"ฉันไปก่อนนะ พอดีมาหาญาติ" ฉันรีบปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นทันทีก่อนที่ญานินจะกลับมาสนใจตัวฉันอีกรอบและไม่อยากฟังคำตอบของพี่นธีเท่าไหร่
"โอเค พรุ่งนี้เจอกันนะ" ฉันหันไปยิ้มให้ญานิน แล้วมองพี่นธีซึ่งเขาเองก็มองมาเหมือนกันแล้วยังขมวดคิ้วยุ่งๆ ใส่ด้วย
"..."
ฉันขึ้นมาบนห้องและรอฟังเสียงจากห้องตรงข้ามจนเวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีก็ได้ยินเขาเปิดประตู จังหวะนั้นจึงรีบเปิดออกไปทักทายทันที
"พี่นธี"
"..." เขาหันหลังกลับมามอง สีหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่างหรือโกรธที่ฉันหนีขึ้นมา
"เอ่อ พี่จะไปอยู่มั้ยคะ"
"..." ยังคงเงียบแล้วจ้องหน้าฉันเหมือนหาเรื่องอยู่เลย "ควรถามเธอมากกว่ามั้ง"
"ขอโทษค่ะ เนยไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าอยู่ที่นี่ มันดูเกินฐานะไปหน่อย"
"..." พี่นธีไม่พูดอะไรแล้วเดินหายเข้าไปในห้องพักใหญ่ทั้งที่ไม่ปิดประตู ฉันจึงเดินออกจากห้องของตัวเองแล้วเข้าไปในห้องของเขา ทำเหมือนเป็นห้องตัวเองไปแล้ว
"เราไปกันเลยมั้ยคะ ปุยนุ่นอาจจะหิว" ฉันบอกเมื่อเห็นเขานั่งเล่นมือถือเงียบๆ เหมือนกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หรือว่ากำลังรำคาญฉันอยู่นะ
"อืม" ตอบสั้นๆแบบไม่สนใจแต่ยังเขี่ยมือถือเล่นไปมา
"หรือถ้าพี่ไม่ว่างเนยไปเองก็ได้ เรียกรถไปแป๊บเดียว" ฉันบอกแล้วยืนสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ด้านหลังเขา อุ้มน้องแมวมาไว้ในอ้อมอกและลูบหัวมันอย่างเอ็นดู
"..." พี่นธีไม่พูดไม่จาแต่ก็ยอมลุกขึ้นไปหยิบกุญแจรถแล้วเดินไปที่ประตูทำสายตาเป็นเชิงให้ฉันออกไป จึงวางน้องแมวลงและรีบเดินออกไปกับเขา
"ญานินกลับไปแล้วใช่มั้ยคะ"
"อืม" เขาเปร่งเสียงตอบในลำคอแล้วเดินล้วงกระเป๋ากางเกงนำหน้าไปเงียบๆ
"พี่นธีพอจะมีงานแนะนำมั้ย เนยหมายถึงงานพาร์ทไทม์น่ะค่ะ"
ทั้งที่คิดไว้ว่าไม่อยากจะรบกวนเขาอีกแต่ปากฉันมันก็ไวกว่าความคิดตลอดเลย พอเห็นอีกคนเงียบฉันก็อยากทำลายความเงียบด้วยการชวนคุยอยู่เรื่อย
ปึก
"โอ๊ย!"
"…" เขาหยุดเดินกระทันหันแบบไม่บอกไม่กล่าวทำให้ฉันที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อเดินทันขายาวๆนั่นชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว พี่นธีหยุดยืนนิ่งแล้วหันมามองฉันที่ทำตัวซุ่มซ่ามอย่างน่าตำหนิแล้วพูดขึ้น "มีงานให้ทำ จะทำมั้ย"
"ทำค่ะ" ฉันยิ้มกว้างส่งให้เขาและแน่นอนว่าเขาแค่ส่งสายตาเย็นชากลับมา "ว่าแต่ได้เงินเยอะมั้ย แฮร่ๆคือเนยต้องเอาไปจ่ายค่าเทอมอีกสองเดือนข้างหน้า แล้วก็ค่าใช้จ่ายอีกนิดหน่อย"
"…" พี่นธีเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงหันไปกดปุ่มหน้าลิฟต์ "เธออยากได้เท่าไหร่"
"สองเดือนนี้หาได้ซักหมื่นกว่าก็ยังดีค่ะ แต่มันคงเป็นไปได้ยากเพราะเนยไม่มีเวลาไปทำงาน ทำได้แค่งานกลางคืนเพราะต้องเรียนด้วย" ฉันตอบตามความเป็นจริง
ทั้งที่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของตัวเองเท่าไหร่นักแต่กลับบอกเขาทีละเรื่องจนได้ คงเพราะเขาดีกับฉันล่ะมั้ง
"…" เขาเงียบไปเหมือนกำลังใช้ความคิด
"เนยไม่ได้อยากรบกวนพี่นธีนะคะ พี่ไม่ต้องคิดมากแค่ถามดูเผื่อว่าพี่จะพอรู้ที่เขาเปิดรับพนักงานพาร์ทไทม์น่ะ" ฉันรีบอธิบายเพราะไม่อยากให้เขาลำบากใจและรำคาญ "เนยขอร้องอย่าบอกญานินได้มั้ย กลัวยัยนั่นคิดมาก"
"…" ฉันน่าจะเริ่มเป็นตัวน่ารำคาญกับเขาแล้วล่ะ "ทำกับข้าวให้ฉันทุกวันแล้วจะให้ค่าตอบแทน"
"หา! แค่ทำกับข้าวเนยเต็มใจทำให้ฟรีๆค่ะ ไม่ต้องให้เงินหรอก" ฉันรีบบอกปัดเพราะการทำกับข้าวให้เขาทานมันเหมือนเป็นขอบคุณกับสิ่งที่เขาทำดีกับฉัน ถ้ารับเงินเขามาฉันคงเห็นแก่ตัวเกินไป
"สรุปอยากได้เงินหรือไม่อยาก" คิ้วเข้มเริ่มขยับเข้าหากันอีกครั้งและเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเหล็กเปิดออกพอดี
"ก็อยากได้แต่ว่า…"
"เรื่องมาก"
"ก็ได้ค่ะ เนยจะขุนพี่ให้อ้วนไปกับปุยนุ่นเลย" ฉันอมยิ้มแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์กับเขาจนกระทั่งลงมาถึงฉันใต้ดินที่เป็นลานจอดรถ
"พี่นธี!" เสียงสดใสของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ฉันต้องหันไปมองทั้งที่ตัวเองไม่ได้ชื่อ 'นธี' อย่างที่เธอคนนั้นเรียก ขณะที่เจ้าของชื่อแค่หยุดเดินแล้วหันไปมองแค่หางตาเท่านั้นก่อนจะเดินต่อเป้าหมายคือรถตัวเองที่อยู่เกือบด้านในสุด
หรือว่านั่นจะเป็นผู้หญิงที่เขาเลี้ยงไว้เพราะหน้าก็น่ารักมากๆ
"เขาเรียกพี่ค่ะ" ฉันรีบเดินตามแล้วบอกเขาแต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจ จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นวิ่งมาจนถึงเราทั้งคู่
เธอเป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนกับฉันแต่เรียนคณะเดียวกับเขาเพราะชุดนักศึกษาที่แปลกกว่าคณะอื่นทำให้รู้ได้ทันที
"พี่นธีอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ แพรวาก็เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน"
"อืม" เขาหยุดเดินแล้วค่อยๆหันมามองเพื่อนรุ่นเดียวกับฉันคนนั้นที่ยืนยิ้มกว้างส่งมาให้…เขาคนเดียว แต่ดูเหมือนเธอคนนี้จะเขียนคิ้วแต่งหน้าแบบอ่อนๆมาไม่เหมาะกับลุคปีหนึ่งเลยเท่าที่ฉันเคยเห็นผู้หญิงคณะนี้ปีหนึ่งแทบไม่มีใครได้แต่งหน้าเลย
ของใช้ต่างๆที่อยู่กับตัวก็ราคาหลักหมื่นขึ้นทั้งนั้น ส่วนฉัน นาฬิกาเรือนละร้อยกว่าบาทตลาดหน้ามหาวิทยาลัย โทรศัพท์เครื่องละห้าพันใช้ตั้งแต่มัธยม รองเท้าผ้าใบคู่ละสามร้อยกว่าบาท แต่มองเผินๆมันก็ไม่ได้ต่างกันหรอกน่า ถ้าเราไม่ยึดติด
"พี่พักอยู่ห้องอะไรเหรอคะ"
"…ถามทำไม" สีหน้าของเขาบอกอาการไม่ชอบใจนักแต่นั่นกลับทำให้มีเสน่ห์ในสายตาของผู้หญิงไม่น้อย เจ้าชายเย็นชาชัดๆ
"เผื่อแพรวามีงานที่ไม่เข้าใจจะเอาไปถามพี่"
"ถามในคณะก็ได้" เขาบอกแค่นั้นแล้วหมุนตัวกลับขณะที่ฉันพยายามยืนตัวลีบให้ได้มากที่สุดเพราะตอนนี้ยัยนั่นก็แทบจะไม่ได้สนใจฉันแล้ว "ฉันไม่ชอบให้ใครมาหาถ้าไม่จำเป็น"
"ค่ะ แล้วนี่…" แพรว่าเอียงหน้ามามองฉันที่หลบอยู่ด้านหลังพี่นธี "คงไม่ใช่แฟนเพราะหลายคนบอกว่าพี่ไม่มี…แฟน"
"ไม่ใช่ค่ะ" ฉันตอบให้ก็ได้เธอจะได้เลิกทำตาขวางแบบนั้นซักที ฉันเป็นห่วงจะปวดตาเอา รอพี่นธีตอบคงอีกนานเขาพูดอ้อมดาวอังคารนุ่นแหละ
"ฉันไปได้ยัง" คำถามที่เหมือนกำลังขออนุญาตแต่กลับทำให้อีกคนหน้าเสียทันที
"ค่ะ ไว้เจอกันนะคะ" เธอยิ้มอีกครั้งแล้วปรายตามามองฉัน ดูก็รู้ว่าชอบพี่เขาอยู่และน่าจะอยากเขี่ยฉันออกไปห่างๆด้วย
ยากหน่อยแพรวาเพราะฉันรับหน้าที่เป็นแม่บ้านจำเป็นไปแล้วนอกจากเธอจะมาเป็นแทนฉัน
นี่ฉันควรดีใจใช่มั้ยนะ
