บทที่ 10 หาเงิน
เงยหน้าเห็นบ้านกระท่อมหลังเดียวในลานบ้านที่สามารถหลบฝนได้ และมองข้างๆตัวเอง หนึ่งสองสามสี่......สี่คน รวมถึงนางป็มีทั้งหมดห้าคน ซูหงซานแอบทอดถอนใจ
ทั้งหมดห้าคน อยู่ในบ้านกระท่อมหลังเดียว......
"เฮ้อ"
หลังจากเข้าบ้านซูหงซานก็ไปเปิดกล่องที่ก่อนหน้านี้ถูกเจ้าของร่างเดิมล็อคไว้ตลอด
ตอนที่เพิ่งตื่นมานางไม่ได้ดูอย่างละเอียด ไม่แน่ใจว่าแป้งข้างในสามารถกินได้นานแค่ไหน ตอนนั้นต้องไปดูสักหน่อย แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอะไร
หานต้าจ้วงถูกซูหงซานจ้องมา รู้สึกแปลกประหลาดมาก แต่ก็ไม่ได้ไปใส่ใจ
ตามด้วยเสียง"ปัง" หมูป่าถูกทิ้งลงพื้น เขาไปล้างมือหน้าอ่างน้ำโดยตรง
"อ๊ะ......"
เสียงกรีดที่ส่งมาอย่างกะทันหัน ทำให้หานต้าจ้วงเกือบจะทำอ่างล้างหน้าตกพื้น ปรากฏขึ้นในหน้าประตูอย่างรวดเร็ว และเห็นซูหงซานในห้องกำลังมองกล่องที่อยู่ในห้อง และสีหน้าแย่มาก
อาหารที่อยู่ในกล่องมากสุดกินได้อีกวันเดียว ซูหงซานขมวดคิ้วอย่างแน่น
เดิมทียังคิดจะใช้เวินสามตำลึงในมือซ่อมแซมกระท่อมก่อน เพราะอากาศหนาวขึ้น นางไม่อยากอยู่ในบ้านที่ลมรั่วเข้าไปทั้งสี่ทิศ
แต่จากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว......
เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด
ที่บ้านมีคนมากมายเช่นนี้ ต้องกินอยู่ตลอด การซ่อมบ้านนั้นเบื่อนไปก่อนละกัน สิ่งสำคัญสุดก็คือ ต้องหาเงิน!
"หาเงินไง......"
ซูหงซานนวดขมับ สายตามองไปที่หมูป่าที่อยู่นอกบ้าน
นี่เป็นเงินก้อนแรกของตัวเอง พรุ่งนี้ต้องไปขายเอง ห้ามให้หานต้าจ้วงไปขายในราคาเพียงห้าร้อยเหวิน
ระหว่างที่คิด ซูหงซานก็พูดกับหานต้าจ้วนที่อยู่หน้าประตูว่า"ที่บ้านไม่มีแป้งแล้ว พรุ่งนี้อย่าลืมซื้อแป้งด้วย"
"เออ"
เอ่ยคำเดียวที่เย็นชาเหมือนเดิม หานต้าจ้วงพูดเสร็จก็หันหน้าเดินออกไป
ลักษณะที่เย็นชาเช่นนั้น ทำให้ซูหงซานทำท่าชูหมัดต่อยข้างหลังของเขา แค่บังเอิญได้เผชิญกับสายตาที่หันกลับมาของหานต้าจ้วง รีบๆวางมือลง หมุนลูกตา แล้วพูดอย่างจริงจัง
"ที่บ้านมีเพียงหลังเดียว ซูสือโถวและเด็กสองคนอายุล้วนไม่น้อยแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ด้วยกันตลอด เราต้องคิดวิธีขยายบ้าน"
ไม่ว่าจะขยายเมื่อไหร่ ยังไงก็พูดก่อนละกัน เพื่อให้นางได้เก้อเขินก่อนค่อยว่ากัน
แต่หานต้าจ้วงกลับหยุดฝีเท้าและมองนางอย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพักหนึ่ง อ้าปากเอ่ยขึ้นว่า
"เจ้ายังเด็กอยู่ รออีกสองปี"
นึกว่าเขาจะไม่ตอบ ซูหงซานที่เตรียมออกไปดูเค้าโครงของลานบ้านนั้นก็อึ้งอยู่กับที่"เหตุใดถึงต้องรออีกสองปี?"
แค่สร้างบ้านเท่านั้น เหตุใดถึงต้องรออีกสองปี?
นางเด็กจริงๆ เพิ่งปักปิ่นไม่นานนี้เอง
ตอนที่เจ้าของร่างเดิมแต่งงานกับหานต้าจ้วงเหมือนยังไม่ถึงวัยปักปิ่น สองเดือนก่อนเพิ่งปักปิ่น พอคำนวณดูแล้ว ก็เพิ่งถึงสิบห้าปีเท่านั้น เด็กไปจริงๆ แต่นี่มีความสัมพันธ์อะไรกับการสร้างบ้านล่ะ?
หานต้าจ้วงมองนางทีหนึ่ง สายตาสังเกตร่างกายของนางสักครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยอีกครั้ง
"รออีกสองปี"
ซูหงซานถูกเขามองจนขนลุก ไม่ทราบว่าเขาจะรออะไร ครุ่นคิดสักพักหนึ่ง แล้วถามอย่างตั้งใจ"เจ้ากลัวว่าเงินไม่พอใช่ไหม?"
หานต้าจ้วงไม่ได้พูด
ซูหงซานพูดต่อว่า"เรื่องเงินปวดหัวจริง แต่บ้านก็ต้องสร้าง ไม่งั้นครอบครัวเราห้าคนต้องเบียดอยู่ในกระท่อมหลังเดียวมันไม่ดีไม่งามเลย"
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญสุดคือ นางอยากจะมีห้องเป็นของตัวเอง เบียดอยู่กับคนมากมายขนาดนี้นางไม่คุ้นเคยเลย และในห้องยังมีหานต้าจ้วงอีก
นางมองหานต้าจ้วงเป็นของมงคลในการขับไล่ผีสิง ส่วนเรื่องระหว่างผัวเมียนั้นนางก็คิดแล้ว ในเมื่อเป็นผัวเมีย เรื่องนั้นก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
และหน้าตาของหานต้าจ้วงก็ดีจริงๆ ถ้าอยู่ในสมัยปัจจุบันก็คือชายที่หล่อมาก นางคิดจะสังเกตอีกช่วงหนึ่ง ถ้านิสัยบุคลิกยังใช้ได้ ไม่ใช่คนอย่างห่าวเหลียนจ้ง นางก็สามารถมีชีวิตผัวเมียปกติกับเขาได้
แค่ว่า......
รอก่อน......
อยู่ซูหงซานก็เข้าใจแล้วว่าคำพูดของเขาในเมืาิกี้นี้ที่ว่า"เจ้ายังเด็กอยู่"หมายความว่าอย่างไรแล้ว
นางมองหานต้าจ้วงทีหนึ่งอย่างสงสัย เห็นว่าเขาทำตัวจริงจังมาก ก็ส่ายหน้าตามจิตสำนึก รู้สึกว่าตัวเองน่าจะคิดมากไปแล้ว
นางพูดต่อว่า"และอีกอย่างหนึ่ง การล่าสัตว์ได้เก่งขนาดนี้ ถึงแม้สามสี่วันล่าหมูได้ตัวหนึ่ง เราก็สามารถสร้างบ้านเสร็จก่อนฤดูหนาว ส่วนคนในบ้านของข้า เจ้าก็ไม่ต้องห่วง ต่อจากนี้ไปข้าจะไม่ให้เงินพวกเขาแม้แต่นิด เงินของเราเองเราเก็บไว้เอง พยายามหาเงินให้สู่ความร่ำรวย และสร้างบ้าน"
หาเงินให้สู่ความร่ำรวย?สร้างบ้าน?
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ของนาง แต่เมื่อก่อนพวกเขาก็น้อยมากที่จะสื่อสารกัน
หานต้าจ้วงมองนางอย่างลึกซึ้งสักพักหนึ่ง ในสายตามีความสงสัยเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ล้วนหายไป
เขาพยักหน้า พูดอย่างเย็นชา"ฟังตามเจ้า"
ซูหงซานถึงพอใจ และสังเกตไปที่ลานบ้าน คิดอยู่ในใจว่าจะซื้อที่ดินใหม่ หรือจะสร้างที่นี่เลย......
แต่ก็ไม่ได้คิดมาก เพราะเงินยังหาไม่ได้เลย คิดสิ่งเหล่านี้ก็เร็วไปหน่อย
นางถามหานต้าจ้วงอีก"เอ๊ะ เจ้ากินข้าวยัง?ที่บ้านยังมีแป้งอยู่ ข้าทำให้กินไหม"
พรุ่งนี้ขายหมูป่าไปก็น่าจะมีเงินซื้อแป้งแล้ว ซูหงซานเลยไม่ได้ห่วงอะไรมาก
หานต้าจ้วงได้ยินว่านางจะต้มบะหมี่ นัยน์ก็มีความสงสัยพาดผ่าน แต่กลับพยักหน้า และยังคงเอ่ยขึ้นมาว่า"เออ"
"รีบๆพูดสิ ตัวใหญ่ขนาดนี้ ไม่กินข้าวไม่ได้เลยนะ เจ้ารอก่อน ข้าไปต้มบะหมี่ให้"
ระหว่างที่พูด ซูหงซานก็ถามซูสือโถวและเด็กสองคนอีก"แล้วพวกเจ้าล่ะ?กินอีกไหม"
ซูสือโถวและเด็กสองคนล้วนไม่กล้าพูดอะไร
ซูหงซานก็ไม่ได้ใส่ใจ ถือว่าพวกเขาจะกินอีก ก็เลยเอาแป้งที่เหลือทั้งหมดไปที่ห้องครัว
ตั้งแต่ทะลุมิติมาจนถึงตอนนี้ นางแค่ได้กินบะหมี่าองชามเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างนี้เมื่อก่อนไม่ค่อยได้กินอะไรดีๆ หรือเพราะไม่ค่อยมีน้ำมันอะไร ทำให้ตอนนี้รู้สึกหิวเล็กน้อย
ซูหงซานนวดแป้งอย่างรวดเร็ว และเรียกหานต้าจ้วง"หานต้าจ้วง เจ้าเข้ามาเผาหม้อทีสิ"
หานเสี่ยวซานและหานเสี่ยวญามองไปที่หานต้าจ้วงพร้อมกัน รู้สึกตกใจมาก นางให้พ่อเผาหม้อหรือ?
สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกแปลกใจมากกว่านี้คือ หานต้าจ้วงเดินไปทางห้องครัวจริง
ซูสือโถวก็ตกใจมาก รีบพูดว่า"พี่เขย ข้าไป"
คนที่เข้ามาคือซูสือโถว ซูหงซานก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร กำลังยุ่งอยู่
ซูสือโถวเผาหม้อไปด้วย และเงยหน้าแอบมองซูหงซานไปด้วย เหมือนจะพูดอะไร
ในตอนที่เขาเงยหน้ามองซูหงซานไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ซูหงซานก็หยุดท่าทางในมือลง หันไปมองเขาแล้วพูดว่า"ทีหลัง......"
นางเพิ่งอ้าปาก ซูสือโถวก็สะดุ้ง รีบๆพูดว่า"ทีหลังข้าจะตามพี่เขยไปล่าสุดบนภูเขาขอรับ"
ซูหงซานตะลึง สังเกตไปที่ซูสือโถว"เจ้าแค่เก้าขวบเอง ไปล่าสัตว์ทำไม?"
"ข้าอายุไม่น้อยแล้วขอรับ ตอนที่อยู่ในตระกูลซูข้าก็เป็นคนไปตัดฟืนบนภูเขา ถ้าเจอหมูป่าข้าก็สามารถหลบไปได้อย่างรวดเร็ว ข้าล่าสัตว์ได้แน่นอนขอรับ พี่สาว ข้าจะไม่กินฟรีอยู่ฟรีขอรับ"
