บทที่ 1
15 ปีต่อมา
ไร่ปานสิงค์ กำลังวุ่นวายกับงานครบรอบ ‘วันตาย’ ของอดีตเจ้าของไร่ทั้งสองคนที่มาด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุทำให้ภูมินทร์ลูกชายจำต้องขึ้นมาเป็นเจ้าของคนใหม่สืบต่อผู้เป็นพ่อ เขาต้องเรียนรู้ทุกๆ สิ่งในวัยเพียงแปดขวบเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ใครต่อใครต่างพากันตกใจก็คือเขากลับทำมันได้ดีจนทำให้ไร่สามารถเจริญเติบโตมาได้ถึงทุกวันนี้ อีกทั้งความสามารถในการปกครองคนชายหนุ่มก็ทำมันได้ดีจนกลายเป็นที่ยอมรับของคนงานชายหญิงที่ต่างพากันยกย่องในความเที่ยงธรรมของเขาที่ต่างมอบให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
“พระมาแล้วค่ะคุณภูมิ จะให้ป้าไปตามคุณพรีมเลยไหมคะ” นางชื่น แม่บ้านวัยชราถามก่อนจะมองไปยังห้องนอนของคุณหนูคนเล็กของไร่ ที่จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมออกมาจากห้องนอนของตัวเอง
“ไม่ต้องหรอกครับป้าชื่น เดี๋ยวผมไปตามเอง” ภูมินทร์ว่าตอบก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากบ้านไปเพราะเขารู้ดีว่าในวันนี้ของทุกปี ราชาวดี น้องสาวตัวแสบของตัวเองมักจะหายไปอยู่ที่ๆ หนึ่งอยู่เสมอ
ใช้เวลาไม่นานเขามาก็ถึงเนินเขาที่อยู่ท้ายไร่ ซึ่งตอนนี้มีร่างบอบบางของหญิงสาววัยยี่สิบสี่กำลังนั่งอยู่หน้าหลุมศพของพ่อกับแม่ตามลำพัง เสียงเหยียบใบไม้จากด้านหลังทำให้เธอต้องหันมามอง
“พี่ภูมิ” ราชาวดีเอ่ยเรียกพี่ชายทั้งน้ำตาก่อนจะโผเข้ากอดอีกฝ่ายเมื่อภูมินทร์เดินเข้ามาหา ไม่มีเลยสักปีที่ทั้งสองจะทำใจกับเหตุการณ์ในวันนั้นได้ เธอจำได้ว่าหลังจากที่ได้เช้ามาอยู่ในไร่แค่หนึ่งวันพ่อและแม่บุญธรรมก็มาด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนตร์ หญิงสาวโทษว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะเธอที่เป็นตัวซวยของครอบครัว
“อย่าร้องสิพรีม คุณพ่อกับคุณแม่จะว่าเอาได้ว่าพี่ดูแลเราไม่ดี วันนี้เป็นวันสำคัญของพวกท่าน พี่ว่าท่านคงอยากเห็นพรีมยิ้มมากกว่า พี่เองก็อยากเห็นพรีมยิ้มด้วยเหมือนกัน” หญิงสาวรับคำด้วยรอยยิ้มแสนหวาน ก่อนจะหันไปมองหลุมศพผู้มีพระคุณอีกครั้ง
“คุณพ่อคุณแม่คะ พรีมให้สัญญาว่าพรีมจะยิ้ม ไม่ต้องห่วงพรีมนะคะ พี่ภูมิดูแลพรีมดีมากค่ะ พรีมเองก็จะดูแลพี่ภูมิให้ดีเหมือนกัน” ภูมินทร์ยิ้มรับก่อนจะจูงมือน้องสาวกลับมายังบ้านหลังใหญ่พร้อมกับตัวเองอีกครั้ง ทั้งสองช่วยกันทำให้งานทำบุญครบรอบวันตายของพ่อและแม่ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างไร้ที่ติ หากแต่ยังมีอีกเรื่องที่ภูมินทร์จำต้องบอกน้องสาวหลังงานจบ บางเรื่องที่เขาคิดว่าเธอคงไม่พอใจแน่ หากรู้ว่าเขาเฝ้าเพียรพยายามปิดมันมาแรมเดือน
“พี่มีใครบางคนอยากแนะนำให้พรีมรู้จัก” ราชาวดีแทบจะหยุดยิ้มลงไปในทันทีเมื่อได้ยินบางประโยคของพี่ชายเข้า หากแต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรไปภูมินทร์ก็เป็นฝ่ายเดินออกจากบ้านก่อนที่จะเดินกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอนั้นไม่รู้จักมาก่อน
“นี่พรีมครับริสาน้องสาวของผมที่เคยเล่าให้ฟัง พรีม…นี่คือริสา ริสาเขาเป็นคนรักของพี่เอง” ภูมินทร์เอ่ยออกไปตามความจริง ไม่ช้าก็เร็วราชาวดีก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดีจึงป่วยการจะปิดบังเธอได้อีกต่อไป
“คนรักเหรอคะ!” ราชาวดีทวนคำบอกเล่าอย่างไม่อยากจะเชื่อหูสักเท่าไหร่ เธอจ้องมองภูมินทร์เพื่อขอคำอธิบายมากกว่าการเงียบ เพราะการเงียบของเขามันจะยิ่งทำให้เธอรู้สึกเป็นคนไม่สำคัญ
“ครับ คนรัก! พี่กับริสาเราคบกันได้สักพักแล้ว ทำตัวน่ารักๆ กับพี่เขาหน่อยนะ” ภูมินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเอาการพร้อมขยี้ผมน้องสาวเล่น ต่างจากคนถูกกระทำที่ได้แต่จ้องมองพี่ชายสลับกับผู้หญิงตรงหน้าที่เขาบอกว่าคือคนรักด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจ ไม่นานอีกฝ่ายก็ส่งยิ้มมาให้ก่อนจะเริ่มต้นเอ่ยแนะนำตัวเอง
“น้องพรีมใช่ไหมคะ พี่ชื่อริสาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ราชาวดียังคงวางตัวด้วยท่าทีเช่นเดิม สายตาเบนหนีไปหาพี่ชายต่างสายเลือดชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจหันกลับมาตอบโต้คนตรงหน้าที่เธอนั้นไม่อยากรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรืออีกสิบปีข้างหน้าก็ไม่อยากรู้จัก!
“ฉันมีพี่แค่คนเดียวค่ะ! ส่วนคนอื่นไม่ใช่!!” ราชาวดีตวาดเสียงแข็ง รู้สึกเกลียดชังคนรักของภูมินทร์อย่างหาเหตุผลไม่ได้ แต่แค่เพียงชั่วหนึ่งเท่านั้นที่หันไปสบตากัน เธอกลับเห็นแววตาเย้ยหยั่นจากอีกฝ่ายซึ่งมันก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น ก่อนจะเปลี่ยนมาอ่อนโยนดั่งเดิม
