บทที่ 14 จัดซื้อครั้งใหญ่
เห็นน้ำตาลปั้นที่ยื่นมาให้ตัวเอง หานต้าจ้วงอึ้งไปเลย เขาขมวดคิ้วมองซูหงซาน ขมวดคิ้วอย่างแน่น
ซูหงซานยื่นขึ้นไปอีก"กินเถอะ หวานมากเลยนะ"
นางอยากเห็นว่าผู้ชายที่มีรัศมีคนนี้ ที่ให้ความรู้สึกน่าหวาดกลัวนั้น ตอนกินน้ำตาลปั้นจะเป็นลักษณะยังไง ต้องสนุกแน่ๆเลย
หานเสี่ยวซาน หานเสี่ยวญาและซูสือโถวที่อยู่ข้างๆล้วนอึ้งไปหมด ลืมเลียน้ำตาลปั้นในมือด้วย มองหานต้าจ้วงอยู่แบบนี้ และมองไปที่ซูหงซานด้วย
ไม่ว่าเป็นหานเสี่ยวซาน หานเสี่ยวญา หรือเป็นซูสือโถว ในใจล้วนมีแต่ความคิดอย่างหนึ่ง ท่านแม่(พี่สาว)กล้าหาญจริงๆ
"ถือเอาไว้สิ เจ้าดูสิพวกเรามีกันหมดเลย"ซูหงซานเลียน้ำตาลปั้น แล้วสะกิดให้หานต้าจ้วงถือเอาไว้
แต่หานต้าจ้วงกลับเจตนาหันไปเมื่อเห็นว่านางเลียน้ำตาลปั้นต่อหน้าตัวเอง รู้สึกแต่ว่าน้ำตาลปั้นนั้นรสชาติเหมือนดีมาก ท่าทางการเลียน้ำตาลปั้นของนางก็ดึงดูดคนมาก และมีเสน่ห์ เหมือนเป็นปีศาจ
เขาพูดอย่างหดหู่ใจ"ไม่เอา"
"ไม่เอาจริงนะ?งั้นข้าเอาให้เสี่ยวซานเสี่ยวญาแล้วนะ"
ซูหงซานคิดได้ตั้งนานแล้วชายหนุ่มอย่างเขาคงไม่ถือน้ำตาลปั้นไว้กินหรอก เลยยื่นน้ำตาลปั้นให้เสี่ยวญาถือเอาไว้
หานต้าจ้วงเหลือบตาเห็นลักษณะที่ผิดหวังของนาง อยู่ๆก็อยากจะยื่นมือไปรับ แต่กลับเห็นว่าน้ำตาลปั้นนั้นถึงมือของเสี่ยวญาแล้ว ก็ผลักรถเข็นแล้วพูดอย่างจริงจังว่า
"พวกเจ้าขึ้นไปกินบนรถสิ"
จากนั้นซูหงซานก็พาเด็กสามคนนั่งกินน้ำตาลปั้นอยู่บนรถเข็น
ซูหงซานชอบกินลูกอม ตอนที่ดีใจจะกินลูกอม ตอนที่เจอเรื่องที่เครียดก็กินลูกอม กินลูกอมสามารถทำให้อารมณ์ของนางดีขึ้น เมื่อก่อนที่บ้านก็ชอบซื้อเก็บไว้ เนื่องจากความชอบ ยังเคยลองทำเองด้วย
ซูหงซานพบว่า นางเหมือนเจอทางที่หาเงินได้แล้ว
"ไปร้านขายแป้งและน้ำมันพืชก่อนซูหงซานนั่งกินน้ำตาลปั้นอยู่บนรถเข็น รู้สึกว่าลูกอมของสมัยโบราณก็มีรสชาติบางอย่าง
หานต้าจ้วงที่ผลักรถนั้นไม่ได้เอ่ยเสียงใดๆ
พอมาถึงร้านขายแป้งและน้ำมันพืช ซูหงซานมีเงินอยู่ในมือ ซื้อแป้ง น้ำมันพืชและเครื่องปรุงบางอย่าง เห็นมีข่าวสาร ก็คิดจะซื้อหน่อยนึง พอถามดูแล้วข้าวสารราคาตั้งห้าสิบเหวิน แพงกว่าเนื้อหมูอีก
"ข้าวสารของเจ้าเหตุใดถึงแพงขนาดนี้?"ซูหงซานอดไม่ได้ที่จะถาม
"แม่นาง นี่ส่งมาจากภาคใต้ พื้นที่ภาคกลางของเรา นอกจากตระกูลใหญ่โตก็ไม่มีใครซื้อไหวเลย"
ระหว่างที่พูด เจ้าของร้านก็สังเกตซูหงซานทีหนึ่ง เห็นก็รู้ว่าหลายคนนี้ไม่ใช่คนที่กินข้าวสารได้
ซื้อข้าวสารไม่สำเร็จ แต่ได้ซื้อแป้ง เครื่องปรุงและน้ำมันพืชมากมาย คำนวณดูแล้วก็ใช้ไปประมาณหนึ่งตำลึงกว่าๆ
จากนั้นก็ไปที่ร้านขายผ้า ซื้อผ้าฝ้ายหน่อยนึง คิดจะกลับไปทำเสื้อผ้าสองชุดให้หานต้าจ้วงและตัวเอง
เดิมทีนางคิดจะซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูป แต่เสื้อสำเร็จรูปชุดหนึ่งเริ่มต้นที่หนึ่งตำลึง นางซื้อไม่ไหว เลยต้องซื้อผ้าฝ้าย
นางเย็บปักไม่เป็น แต่เจ้าของร่างเดิมทำได้ กลับไปลองคิดดูแล้วน่าจะทำออกมาได้
ตอนที่ออกมาจากร้านขายผ้าเงินก็หายไปอีกสองตำลึง ซูหงซานคำนวณดูของที่ต้องซื้ออีก ก็รู้สึกปวดหัวมาก
เงินนี้ไม่พอใช้เลย เมื่อไหร่ถึงมีเงินสร้างบ้านได้ แต่ควรซื้อก็ต้องซื้อ
"บริเวณนี้มีร้านตีเหล็กหรือเปล่า?"ซูหงซานวางของลงแล้วถาม
บนรถเข็นได้วางของเอาไว้ ไม่สามารถรองรับคนมากมายขนาดนั้นแล้ว ซูหงซานเลยเดินพร้อมกับหานต้าจ้วง
"มีที่ถนนทิศตะวันออก"
หานต้าจ้วงไม่ได้ถามรายว่าไปทำอะไรที่ร้านตีเหล็ก แค่เปลี่ยนเส้นทางและพานางไป
มาถึงร้านตีเหล็ก ซูหงซานได้ซื้อหม้อใหญ่อีกหม้อหนึ่ง
เดินหมุนในถนนทิศตะวันออกสักรอบหนึ่ง ถังไม้ใหญ่ ตะหลิวไม้ใหญ่ ล้วนได้ซื้อหมด ยังได้ซื้อชามเซรามิคจำนวนมาก
ซูสือโถวเห็นเช่นนี้ หัวใจก็เต้นแรง ยังมองไปทางหานต้าจ้วงเป็นครั้งคราว กลัวว่าเขาจะโกรธพี่สาวที่ซื้อของมากมายขนาดนี้
เขาไม่เข้าใจว่าพี่สาวซื้อของมากมายขนาดนี้ไปทำไม ที่บ้านมีแค่ไม่กี่คนเอง ซื้อขามมากมายเช่นนี้ไปทำไม แถมยังมีหม้อใหญ่อีก ที่บ้านก็ไม่ใช่ว่าไม่มีหม้อ
แต่หานต้าจ้วง เป็นสีหน้าเหมือนเดิมตั้งแต่แรก ไม่ได้ถามอะไรทั้งสิ้น
ซูหงซานจะซื้ออะไร เขาไม่พูดอะไรพาไปโดยตรง
หลังจากซื้อของเสร็จ ซูหงซานเหลือเพียงสามตำลึง ยังมีหลายอย่างที่จะซื้อ แต่พอคำนึงถึงสามตำลึงในมือ ในที่สุดซูหงซานก็หยุดซื้อ
ถึงแม้เป็นเช่นนี้ ตอนที่กลับไป ก็ยัดของทั้งรถ เด็กสามคนล้วนไม่มีที่นั่ง
ซูหงซานคิดจะพาเด็กหลายคนนั่งรถวัวกลับไป
ตอนที่ไม่ใช่ช่วงที่เก็บเกี่ยว คนที่มีวัวในบ้านล้วนจะใส่เกวียนลากแล้วรับส่งคนในหมู่บ้านไปในเมือง คนละสามเหวิน วิ่งวันละหลายเที่ยวก็ได้เงินไม่น้อยเลย
แต่ซูสือโถวกลับเรียกซูหงซานเอาไว้ ส่ายหน้าอย่างแรง"พี่สาว เจ้าพาเสี่ยวญาและเสี่ยวซานไปนั่งรถวัวเถอะ ข้าช่วยพี่เขยผลักรถเข็นพื้นราบขอรับ"
"ไม่ต้อง"อยู่ๆหานต้าจ้วงก็พูดอย่างเย็นชา
พอได้ยินหานต้าจ้วงพูด ซูสือโถวก็สะดุ้ง แต่กลับกัดฟันไว้ไม่ยอมนั่งรถวัว
เที่ยวหนึ่งสามเหวิน ประหยัดลงสามารถซื้อหมั่นโถวได้อันหนึ่ง
ซูหงซานก็มองซูสือโถวอย่างจนปัญญา คิดอยู่ว่าต้องหาวิธีให้เด็กคนนี้รู้จักคิดหน่อย ผู้ชายจะขี้งกขนาดนี้ได้ยังไง
"ให้เจ้านั่งเจ้าก็นั่งสิ พี่สาวของเจ้าเพิ่งขายได้เงิน คงไม่ขาดสามเหวินหรอก?"
ในที่สุดซูสือโถวก็ขึ้นไปนั่งบนรถวัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขานั่งรถวัว เมื่อก่อนที่อยู่ตระกูลซู เขาไม่เคยได้นั่งรถวัวเลย และก็ไม่มีโอกาสได้นั่งรถวัวด้วย
คนขับรถรอจนคนประมาณหนึ่งแล้ว ก็เร่งรถวัวจากไป
คนบนรถส่วนใหญ่เป็นคนในหมู่บ้านใกล้เคียง มีคนที่รู้จักก็มีการซุบซิบเรื่องในหมู่บ้านต่างๆ
ซูหงซานนั่งอยู่บนรถวัว มองหานต้าจ้วงที่ผลักรถเข็นค่อยๆเดินตามหลังอยู่ รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้แข็งแรงมาก แต่ว่าเงียบไปหน่อย การพูดก็พูดทีละตัว ไม่ค่อยดีเลย
ไม่นานหญิงหลายคนบนรถก็สังเกตถึงชายหนุ่มที่ผลักรถอยู่ข้างหลัง อดไม่ได้ที่จะถามซูหงซาน
"แม่นาง คนที่อยู่ข้างหลังเป็นสามีของเจ้าหรือ?"
เห็นว่าซูหงซานพยักหน้า หญิงหลายคนนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า"แม่นาง เจ้ามาจากหมู่บ้านไหน สามีของเจ้าเก่งจริงเลยนะ ต้องเป็นคนทำงานเก่งแน่เลยนะ"
ผลักของที่เต็มรถขนาดนั้น ยังสามารถเดินตามรถวัวได้อีก ชายหนุ่มธรรมดาทำไม่ได้หรอก
"หมู่บ้านเซี่ยงหยาง"ซูหงซานพูดด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินว่าเป็นของหมู่บ้านเซี่ยงหยาง หญิงหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องของหมู่บ้านเซี่ยงหยาง
"หมู่บ้านเซี่ยงหยางหรอ เพื่อนบ้านของข้ามีพี่สาวคนหนึ่งแต่งไปที่หมู่บ้านเซี่ยงหยาง ก่อนครั้งที่นางกลับมาได้เล่าเรื่องหนึ่งให้พวกเรา พวกเจ้ารู้จักตระกูลซูของหมู่บ้านเซี่ยงหยางหรือเปล่า"
"ตระกูลซูนั้นสุดยอดหรือเกิน ลูกชายคนโตและลูกสะใภ้เพิ่งตาย ก็เอาลูกสาวที่ลูกชายและลูกสะใภ้คนโตเหลือไว้ขายให้นักล่าเป็นภรรยา ได้ข่าวว่านักล่าคนนั้นยังมีลูกอีกสองคน แม่นางคนนั้นยังไม่ปักปิ่นเลยก็ต้องไปเป็นแม่เลี้ยงของคนอื่น"
