บทที่ 9 ผู้ชายล้างผลาญ
ยายแก่ซูตกใจจนมองมาทางนี้ จากนั้นก็นั่งโวยวายอยู่บนพื้น
"หลานไม่กตัญญูเลย หลานสาวแท้ๆและหลานเขยจะขู่จนย่าตายแล้ว อยู่ไม่ได้แล้วเนี่ย"
ตาเฒ่าซูก็มองไปที่ซูต้าญา ทำหน้าบึ้งตึงแล้วตวาดใส่"ไอ้เลว ซูต้าญา นั่นเป็นลุงรองแท้ๆของเจ้า"
คำพูดของตาเฒ่าซูทำให้ซูหงซานทำตาขาว จนคำพูดยิ่งนัก นางไม่ใช่คนทำสักหน่อย ว่านางทำไม?
ถ้ามีความสามารถจริงก็ไปตวาดใส่หานต้าจ้วงสิ
แต่ขาใหญ่ดุร้ายคนนี้มีความสามารถจริง
ลักษณะที่ดุร้ายนี้ทำให้คนในตระกูลซูกลัวมาก ขาใหญ่ที่อาฆาตมาดร้ายนี้ใช้ในการขับไล่ผีสิงในบ้านได้ดีแน่นอน
ซูหงซานตาสว่างและมองไปที่ซูต้าจ้วง
อาจจะเป็นเพราะว่าสายตาของนางเฉพาะเจาะจงเกินไป หานต้าจ้วงขมวดคิ้วแล้วมองไป
เพียงตาเดียว ซูหงซานก็สะดุ้ง
นางรีบหันไป แกล้งทำเป็นไม่ได้มองเขา หัวเราะเยาะและพูดกับโจวซื่อว่า
"เรื่องนี้ข้ายุ่งไม่ได้ เพราะเงินที่พวกเจ้าแย่งไปนั้นไม่ใช่เงินของข้า แต่เป็นเงินของตระกูลหาน สามีของข้าในฐานะที่เป็นหัวหน้าครอบครัว เขาทวงเงินตัวเองคืนมาก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล ข้าจะไม่ไปยุ่ง และข้าก็ยุ่งไม่ได้ด้วย"
ระหว่างที่พูด สายตาของซูหงซานก็มองไปที่ซูหยวนหลิน ขำออกมาและเอ่ยขึ้นว่า
"อยู่ที่อาสะใภ้รองจะเอาเงินหรือจะเอาลุงรอง"
เดิมทีซูหยวนหลอนก็กลัวซูต้าจ้วง คราวนี้ถูกจับปกเสื้อเอาไว้ก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ เห็นว่าโจวซื่อยังไม่ยอมเอาเงินออกมา โมโหจนตวาดใส่
"โจวซื่อ ไอ้หญิงเลว เจ้าจะรอข้าตายถึงยอมให้หรือ?รีบเอาให้ข้าสิ!"
โจวซื่อจับถุงใส่เงินไว้อย่างไม่ยินยอม แล้วจ้องไปที่ซูหงซานอย่างแรง แต่ก็ต้องโยนถุงใส่เงินให้นาง"เอาไปๆ ลงมือต่อลุงรองแท้ๆของตัวเอง ไม่กลัวโดนฟ้าผ่าหรือไง"
"ฟ้าไม่ผ่าข้าหรอก ฟ้าจะผ่าเจ้าเสียก่อน"
ซูหงซานหัวเราะเยาะออกมา รับถุงใส่เงินมา แล้วนับอย่างจริงจัง"ครบหมด ปล่อยคนสิ"
ซูหยวนหลินถูกปล่อยออก ไม่กล้าอยู่ใกล้หานต้าจ้วงเลย พอถูกปล่อยออก ก็รีบห่างไกลจากเขา กลัวจะโดนจับได้อีก
เดินมาถึงหน้าโจวซื่อ ผลักนางโดยตรงแล้วด่าว่า
"เจ้าเกิดอะไรขึ้น ตั้งใจจะเห็นข้าถูกไอ้คนป่าคนนั้นฆ่าเลยหรือ"
"เป็นไปได้อย่างไรล่ะ ท่านพี่ หานต้าจ้วงเก่งก็จริง แต่เขาก็เป็นลูกเขยของตระกูลซูเรา เขาจะกล้าฆ่าคนจริงหรือ?"
โจวซื่อพูดอย่างกับร้อนตัว และรีบไปประคองยายแก่ซู กระซิบข้างๆหูของนาง
"ท่านแม่ นี่เกินไปจริงๆแล้วนะ เจ้าดูสิลุงรองของนางเกือบจะถูกบีบคอตาย ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่สั่งสอนยังไง เจ้าดูสิ......ตอนนี้กล้าลงมือต่อลุงรองของนาง อนาคตไม่แน่อาจจะลงมือต่อท่านปู่ท่านย่าแท้ๆด้วย......"
ยายแก่ซูโมโหมากเพราะคำพูดซ้ำเติมของนาง ใช้ไม้เท้าตีพื้นอย่างแรง จ้องไปที่ซูหงซาน แล้วด่าว่า
"กล้าตัดความสัมพันธ์ พวกเขายังเด็กอยู่ไม่รู้เรื่องเลย ทีหลังนางจะเสียใจภายหลังแน่นอน"
"แน่นอนเจ้าค่ะ"
โจวซื่อพูดคล้อยตาม จ้องไปที่ซูหงซานอย่างแรง แต่กลับเห็นว่าหานต้าจ้วงยืนอยู่ข้างๆซูหงซาน ตกใจจนรีบเก็บสายตากลับมา และไม่กล้าที่จะพูดใส่ร้ายซูหงซานอีกเลย รีบประคองยายแก่ซูแล้วจากไป
ซูหงซานก็ไม่คิดที่จะอยู่ต่อที่นี่ ขอบคุณต่อผู้ใหญ่บ้าน แล้วเตรียมจะพาเด็กกลับไป
ซูซือโถวเดินตามอยู่ข้างหลัง ระมัดระวังหน่อยนึง และมักจะมองไปที่หานต้าจ้วงเป็นครั้งคราว ตื่นเต้นจนไม่รู้จะเอายังไงดี
คำพูดของคนในหมู่บ้านเขาล้วนได้ยินหมด ไม่มีใครยอมให้ภรรยาตัวเองเลี้ยงน้องชายหรอก
ตอนที่ได้ยินว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู เขาดีใจมาก รู้สึกว่าอนาคตไม่ได้กินไม่อิ่มและใส่เสื้อผ้าที่ไม่อบอุ่นในตระกูลซูอีกแล้ว ไม่ต้องโดนด่าโดนตีทุกวันแล้ว
แต่ตอนนี้เขารู้สึกกระวนกระวายใจมาก
หากพี่เขยไม่ให้เขาพักอยู่ที่บ้าน งั้นเขาจะเอายังไงดี?
พอทะลุมิติมาก็มีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ซูหงซานก็ไม่มีเวลาไปสนใจน้องชายคนนี้ กว่าจะสามารถพักผ่อนหน่อยนึงนางก็ครุ่นคิดเรื่องทุกอย่างที่เกอดขึ้นก่อนและหลังทะลุมิติสักรอบหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเพราะว่าตัวเองตายแล้วไม่ได้กินน้ำเบญจรส หรือเป็นการทะลุมิติเกิดใหม่อย่างในนิยาย ทีหลังนางล้วนต้องมีชีวิตอยู่ต่อที่นี่
ก้มหน้ามองเด็กเล็กสองคนและเด็กโตคนหนึ่งทั้งหมดสามคนที่ตามอยู่ข้างหลัง และมองไปที่หานต้าจ้วงที่แบกหมูป่าที่เดินอยู่ข้างหลังสุด คิดถึงที่บ้านมีเพียงกระท่อมสองหลัง และลานบ้านที่เก่าแก่......
ซูหงซานแอบทอดถอนใจ ชีวิตต้องอยู่ต่อ ก็ต้องพยายามหาเงินแล้ว
งั้นเงินก้อนแรกที่ได้หลังจากทะลุมิติมานั้น......
สายตาของซูหงซานตกไปที่หมูป่าที่หานต้าจ้วงแบกอยู่บนร่างกาย เดินช้าลงหลายก้าว เข้าใกล้หานต้าจ้วงแล้วถามว่า
"หานต้าจ้วง หมูป่าตัวนี้เจ้าจะเอาไปขายหรือ?"
"เออ"
เอ่ยแค่คำเดียว ไม่ได้มองซูหงซานแม้แต่ตาเดียว
ซูหงซานก็ไม่ใส่ใจ สังเกตหมูป่าตัวนี้ แล้วถามว่า"หมูป่าตัวนี้ขายได้เท่าไหร่"
ในขณะเดียวกันก็ค้นหาความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม แล้วคำนวณอยู่คร่าวๆ
หมูป่าตัวนี้อย่างน้อยร้อยสองร้อยโล หมูที่นี่โลละประมาณยี่สิบกว่าเหวิน ถ้าคำนวณอย่างนี้ หมูตัวนี้ขายได้ประมาณสองสามตำลึง รวมไปถึงสามตำลึงบนร่างกายของตัวเอง ก็จะมีห้าหกตำลึง
ห้าหกตำลึงสร้างบ้านยังไม่พอหรอก แต่ถ้าไปล่าหมูหลายตัวมาอีก ไม่แน่ก็อาจจะสามารถสร้างบ้านที่ดีๆหน่อยหลายห้องก่อนอากาศจะหนาวได้
ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเจ้าของร่างเดิมมีชีวิตอยู่กันยังไง ในความทรงจำหานต้าจ้วงล่าสัตว์ได้ไม่น้อยเลย ถ้าคำนวณตามราคาหมูตัวหนึ่งสองสามตำลึง ถึงแม้ต้องให้ตระกูลซูเดือนละห้าร้อยเหรียญทองแดง ชีวิตของเจ้าของร่างเดิมก็น่าจะอยู่ดีมีสุขนะ
แต่ว่าฝั่งนางยังคำนวณอยู่ เสียงที่เย็นชาของหานต้าจ้วงก็ดังขึ้นมา"ห้าร้อยเหวิน"
"ห้า......ห้าร้อยเหวิน......"
แตกต่างกันมากกับที่คาดไว้ ซูหงซานเกือบจะสำลัก
"อย่างน้อยเนื้อหมูโลหนึ่งน่าจะยี่สิบกว่าเหวิน หมูป่าตัวนี้ของเจ้าอย่างน้อยก็หนึ่งร้อยโลขค้นไป......ห้าร้อยเหวิน......เจ้าแน่ใจหรือ?"
ซูหงซานมองหานต้าจ้วงด้วยสีหน้าอย่างกับเจ้าหลอกข้าแน่ๆ และรู้สึกว่าขมับเต้นแรงมาก
หานต้าจ้วงมองซูหงซานทีหนึ่งอย่างเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร
ซูหงซานจ้องหานต้าจ้วงทีหนึ่งอย่างโมโห แอบพึมพำในใจว่า คนนี้ใช้ในการล่าสัตว์และขับไล่ผีสิงได้อย่างเดียว ถ้าจะพึ่งพาเขาหาเงินจนรวย เป็นไปไม่ได้หรอก......
ซูหงซานกล่าวอย่างหดหู่ใจ"พรุ่งนี้ข้าไปขายกับเจ้า"
หมูป่าตัวหนึ่งไม่เพียงแต่ห้าร้อยเหวินแน่ๆ หานต้าจ้วงเป็นคนที่คำนวณเงินไม่เป็นเลย
หมูตัวหนึ่งห้าร้อยเหวิน เขาก็จะขายเลยหรือ
หานต้าจ้วงเพียงมองนางทีหนึ่งอย่างเย็นชา สายตาที่เย็นชากะพริบทีหนึ่ง เอ่ยคำเดียวเหมือนเดิม"เออ"
ระหว่างที่พูด ซูหงซานก็มาถึงบ้านของพวกเขาบนภูเขา
ลานบ้านกั้นด้วยรั่วเก่าแก่ บ้านกระท่อม ยากจนมาก......
ซูหงซานจนคำพูดมาก พอนึกถึงหมูตัวหนึ่งเขาขายแค่ห้าร้อยเหวิน ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่หานต้าจ้วงอย่างโหดร้าย คดเคี้ยวฟัน"หมูตัวหนึ่งห้าร้อยเหวิน?!"
ไอ้ผู้ชายคนนี้ล้างผลาญจริงๆเลย สูญเสียเงินไปเท่าไหร่เนี่ย......
ถ้ามีเงินที่สูญเสียไปเหล่านั้น พวกเขาคงไม่ต้องพักอยู่บ้านกระท่อมนี้หรอก?
