บท
ตั้งค่า

ซ่อนรัก EP.7 น้องปุยนุ่น

วันต่อมา

พอรู้ว่าพี่นธีมีเรียนเช้าฉันจึงตื่นขึ้นมาแล้วอุ่นกับข้าวและทำอาหารง่ายๆอีกอย่างนั่นคือไข่กระทะเพื่อเอาไปให้เขาทานแต่เช้า

"..." เขาเปิดประตูห้องเมื่อถูกรบกวนโดยฉันเอง 

ตอนนี้พี่นธีเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเป็นเสื้อช็อปวิศวะสีกรมท่ากับกางเกงยีน กลิ่นกายหอมๆที่ไม่ได้มาจากน้ำหอมแต่น่าจะเป็นกลิ่นครีมอาบน้ำทำให้เขามีเสน่ห์จนสาวๆกรี๊ดสลบได้แน่นอน

"กินข้าวเช้าค่ะ" ฉันส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพราะเจ้าของห้องหันหลังให้แบบเดิมเป็นการอนุญาตตามแบบฉบับของพี่นธี 

ฉันเดินไปเอากับข้าวในห้องมาอีกจากนั้นก็ล็อกห้องตัวเองแล้วมากินข้าวห้องของเขา อย่างกับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน

แต่เสียดายที่สีหน้าเขาไม่ยินดียินร้ายซักเท่าไหร่

เหมี้ยววว

"หืม ยังไม่ได้ทานอะไรเหรอน้องเหมียว" ฉันนั่งลงไปคุยกับมัน ตอนนี้กำลังเอาแก้มของมันมาถูไถอ้อนฉันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู "พี่นธีไม่เอาข้าวให้หนูทานเหรอคะ ยังผอมอยู่เลย"

"คงจะตอบ" พี่นธีพูดเสียงเรียบพร้อมกับปรายตามองฉันแล้วเดินไปนั่งสวมถุงเท้าที่โซฟา "มันไม่ยอมกินเอง"

ฉันฟังสิ่งที่เขาพูดแล้วเดินไปดูอาหารที่เขาเอาให้ในชามอาหารสีชมพูหวานแหววแล้วยิ้มออกมา เขาคงไม่ได้เลือกมันเองหรอกนะ

"นี่มันอาหารแมวโตนี่คะ น้องยังเล็กจะกินได้ยังไง" ฉันหันไปบอกพี่นธี

"จะไปรู้ได้ไง" คนร่างสูงพูดจบก็เดินมาดูฉันที่อุ้มน้องแมวอยู่ "มาเลี้ยงเองเถอะ"

"เนยมาเลี้ยงอยู่แล้ว พี่ห้ามบ่นเบื่อขี้หน้าเนยแล้วกัน" ฉันพูดพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะวางเจ้าแมวเหมียวลงและเดินไปล้างมือ "เนยจะขุนให้มันอ้วนเหมือนหมี"

"..." พี่นธีนิ่งมองฉันที่ทำท่าทางไร้สาระอยู่แล้วหันหลังไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวเหมือนจะเมินใส่ 

"พี่ตั้งชื่อให้มันหรือยัง" ฉันหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามแล้วจัดแจงถ้วยชามให้เขา

"ไม่" 

"มันเป็นผู้หญิง ชื่ออะไรดีน้า~"

"นิเนย" พี่นธีพูดแล้วตักข้าวทานคำโต

"จะเอาชื่อคนไปตั้งชื่อแมวได้ไง ถ้าพี่เรียกแมวแล้วเนยหันไปล่ะ" ฉันแกล้งทำหน้ามุ่ยใส่เขาแล้วตักข้าวใส่ปากตัวเอง

"..." พี่นธีเผลอยิ้มออกมาหลังจากฉันพูดจบแต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้นเหมือนกำลังนั่งดูดาวตก ที่อยู่ๆมันก็หายไปในพริบตาแล้วเขาก็ตีหน้ามึนต่อ 

"ชื่อนธีดีมั้ย นธี~" ฉันหันไปหาน้องแมวแล้วมันก็ตอบกลับมาด้วยเสียงร้องอย่างพอใจ "มันชอบชื่อนี้นะคะ"

"..." เจ้าของชื่อนั้นเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยสายตาอัมหิตจนต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที "กวนประสาท"

ทีตัวเองยังจะตั้งชื่อว่านิเนยเลย...

"ชื่ออะไรดีน้า" ฉันทำท่าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกมา "ชื่อปุยนุ่นมั้ยเพราะมันเป็นสีขาวค่ะ"

"ตามใจเธอ" เขาบอกเสียงเรียบแล้วกินข้าวต่อ นอกจากข้าวกับการนอนแล้วยังมีอะไรที่เขาสนใจเป็นพิเศษอีกมั้ยนะ

ดูเฉยชากับทุกเรื่องจริงๆ

"น้องปุยนุ่น~" 

เหมี้ยววว~

@มหาวิทยาลัย

"แกทำภารกิจเสร็จยัง" เสียงของใบเฟิร์นเอ่ยถามตอนที่เรากำลังแวะซื้อน้ำที่คาเฟ่เล็กๆใต้ตึกเรียน 

"เรียบร้อย" 

"แกโชคดีจังวะไม่โดนรุ่นพี่แกล้ง" ใบเฟิร์นบ่นอุบอิบแล้วกดแชร์คลิปวีดีโอของตัวเองต่อ 

"ใบเฟิร์น แกมีงานอะไรแนะนำฉันอีกมั้ย" ฉันหันซ้ายแลขวาก่อนจะถามใบเฟิร์นเหมือนกระซิบ

"ทำไม ร้านที่แกทำล่ะ"

"ไม่ทำแล้ว เมื่อคืนหนีกลับมาด้วย" ฉันถอนหายใจออกมายาวๆ อีกสองเดือนก็ต้องลงทะเบียนเรียนอีกแล้วถ้าเอาเงินเก็บไปจ่ายมันก็เหลือน้อยลงทุกที

"ทำไม มันก็ดีไม่ใช่เหรอ"

"เจอแขกนิสัยไม่ดีน่ะ ฉันไม่ชอบ" คิดถึงตอนนั้นแล้วก็ขยะแขยง ฉันเกลียดการถูกคนไม่รู้จักแตะต้องร่างกายที่สุดเลย 

เหมือนมันเป็นปมในใจอย่างนั้นแหละ 

"เดี๋ยวฉันลองหาดูนะ แต่ขอถามหน่อยเถอะทำไมแกต้องร้อนเงินขนาดนั้น พ่อแม่แกไม่ให้เหรอ" คำถามของใบเฟิร์นทำให้ฉันรู้สึกจุกอกแต่ก็ฝืนยิ้มออกมา "แม่ฉันเสียแล้ว พ่อ...ตกงาน"

"อ่อ ฉันขอโทษนะถ้าทำให้แกรู้สึกไม่ดี นิเนย...ขอโทษฉันไม่รู้"ใบเฟิร์นพูดแล้วบีบไหล่ฉันเหมือนให้กำลังใจและรู้สึกผิดกับคำถามของตัวเอง

"ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้ว่าแกเลย" ฉันส่งยิ้มให้ใบเฟิร์นเพราะไม่อยากให้เพื่อนคิดมาก

"แล้วทำไมแกไม่ให้บอกยัยนิน แกคบกับมันมานานไม่ใช่เหรอ" ยัยนั่นขมวดคิ้วถาม

"เพราะคบกันมานานไงถึงต้องไม่ให้รู้ ยิ่งนานก็ยิ่งต้องเกรงใจ ญานินดีมากเกินไป ถ้ารู้ยัยนั่นต้องช่วยฉันจนตัวเองลำบากอีกคนแน่" ฉันบอกแล้วหลุบตามองต่ำ อีกอย่างฉันไม่อยากให้คนใกล้ตัวอย่างญานินมารับรู้เรื่องทุเรศๆของครอบครัวฉันด้วย

ญานินรู้จักและเคยสนิทกับครอบครัวฉันแต่นั่นแค่ตอนที่แม่อยู่ มันรักและเคารพพ่อแม่ฉันมาก ถ้ารู้ว่าครอบครัวของฉันที่เคยอบอุ่นกลายเป็นแบบนี้ ไม่รู้นินจะรู้สึกยังไง

อีกอย่างช่วงนี้มันยุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องแฟนเก่าและเรื่องรับน้องด้วย ถ้ารับเรื่องของฉันไปอีกคงไม่ดี

"อืม ถ้ามีอะไรบอกฉันนะ ฉันจะช่วยแกเต็มที่"

"อื้ม ขอบคุณ"

"ทำไมช่วงนี้มาสายตลอดเลยยะหล่อน" ใบเฟิร์นหันไปแซวญานินที่เพิ่งจะเข้ามาในห้องเรียน อีกนิดเดียวก็จะเข้าสายกว่าอาจารย์แล้ว

"ก็ปกตินี่" 

ญานินเป็นคนขี้เซาพอๆกับพี่นธีนั่นแหละ พี่น้องกันก็ต้องมีเหมือนกันบ้าง แต่เรื่องหนึ่งที่ไม่เหมือนคือความมีอัธยาศัย ยัยนี่พูดมากและเป็นมิตรกว่าพี่นธีเยอะ

แต่พื้นฐานชีวิตดี พ่อแม่สั่งสอนมาดีทั้งคู่จึงมีนิสัยและการเรียนดีไม่มีขาดตกบกพร่องเลย ตั้งแต่คบกับญานินมาเรายังไม่เคยทะเลาะหรือมีปัญหากันเลยซักครั้ง 

"ฉันว่าไม่ปกติ วันนั้นหลังจากแกไปกับพี่ทศกัณฐ์ก็ไม่ปกติอีกเลย" ใบเฟิร์นยังคงจับผิดเพื่อนต่อ

"พูดอะไของแกเนี่ย คิดมากไปแล้ว"

"เลิกแซวมันเถอะหน้าแดงไปถึงหูแล้ว" ฉันส่ายหน้าเบาๆแล้วจึงหันไปมองอาจารย์ที่กำลังจะเข้าสอน บทสนทนาของพวกเราก็หยุดลงแค่นั้นจนกระทั่งเลิกเรียน

"พรุ่งนี้ตรวจกิจกรรมแล้วนะ ญานินของแกเรียบร้อยมั้ย" ใบเฟิร์นถามเพื่อน

"แน่นอน"

"เบื่อการรับน้องที่สุดเลย กะอีแค่หัวเข็มขัดกับติ้งฉันจ่ายเงินซื้อก็ได้มั้ย" ยัยนั่นยังคงบ่นไม่หยุด

"ซื้อแล้วมันไม่ภูมิใจไง" ฉันหัวเราะเบาๆแล้วพูดออกมา 

"เบื่อจริงๆ" 

หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จฉันก็ปลีกตัวออกมาจากเพื่อน บอกว่ามีธุระต้องไปทำแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นธุระกับพี่นธี

จะว่าไปแล้วฉันไม่มีเบอร์โทรหรือช่องทางติดต่อกับเขาเลย นอกจากการเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คที่พี่เขาแทบจะไม่อัพเดทอะไร จึงไม่รู้ว่าจะเล่นมันอยู่หรือเปล่า

ออนไลน์เมื่อ...สองวันที่แล้ว

เลยทำได้แค่นั่งรออยู่ที่ห้องรับรองแขกล่างคอนโดเพื่อรอให้เขามาเพราะตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาบ่ายโมงที่เรานัดกันไว้แล้ว

"นิเนย" เสียงใสๆที่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ฉันรีบหันไปมองทันที "แกมาทำอะไรที่นี่"

"ฉัน..." ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด ร่างสูงของใครอีกคนก็ก้าวเขามาพร้อมกับสีหน้านิ่งเรียบญานินจึงหันไปสนใจเขาแทน

"พี่นธี! ลงมาพอดีเลยดีแล้วนินจะได้ไม่ต้องเหนื่อย นินได้รับมอบหมายจากคุณแม่ให้มาตรวจสอบ"

"อะไร"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel