ตอนที่ 6 เด็กฝึกงานของซุป’ตาร์
เวลาเดียวกัน The Nest Bar
“ป๊า ป๊าต้องแก้แค้นให้ผมนะ ไอ้ดารานั่นมันต่อยผมจนดั้งหัก ลูกป๊าหมดหล่อแล้วป๊าดู” หนุ่มตี๋รูปหล่อที่จมูกเป็นสีม่วงช้ำจนดูน่าเกลียดโวยวายอย่างไม่พอใจ
เชิ้ตที่สวมมามีแต่รอยฝุ่นเพราะถูกต่อยจนหน้าไถลไปกับพื้น แต่โชคดีที่เขาเอามือปิดหน้าไว้ทัน ผลก็คือเสื้อเชิ้ตราคาแพงเต็มไปด้วยร่องรอยฉีกขาด โชคดีที่เครื่องประดับราคาแพงที่เขาสวมอยู่ไม่มีอะไรเสียหาย ผิวขาวจัดของเขาแม้จะมอมแมมไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาดูเหมือนขอทานสักเท่าไร
เพียะ!
ชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาตบหน้าขาด้วยความโกรธ เขาสวมเสื้อคอจีนสีขาวและกางเกงสีดำ ท่าทางภูมิฐาน บรรดาลูกน้องที่สวมชุดดำรอบตัวต่างก็รีบก้มศีรษะลงด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าที่มีเค้าโครงคล้ายกับลูกชายมีริ้วรอยตามวัย ทว่าก็ต้องยอมรับว่าเขายังมีพละกำลังเหลือล้น เพราะภายใต้ท่าทางภูมิฐานนี้คือเสือร้ายที่กินไม่เลือกอย่างแท้จริง
“ไอ้หมอนั่นมันกล้าทำลูกชายอั๊วะ อั๊วะจะทำให้มันไม่ได้อยู่ในวงการนี้อีกต่อไป”
“เสี่ยตรีครับ อย่าลืมว่าพ่อของวาโยนั่นคือใคร” ผู้ช่วยที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นด้วยความกลัว เขาเป็นชายร่างผอมใบหน้าตอบ แต่ดวงตาเฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลายเป็นมือขวาของเสี่ยตรีมาอย่างยาวนาน
ชายคนนี้คืออาเซียง
เมื่อเสี่ยตรีได้ยินคำเตือนของอาเซียง ความโกรธบนใบหน้าก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เขายังจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ เพราะเมื่อวาโยตั้งท่าจะจากไป เดิมทีเขาตั้งใจจะให้ลูกน้องขวาง แต่ใครจะคิดว่าจะมีฝรั่งตัวเท่าตึกเดินถือปืนเข้ามาในร้านนับสิบคนจนลูกน้องเสี่ยตรีก้าวขาไม่ออก
ชายคนหนึ่งชื่อเดวิดเดินมาหาเสี่ยตรีและยื่นนามบัตรใบหนึ่งให้เขา เมื่อเห็นสัญลักษณ์บนนามบัตร เขาก็เข่าแทบทรุด
‘Wind Card’
สัญลักษณ์ของผู้ทรงอิทธิพลกลุ่มหนึ่งของโลก เสี่ยตรีไม่รู้ว่าวาโยเกี่ยวอะไรกับกลุ่มนี้บ้าง แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องมีความสำคัญต่อคนระดับสูงในนี้อย่างแน่นอน
เมื่อถูกคนสนิทเตือนความเลือดร้อนของเสี่ยตรีก็ลดลง เขาสูดลมหายใจเข้าออก หันไปพูดกับลูกชายสุดที่รักว่า “อาต้าร์ ป๊าจะหาทางช่วยลื้อแน่นอน แต่ผู้ชายคนนั้นแตะไม่ได้ ส่วนผู้หญิงที่ชื่อระรินป๊าจะไปทวงจากไอ้ศิรันให้ ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าอั๊วะจะปล่อยมันไป”
สิ้นคำของเสี่ยตรีอาเซียงก็พยักหน้าด้วยความโล่งใจ ทว่าต้าร์ที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็โวยวายอีกครั้ง “ป๊า มันทำอั๊วะดั้งหัก”
“ดั้งหักก็ไปเสริมใหม่สิวะ!”
คอนโดฯ ของลม
ระรินกวาดสายตาไปยังแผงอกสีข้าวสาลีของลม ลำคอแห้งผาก เขามีรูปร่างที่ดีมาก ยิ่งกว่าที่เห็นในโทรทัศน์เสียอีก และเมื่อเหลือบมองต่ำลงไปยังวัตถุที่กำลังเสียดสีกับกลีบกุหลาบเปียกชื้นของตนเอง ใบหน้าของระรินก็กลายเป็นสีแดงจนลามไปถึงใบหู
ขนาดอันใหญ่โตของมันทำให้เธอหายใจไม่ออก เมื่อคิดว่ามันจะเข้ามาอยู่ในตัวเอง ระรินก็แทบจะระเบิดตายด้วยความกลัว
ลมสังเกตเห็นความตกใจของระรินจึงส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ “ว่ายังไง อยากให้เสียบมันเข้าไปเลยไหม?” เขาจับความภาคภูมิใจของตนเองขึ้นมาและจ่อมันไว้ตรงเส้นทางคับแคบ
ระรินตกใจจนต้องรีบกระถดหนี ทว่าลมกลับดึงขาของเธอไว้และยกขาเรียวทั้งสองข้างขึ้นมาพาดบนบ่าหนาอย่างรวดเร็ว
“พี่ลมอย่าทำแบบนี้ หนูยังไม่พร้อม” เธอคิดว่าเขาจะเสียบเข้ามาทันทีจนรู้สึกสั่นกลัว ขนาดของเขามันจะเข้ามาในตัวเธอได้ยังไง แค่คิดระรินก็รู้สึกเจ็บไปทั้งตัวแล้ว ขนาดแค่นิ้วเพียงนิ้วเดียวเธอยังเจ็บเลย
“ใครบอกว่าพี่จะเสียบเลยล่ะ” เขาพูด รู้สึกขำปนเอ็นดูเมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำของเธอ
“แล้ว...พี่ลมยกขาหนูขึ้นทำไม”
“ครั้งแรกหรือเปล่าล่ะ?” เขาถาม
“อือ...” ระรินพยักหน้าไวๆ สีแดงยิ่งเข้มขึ้นภายใต้แสงไฟ ผิวของเธอปกติจะขาวจนแทบสะท้อนแสงได้ แต่เพราะความอับอายตอนนี้ได้กลายเป็นกุ้งสุกไปแล้ว
หัวใจดวงเล็กๆ เต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้ทั้งอายทั้งอยากรู้อยากเห็น รสจูบที่มีกลิ่นมินต์จางๆ จากเขายังคงค้างคาในปากและติดตรึงตรงปลายจมูก มารร้ายในตัวเธอกำลังตะโกนเชียร์อย่างบ้าคลั่งให้เธอค่อยๆ คล้อยตามการชักจูงของลมอย่างว่าง่าย
มือทั้งสองข้างปิดหน้าอกของตัวเองไว้ มองลมด้วยความสงสัย
ใบหน้าสวยของลมปรากฏรอยยิ้มอันตรายอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นฉันจะสอนเธอ มาดูว่าวันนี้จะเรียนรู้ได้ดีไหม พรุ่งนี้ฉันจะทดสอบ”
ดวงตาเรียวของระรินเบิกกว้าง ถามด้วยความตกใจ “พรุ่งนี้? ยังจะมีต่ออีกเหรอคะ”
ปกติแล้วลมมักจะไม่ใช้ผู้หญิงซ้ำเพราะเขาไม่ต้องการมีปัญหา แต่ตอนนี้เขากำลังจะบอกว่าอะไร?
“ถ้าฉันต้องเสียเงินร้อยล้าน แถมยังต้องให้เงินเธอใช้อีก คืนเดียวมันคุ้มไหม?”
“...” ระรินชะงัก เม้มริมฝีปากด้วยความหดหู่เล็กน้อย เธอเกือบถูกเขาล้างสมองแล้วว่าระหว่างทั้งคู่มันเกิดจากความรู้สึก แต่จริงๆ แล้วสถานนะของเธอแย่ยิ่งกว่าผู้หญิงคนอื่นที่เขาผ่านมาเสียอีก
เมื่อเห็นท่าทางเหงาหงอยของระริน ลมไม่ได้พูดอะไรต่อ วันนี้เธอไม่พร้อมจะฟังอะไรทั้งนั้น หลังจากนี้เขาจะค่อยๆ ทำให้เธอเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเอง
“พร้อมหรือยัง?”
ระรินหลับตาลงแทนคำตอบ ลมเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ เขาสูดลมหายใจและพ่นลมร้อนลงบนโคนขาของคนตรงหน้า มองสำรวจร่างกายสวยงามอย่างเพลิดเพลินพร้อมกับคิดในใจว่าวันนี้จะสอนอะไรบ้าง
ระรินเบิกตาโพลงและหดขาหนีเพราะความสยิวที่เกิดขึ้น ทว่ามือของลมกลับแข็งแรงราวกับคีมเหล็ก ปลีน่องเล็กถูกจับแน่น
เธอเห็นสายตาร้อนแรงที่จ้องมองมา การต่อต้านทั้งหมดก็ถูกทำลายทิ้งอย่างง่ายดายในทันที ใบหน้าและลำตัวของระรินค่อยๆ ร้อนขึ้นจนแทบจะลุกเป็นไฟเพียงเพราะเขามองมาอย่างนั้น
ไม่แปลกใจที่ลมจะได้รับการจัดอันดับในนิตยสารระดับโลกว่าเป็นผู้ชายที่ฮอตปรอทแตกและเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทั่วเอเชียอยากออกเดตด้วย
สายตาคมมองมาที่เธอไม่วางตา ขณะที่ริมฝีปากร้อนค่อยๆ จรดลงบนปลีน่องขาวเนียน ใช้ฟันคมขบมันเบาๆ หากแต่ความเสียวซ่านกลับแล่นพล่านไปทั่วร่างกายและจู่โจมหัวใจของระรินจนเกือบหยุดหายใจ
“...” ระรินเม้มริมฝีปากแน่น มือจิกเกร็งโดยไม่รู้ตัว เขายังคงขยับริมฝีปากต่อเนื่องเลื่อนมันสลับไปมาทั้งซ้ายขวา ระรินร้อนวูบวาบไปทั้งตัวราวกับถูกย่างบนกระทะร้อน
“เปียกแล้วนะเราน่ะ”
เสียงของลมปลุกเธอตื่นจากภวังค์อันน่าหลงใหล รู้ตัวอีกทีเขาก็แตะปลายนิ้วเข้ากับกลีบกุหลาบเปียกชื้นที่มีน้ำหวานไหลเยิ้ม สายตาร้อนแรงมองเธอราวกับล้อเลียน ทำเอาระรินอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
“...มะ...มันก็แค่เรื่องปกติ ดูหนังโป๊ก็เปียกได้” เธอพูดอย่างก๋ากั่น ทั้งๆ ที่จริงมันเป็นแค่ความรู้ที่หาอ่านได้จากนิยายทั่วไปเท่านั้น
“งั้นเหรอ...ถ้าอย่างนั้นก็เก่งแล้วสิ เคยช่วยตัวเองหรือเปล่า?”
“...” ระรินกะพริบตาปริบๆ รู้สึกเหมือนทุ่มหินใส่เท้าตัวเองอย่างไรก็ไม่รู้
“หนู...หนูแค่พูดไปงั้น ใครจะเคย” เธอไม่กล้าทำเพราะกลัวเจ็บ อีกอย่างแค่ถูกลมใช้งานในแต่ละวันก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด จะไปมีอารมณ์อย่างอื่นได้ยังไง
“ดี...”
สิ้นเสียงของลม เขาก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ ทว่าขาของระรินยังพาดอยู่บนบ่าหนา ผลจึงทำให้เธอเห็นกลีบดอกไม้ที่เปียกชื้นของตัวเองอยู่ตรงหน้า ใบหน้าแดงก่ำ สมองว่างเปล่าจนแทบระเบิด เธอเพิ่งรู้ตัวว่าใจกลางกายสาวของเธอเบ่งบานตรงหน้าเขาและผลิตน้ำหวานออกมายังไง
“วันนี้เราพอแค่นี้ไหมคะ พรุ่งนี้ค่อยมาเรียนใหม่” ระรินกลั้นใจพูด พยายามขยับหนี
น่าเสียดายที่ลมไม่ปล่อยโอกาสนั้น เขาหัวเราะในลำคออย่างชั่วร้ายก่อนจะแยกขาของเธอออกและก้มลงละเลียดชิมน้ำหวานใจกลางกายสาวอย่างนุ่มนวล
ความรู้สึกของวิปครีมถูกชิมเป็นอย่างไร อาจจะเป็นดังเช่นตอนนี้ ระรินเกร็งไปทั้งตัวด้วยความกระสันที่เกิดขึ้น เธอกัดริมฝีปากพยายามกลั้นเสียงครางกระเส่าในลำคอ ความเสียวซ่านที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งตัวกำลังจะทำให้เธอทรยศตัวเองอย่างไร้ยางอาย
“อึก...อื้อ...พี่ลม หนูรู้สึกแปลกๆ” ระรินมองเขาด้วยสายตาฉ่ำชื้น อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก อยากจะกรีดร้องแต่กลับเขินอาย หัวใจไม่เคยเต้นแรงและรู้สึกหวั่นไหวเท่านี้มาก่อน
เมื่อไรกันที่เขาจะหล่อและร้อนแรงขนาดนี้ ร้อนแรงจนเธออิจฉาผู้หญิงทุกคนที่เขาควงมาทำอะไรกันบนเตียงนี้ อิจฉาที่คนเหล่านั้นทำให้เขา...
“อ๊า...พี่ลม พะ...พอก่อน หนูไม่ไหวแล้ว” ระรินพยายามขยับสะโพกไปมา ทว่าความจริงแล้วกับยิ่งเด้งตัวให้เขาลิ้มรสอย่างถนัดถนี่
ลิ้นร้อนของลมตวัดชิมน้ำหวานที่เอ่อล้นออกมาของเธออย่างช้ำชอง รู้สึกพอใจที่เธอร่อนเอวอย่างน่ารักต่อหน้าเขาแบบนี้ แต่เมื่อคิดว่าหากเขาออกมาไม่ทันเธอก็อาจจะไปร่อนเอวให้คนอื่นดู น้ำหนักที่ลิ้นก็ยิ่งแรงขึ้นจนระรินกรีดร้องดังลั่น
“อะ อะ อ๊า...พี่ลม หนูไม่ไหวแล้ว อื้อ...พี่ลมขา อย่าทรมานหนูเลยนะคะ”
เขาผละริมฝีปากออก มองร่างเล็กของคนตรงหน้าหอบเหนื่อยและกระตุกเบาๆ มือเล็กที่ตอนแรกปิดหน้าอกตนเองไว้กำลังบีบขยำเนินอกอวบของตนเองจนเป็นรอยแดง
ภาพเร้าอารมณ์ตรงหน้าทำให้เขาปวดร้าวจนแทบทนไม่ไหว หากว่าไม่ใช่เพราะมันคือครั้งแรกของเธอ เขาอยากจะกระแทกเข้าไปในตัวเธอแรงๆ ตั้งแต่ตอนนี้
ไม่เป็นไร เขาอดทนได้ อดทนมาหลายปีทำไมจะทนอีกนิดไม่ได้ล่ะ
“ชอบหรือเปล่า” เขาถาม
ระรินส่ายหน้าหวือ “พี่ลมใจร้าย”
เขาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ถามด้วยความงุนงง “ใจร้ายยังไง”
ระรินเม้มริมฝีปาก พูดไม่ออกเล็กน้อย ก่อนจะตอบอ้อมแอ้มด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “มัน...ทรมาน”
“อยากหายทรมานหรือเปล่า”
“อือ...” เธอไม่รู้ว่าขั้นตอนต่อไปต้องทำยังไง รู้เพียงแค่ว่าถ้าเขาเอาเธอตรงๆ เธอจะต้องตายแน่ๆ แต่มันต้องการการเติมเต็มอย่างบอกไม่ถูก ระรินไม่รู้จะอธิบายยังไง
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องฝึกขั้นต่อไปแล้วสินะ” น้ำเสียงของลมดูลำบากใจจนระรินจ้องมองด้วยความสงสัย กระทั่งเขาคว้ามือข้างหนึ่งของเธอมา ก่อนจะจับมันสอดเข้าไปในร่องที่เปียกชื้น
