บทย่อ
เพียงเพราะคำว่าบุญคุณ ทำให้เธอต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนผู้เป็นป้า จนกระทั่งวันหนึ่งเธอไปพลาดท่าเสียทีให้กับชายคนหนึ่งเข้าจนคนเขานินทาไปทั่ว เธอจึงยอมเสียสละด้วยการยอมแต่งงานกับชายแปลกหน้าที่เธอไม่เคยรู้จักเป็นการรักษาหน้าตาของผู้เป็นป้าเอาไว้ แต่แล้วสวรรค์ก็เล่นตลกกับเธอซะจริงๆ ที่ทำให้เธอกลับมาเจอเขาอีกครั้งในฐานะแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง แล้วเธอจะทำอย่างไร เมื่อเขาไม่ยอมอยู่เพียงแค่สถานะลูกเลี้ยงเท่านั้น “คิดจะเอาทั้งพ่อทั้งลูก มันไม่มักมากไปหน่อยเหรอลลิสา เธอต้องการเท่าไหร่ฉันจะจ่ายให้เอง แลกกับการที่เธอไม่แต่งงานกับพ่อของฉัน” “ถ้าคุณเสนอให้ฉันเร็วกว่านี้ ฉันอาจจะรับไว้ก็ได้ แต่ตอนนี้มันสายไปแล้วค่ะ ฉันจดทะเบียนสมรสกับคุณลุงแบบถูกต้องตามกฏหมายเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ฉันคือแม่เลี้ยงของคุณ คุณชาลิต” “เธอไม่ใช่แม่เลี้ยงฉันลลิสา ในเมื่อห้ามแล้วไม่ฟัง ก็พากันลงนรกไปพร้อมกันนี่แหละ” ใหญ่ ชาลิต คุณากรดำรง อายุ 34 ปี นายหัวหนุ่มสุดโหดแห่งเกาะรายา ทายาทนักธุรกิจพันล้านที่ผันตัวเองมาอยู่เกาะ เพื่อหนีความวุ่นวาย แต่แล้วพ่อของเขาก็นำความวุ่นวายมาให้พร้อมพาว่าที่แม่เลี้ยงมาให้เขารู้จัก แต่พอเขาได้เห็นหน้าว่าที่เมียของพ่อเท่านั้นแหละ เขาก็จำเธอได้แม่น และเขาจะไม่ยอมให้ผู้หญิงที่เคยนอนกับเขามาเป็นแม่เลี้ยงเด็ดขาด! น้ำผึ้ง ลลิสา วรวัตรสกุล อายุ 28 ปี สาวออฟฟิศมากความสามารถ ต้องมารับกรรมแต่งงานแทนลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง จึงถูกผู้เป็นป้าใส่ตระกร้าล้างน้ำให้กับเศรษฐีแก่อายุคราวพ่อ แถมลูกชายของเขาก็ดันเป็นไอ้หื่นกามที่พรากพรหมจรรย์ของเธอไปอีก แล้วแบบนี้เธอจะเป็นแม่เลี้ยงของเขาได้ยังไงกัน...
1. เกาะรายา
ณ เกาะรายา
ร่างสูงใหญ่ผิวสีแทนคมเข้มแบบฉบับหนุ่มไทยของนายหัวชาลิต คุณากรดำรง กำลังถอดเสื้อยืนคุมงานก่อสร้างให้กับชาวบ้านบนเกาะอยู่ริมทะเล เพราะตอนนี้เขากำลังจะพัฒนาเกาะเขาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว หลังจากที่ปิดเป็นเกาะส่วนตัวมานานนับหกปี เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติที่นี่ให้กลับคืนมาสวยงามดังเดิม
“นายหัวจ๋า น้ำเย็นๆจ้ะ ดื่มให้ชื่นใจเลยนะจ้ะ ชบาตั้งใจเอามาให้นายหัวเลยจ้ะ” ชบาสาวชาวเกาะที่คอยรับใช้บ้านของชาลิตพูดออกมา พร้อมกับยื่นขวดน้ำเย็นๆให้กับนายหัวสุดหล่อของเธอไป
“ขอบใจชบา ฉันกำลังหิวน้ำพอดี” ชาลิตรับไปแล้วดื่มแบบหิวกระหาย ก่อนจะเอาน้ำเย็นๆมาชโลมที่หน้าของตัวเอง แล้วรินรดลงไปที่หัวต่อให้มันช่วยคลายร้อนให้กับเขา จนชบาที่มองอยู่ถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างชอบใจ
“หืม แม้เจ้าโว๊ย นายหัวจ๋า หุ่นดีอะไรอย่างนี้เนี่ย ตกถึงปากอีชบาเมื่อไหร่จะกินไม่ให้เหลือซากเลย” ชบาคิดในใจไปก็มองกล้ามหน้าท้องของนายหัวอย่างไม่ละสายตา จนไข่นุ้ยที่มองอยู่ถึงกับท้วงชบาอย่างอดไม่ได้
“นังชบา แกจะมองให้ทะลุนายหัวเลยหรือไงวะ เอาน้ำมาให้เสร็จแล้วก็ไปสิวะหรืออยากให้ข้าฟ้องพ่อเอง” ไข่นุ้ยพูดต่อว่าชบาออกไปแบบอดไมได้ เพราะเขาก็แอบชอบชบาอยู่นั่นเอง
“เออ ไปแล้วไงวะ ไปนะจ้ะนายหัว อยากได้อะไรก็เรียกชบาได้ตลอดเลยนะจ้ะ” ชบาพูดใส่ไข่นุ้ยเสียงดัง แต่หันไปบอกกับนายหัวด้วยเสียงอ่อนไป
“อืม” ชาลิตก็พยักหน้าตอบไป เพราะเขาไม่ได้สนใจผู้หญิงมานานแล้ว นับตั้งแต่ที่เขาโง่ปล่อยให้คนที่เขารักที่สุดหลุดมือไปแต่งงานกับคนอื่น ถึงมันจะนามาแล้วถึงหกปีแต่เขาก็ยังไม่เคยลืมเธอได้เลย เพราะเธอยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตของเขาในฐานะน้องสะใภ้ที่เขาอยากจะยอมรับได้
“นายหัวครับ คุณหนูเล็กโทรมาหาครับ บอกว่ามีเรื่องด่วนครับ” มิ่งพ่อของชบาวิ่งเขามาพร้อมกับโทรศัพท์ แล้วรีบส่งให้กับนายหัวของตัวเองไปทันที
“ว่าไงยัยเล็ก มีอะไรรึเปล่า” ชาลิตถามไปแล้วก็รอฟังน้องสาวพูด เพราะปกติปณิตาไม่ค่อยจะโทรมาหาเขาเท่าไหร่ นอกจากจะมีเรื่องอะไรสำคัญๆเท่านั้น
“พี่ใหญ่คะ คุณพ่อค่ะ คุณพ่อป่วยหนักมาก พี่ใหญ่ขึ้นมาดูคุณพ่อหน่อยนะคะ ท่านจะไม่ไหวแล้ว” เล็ก ปณิตา น้องสาวคนเล็กของบ้านพูดบอกพี่ชายคนโตของเธอไปด้วยเสียงสั่น เมื่อพี่ชายพูดตอบเธอมาแล้ว
“อะไรนะ ใจเย็นๆนะเล็ก เดี๋ยวพี่จะรีบกลับกรุงเทพตอนนี้เลย เราดูแลพ่อไปก่อนนะ พี่จะรีบไป” ชาลิตพูดบอกน้องสาวคนเดียวของเขาไอย่างรนๆที่ได้รู้ข่าวว่าพ่อของเขาป่วยหนัก จนเขาต้องรีบกลับไปกรุงเทพด่วน
“ค่ะพี่ใหญ่ รีบมานะคะ คุณพ่อท่านรอพี่อยู่ เดินทางปลอดภัยนะคะพี่ใหญ่” ปณิตาบอกไปแล้วก็รอคำตอบจากพี่ชาย
“โอเค แค่นี้นะเล็ก พี่จะไปแล้ว” ชาลิตกดวางสายไปทันที ก่อนจะหันไปบอกมิ่งและไข่นุ้ยทันที
“ลุงมิ่งผมฝากดูแลเกาะกับเรื่องก่อสร้างพวกนี้ด้วยนะ ผมต้องขึ้นกรุงเทพน่ะ ส่วนขานุ้ยนายไปเตรียมเรือรอฉัน อีกสิบห้านาทีฉันจะไปหาที่ท่าเรือ” ชาลิตพูดจบก็รีบเดินกลับไปที่บ้านพักของเขาที่อยู่ไม่ไกลจากชายหาดเท่าไหร่ แล้วรีบอาบน้ำแบบเร่งรีบก่อนจะเปลี่ยนชุดแล้วรีบออกมาขึ้นเรือในเวลาต่อมา
ด้านปณิตาที่โกหกพี่ชายสำเร็จก็ถอนหายใจแรงๆออกไปอย่างอดไม่ได้ แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นพ่อของตัวเอง ที่บังคับให้เธอต้องโกหกแบบนี้เพื่อล่อให้พี่ชายของเธอออกจากเกาะแล้วกลับมากรุงเทพ
“เราโกหกพี่ใหญ่แบบนี้มันจะดีเหรอคะคุณพ่อ ถ้าพี่ใหญ่รู้ว่าคุณพ่อไม่ได้เป็นอะไร ต้องโกรธเล็กมากแน่ๆค่ะ” ปณิตาพูดไปอย่างกังวลใจที่โกหกพี่ชายตัวเอง
“มันโกรธเราได้นานที่ไหนกันล่ะ เราไม่ได้เห็นหน้าเจ้าใหญ่กันมาครึ่งปีแล้วนะยัยเล็ก ถ้าเราไม่โกหกมันจะยอมกลับมาบ้านไหมล่ะ ไม่รู้เกาะนั้นมีอะไรดีมันถึงไปจมปักอยู่ที่นั่น แทนที่มันจะมาดูแลธุรกิจของพ่อ ดูสิ เราเลยต้องรับภาระหนักไปกับเจ้ารองกันสองคน” อนุวัตรพูดบอกลูกสาวไป แล้วเอ่ยถึงรอง นั่นก็คือหลานชายของเขาที่ตอนนี้กำลังช่วยเขาดูแลกิจการอยู่
“คุณพ่ออยากรู้ก็ลองถามพี่ใหญ่เย็นนี้ก็แล้วกันค่ะ เล็กช่วยคุณพ่อแล้ว งั้นเล็กขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ปณิตาพูดไปก็รีบหาข้ออ้างหนีจากการฟังพ่อของเธอบ่นเรื่องพี่ชายทันที
“เฮ้อ ยัยลูกคนนี้จะนิสัยแบบพี่มันไปทุกวันแล้วเนี่ย” อนุวัตรพูดบ่นไปก็มองตามลูกสาวที่เดินหนีออกไป ทั้งที่เขายังพูดเรื่องของชาลิตยังไม่ทันจบ
“คุณพี่ก็ไม่น่าให้หลานไปโกหกตาใหญ่แบบนั้นนะคะ บอกตาใหญ่ให้กลับบ้านดีๆก็ได้นิคะ” พิชามล น้องภรรยาของอนุวัตรเอ่ยพูดบอกพี่เขยของตัวเองไปอย่างอดไม่ได้ เพราะเธอเองก็เลี้ยงทั้งชาลิตและปณิตามาตั้งแต่เด็ก เธอรู้ดีว่าทั้งสองนั้นมีนิสัยอย่างไร
“พี่บอกมันกลับมามาตลอดหกเดือนแล้วนะมล แต่เราดูสิ มันโผล่หน้ามาให้พี่เห็นไหมล่ะ บอกให้มาประชุมก็ไม่มา บอกให้กลับบ้านก็ไม่กลับ มันไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง ทุกวันนี้พี่ไม่รู้มันยังคิดว่าพี่เป็นพ่อมันอยู่หรือเปล่า” อนุวัตรบ่นไปแบบน้อยใจลูกชายคนโตอย่างสุด จนพิชามลยิ้มออกมาที่เห็นอาการพ่อแอบน้อยใจลูก
“คุณพี่ก็อย่าคิดมากเลยค่ะ เราก็รู้ๆกันอยู่นิคะว่าทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะตากลาง ตาใหญ่อาจอยู่ที่นี่แล้วช่วยคุณพี่ทำงานก็ได้ค่ะ” พิชามลพูดออกมาแบบรู้สึกผิดที่ลูกชายของเธอไปแต่งงานกับคนรักเก่าของชาลิต โดยที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน พอมารู้ชาลิตก็รับไม่ได้แล้วหนีไปอยู่บนเกาะไปแล้ว
“อย่าพูดเรื่องเก่าๆเลยน่า ยังไงเราก็ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว หนูโยแต่งงานกับตารองมีลูกมีเต้าไปแล้วมันยังคิดไม่ได้พี่ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว” อนุวัตรพูดไปอย่างปลอบใจน้องเมียของตัวเองไปอย่างเข้าใจ
“ค่ะคุณพี่ แล้วนี่คุณพี่จะออกไปไหนคะ ไม่รอตาใหญ่กลับมาเหรอคะ” พิชามลถามออกไปแบบสงสัย เมื่อเธอพึ่งสังเกตเห็นการแต่งตัวของอนุวัตร
“อ่อ พอดีพี่มีนัดน่ะ ไปแค่แปปเดียวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับมารอต้อนรับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพี่แล้วล่ะ” อนุวัตรพูดออกไปแล้วยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์
“งั้นน้องก็จะกลับแล้วเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวจะไปดูหลานต่อ แล้วเย็นๆค่อยมาหาตาใหญ่อีกที” พิชามลพูดบอกไป เพราะบ้านของเธอกับบ้านของอนุวัตรนั้นอยู่ในรั้วเดียวกัน แต่ก็ห่างกันพอสมควรที่จะใช้ชีวิตบ้านใครบ้านมัน
“อืม งั้นเจอกันตอนเย็นละกันนะ พี่ไปล่ะ” อนุวัตรพูดบอกไปก็เดินออกไปแบบชิวๆ จนพิชามลมองตามอย่างหนักใจกับพี่เขยตัวดีของเธอ เพราะตั้งแต่พี่สาวเธอตายไปเมื่อสิบห้าปีก่อน พี่เขยของเธอก็ออกลายเจ้าชู้ไปทั่วตามประสาพ่อหม้ายสายเปย์

