เพียงพบหน้าก็ขอหย่าทันที 2
ที่แปลงนาไม่ไกลจากเรือนสกุลเสิ่น
แสงแดดยามสายส่องลอดเมฆหมอก บนทุ่งข้าวโพดกว้างไกลสีเขียวสลับเหลืองงดงามราวผืนผ้าไหม ทั่วทั้งไร่มีผู้คนสกุลเสิ่นออกแรงช่วยกันหักฝักข้าวโพดจากต้น มากองรวมไว้เป็นภูเขาเล็ก ๆ
เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยคละเคล้ากับเสียงหักข้าวโพดดังกรอบแกรบ กลิ่นดินแห้งและฝุ่นละอองคลุ้งไปทั่ว บรรยากาศแม้เหน็ดเหนื่อยแต่ก็อบอุ่นเต็มไปด้วยความสามัคคี
ใต้ศาลาไม้เล็กกลางทุ่ง พ่อเฒ่าเสิ่น(เสิ่นหยางกวง)กับแม่เฒ่าเสิ่น(เสิ่นอวี๋นั่ว) ปู่ย่าของเด็ก ๆ กำลังนั่งปอกเปลือกข้าวโพด ใบหน้ามีเหงื่อเกาะแต่ยังคงยิ้มอ่อนโยนระหว่างที่พูดคุยกับหลานสาว
"อี้หมิง อันหมิง มานี่สิ มาช่วยท่านย่าเก็บฝักที่ปอกแล้วใส่ตะกร้าเร็วเข้า พี่เจาตี้รอพวกเจ้ามาสักพักแล้ว" เสียงอ่อนโยนของแม่เฒ่าเสิ่นเรียกหลาน ๆ ด้วยความเอ็นดู
อันหมิงรีบวิ่งไปหาท่านย่าพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มจนลักยิ้มขึ้น ข้างหลังมีพี่ชายอย่างอี้หมิงเดินตามไปเงียบ ๆ
"ท่านย่า ข้าจะช่วยเองขอรับ ท่านย่าเหนื่อยหรือไม่"
อันหมิงเก็บฝักข้าวโพดด้วยสองมือเล็กพยายามใส่ลงไปในตะกร้า ส่วนอี้หมิงแม้ยังคงเงียบขรึม แต่ก็เดินตามไปช่วยน้องชายอย่างขยันขันแข็ง
"เห็นหน้าพวกเจ้าย่าก็หายเหนื่อยแล้ว" แม่เฒ่าเสิ่นหัวเราะเบา ๆ เอื้อมมือลูบศีรษะหลานชายตัวน้อย
ในแปลงนาหยางเฟิงกับหยวนอีทำงานไปหัวเราะไป ส่วนหยางรุ่ยที่กลับจากงานคุ้มกันก็ก้มหน้าก้มตาทำงานช่วยคนในครอบครัว ข้างกายมีเหรินซินผู้เป็นภรรยาทำงานอยู่ แม้สีหน้าบ่งบอกถึงความไม่เต็มใจ แต่มือก็ช่วยหักฝักข้าวโพดอย่างปฏิเสธไม่ได้
"ปีนี้ข้าวโพดของเราได้ผลผลิตดีมากนะเจ้าคะท่านพี่" หยวนอีกเอ่ยกับสามี
"ใช่ ผลผลิตดีค่าตอบแทนก็ต้องสูงตามไปด้วย อาเซียว อีกเดี๋ยวช่วยแม่ของเจ้ายกตะกร้าไปเทให้ท่านปูท่านย่าปอกเปลือกได้เลยนะ" หยางเฟิงหันไปพูดกับลูกชายวัย15 ปีที่กำลังหักข้าวโพดอยู่ไม่ไกลนัก
"ขอรับท่านพ่อ"
"เดี๋ยวอาช่วยเจ้าเองอาเซียว" หยางเฉิงรีบยกตะกร้าช่วยหลายชายอีกแรงหนึ่ง
"ขอรับอาเล็ก"
"สบายหน่อยก็เป็นเมียของเจ้านี่แหละนะน้องสาม ข้าล่ะอิจฉาจริง ๆ ที่นางมีสามีเชื่อง ๆ ยอมตามใจทุกอย่างแบบเจ้า"
เหรินซินสะใภ้คนรองหาเรื่องจิกกัดเหน็บแนมหยางเฉิงตลอดเวลา เขาต้องอดทนไม่น้อยที่ผู้คนต่างก็พูดเหมือนเขาเป็นคนโง่ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาทนเพื่อลูกเท่านั้น
"พี่สะใภ้ก็แปลก ปากก็บอกว่านางไม่ดี แต่ก็ยังพูดว่าอิจฉานาง ท่านอยากเป็นเหมือนนางหรือ? ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ยากหน่อย เพราะนางงดงาม แต่ท่าน...เทียบไม่ได้"
พูดจบหยางเฉิงก็ยกตะกร้าเดินออกไปจากแปลงนาทันที ส่วนอาเซียวที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่สูดปากด้วยความสะใจ
"เจ้า! เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไงน้องสาม เจ้าช่างไม่เคารพพี่สะใภ้จริง ๆ" เหรินซินได้แต่ตะโกนไล่หลัง
"ก็เป็นเจ้าไม่ใช่เหรอสะใภ้รองที่จุดชนวนระเบิด ทุกคนต่างก็รู้ว่าหยางเฉิงเป็นคนไม่ค่อยพูด พอเห็นเขาไม่ถือสาเจ้าก็ได้ทีพูดใหญ่ พอเขาทนไม่ไหวตอบโต้กลับมาบ้าง เจ้ากลับรับไม่ไหวเสียนี่ เจ้ารอง เจ้าต้องดูแลปากของภรรยาเจ้าให้ดี"
หยางเฟิงพูดจบก็หันไปหักฝักข้าวโพดต่อ ตอนนี้มีเพียงหยางรุ่ยเท่านั้นที่จ้องภรรยาอย่างไม่พอใจ
"ปากของเจ้ามันช่างยื่นยาวจริง ๆ คราวหลังถ้ายังควบคุมปากตัวเองไม่ได้ ก็ไม่ต้องกินข้าวแล้ว มีแรงก็เที่ยวพูดไม่ดีไปทั่ว"
สิ้นเสียงของสามีใบหน้าของเหรินซินก็สลดได้เพียงครู่เดียว พอสามีเดินจากไป นางก็หันไปมองน้องชายสามีเช่นเดิม
"ฝากไว้ก่อนเถอะ ข้าไม่ยอมเสียเปรียบนังซือหยาแน่ ๆ เหตุผลอะไรข้าถึงต้องออกมาทำงานจนเหนื่อย ส่วนนางเอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ สบายใจ"
