บทที่ 3.2 เซฟเฮ้าส์
โกดังเก่าที่ถูกดัดแปลงมาเป็นอู่ซ่อมรถ มีรถเก่าผุพังจอดอยู่หลายคัน หากใครไม่รู้คงมองเป็นเพียงซากรถ แต่เจ้าของอู่รู้ดีว่ารถพวกนี้เป็นรุ่นเก่าหายากราคาแพง
ชายหนุ่มร่างสูงกำยำที่เปื้อนน้ำมันสีดำและเหงื่อไคลกำลังถอดเสื้อออกเพื่อคลายความร้อนจากอากาศของวันนี้ มัดกล้ามหนามันวาวแข็งแกร่งไม่เข้ากับผิวขาวของเขาเลย
“พี่แดนว่าไอ้คันนี้มันจะวิ่งได้จริงๆ เหรอพี่ เครื่องเก่าขนาดนี้”
“เว้ยไอ้นี่...กูเป็นใครจะมาโกหกมึงทำไมไอ้ดิ่ง โมมันซักหน่อยก็วิ่งฉิวแล้วมึง” แดน หรือแดเนียล โยนผ้าที่เพิ่งซับเหงื่อใส่ลูกน้อง เขากำลังซ่อมรถคันโปรดที่ดันมาพังเอาตอนที่กำลังจะลงสนามแข่ง ทำให้เสียหน้ากับคู่แข่งเอามาก แดเนียลมั่นใจว่าเขาเช็คเครื่องอย่างดีก่อนลงสนาม แต่มันดันพลาดจะคิดว่าคู่แข่งเล่นตุกติก เขาก็อยู่กับรถแทบจะตลอดเวลา แถมไอ้ดิ่งลูกน้องยังอยู่แทบจะติดกับรถเลย
“เชื่อก็เชื่อ...ถ้าไม่เชื่อพี่แดนแล้วจะไปเชื่อใครจริงไหม๊ ฮ่าๆ”
“เครื่องแม่งยังดี แต่ไม่รู้วันนั้นมันเสียได้ยัง” ดิ่งอ้าปากน้อยๆ เขากรอกตามองลูกพี่ก่อนจะมีเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาที่ใบหน้า “นี่มึงร้อนมากเหรอวะ เหงื่อเชียว”
“อะ เอ่อ ใช่พี่ โคตรร้อน อากาศบ้านเรามันยังไงนะ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ฝันสักครั้งให้หิมะตก”
“มึงก็ฝันต่อไปเถอะไอ้ดิ่ง”
“โอ๊ย อะ โอ๊ย ชะ ช่วยด้วย”
“เฮ้ย มึงได้ยินไหม๊ เสียงใครวะไอ้ดิ่ง” ลูกพี่กับลูกน้องหันมองหน้ากัน แล้วค่อยๆ เดินไปยังต้นตอของเสียง
“คนตายพี่แดน คนตาย” ดิ่งร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก
“ไอ้บ้า มันยังไม่ตาย มึงดูดีๆ สิวะ มันยังหายใจอยู่เลย...มาช่วยกูแบกมันเข้าไปข้างในหน่อย เร็วไอ้ดิ่ง” แดเนียลหันไปกระแทกเสียงใส่ลูกน้องที่กำลังตื่นตระหนก
คนบาดเจ็บถูกแบกเข้ามาวางที่โซฟาตัวเก่าๆ ร่างกายบอบช้ำ มีรอยเขียวช้ำเต็มไปหมด ปากแตกมีเลือดซึมออกมา เปลือกตาปูดโปน คิ้วมีรอยแตกแต่ไม่ลึกมากแถมยังมีไข้ เพราะเขานอนเนื้อตัวสั่นปากซีดแดเนียลไม่รู้จักเขามาก่อน แต่เมื่อเห็นคนเจ็บอยู่ตรงหน้าก็ต้องช่วย เขาพยายามเรียกแต่คนเจ็บไม่รู้สึกตัว
ผ้าชุบน้ำเช็ดเนื้อตัวให้ก่อนที่จะทายาปาดป้ายแผล บาดแผลค่อนข้างเยอะที่ละเล็กที่ละน้อย ดีที่เขาหลับอยู่ไม่งั้นคงโวยวายดิ้นหนีเป็นแน่ มือหนาป้ายยาลงที่แก้มเขียว เขาสัมผัสถึงความนุ่มนิ่มของเด็กหนุ่ม นึกสงสารจับใจยังเด็กอยู่แท้ๆ ไม่น่าจะโดนใครทำร้ายขนาดนี้ เรียวปากบวมเจ่อขยับตามแรงนิ้วที่เกลี่ยแล้วอยู่ๆ หัวใจของชายหนุ่มทั้งแท่งก็สั่นระรัวเต้นโครมคราม ทำไมปากนั้นช่างน่าจูบจริงๆ
“เป็นบ้าอะไรของมึงวะไอ้แดน เสียชาติเกิดหมดมึง” แดเนียล พยายามควบคุมร่างกายของตัวเอง เขาถอยออกไปนั่งห่างๆ เฝ้าอาการคนเจ็บ พลางนึกในใจว่าควรจะแจ้งความดีไหม แต่คิดไปคิดมามันไม่ใช่เรื่องของเขาเลย รอให้เด็กคนนี้ฟื้นก่อนค่อยว่ากัน
ร่างเล็กขยับตัวพยายามพลิกตัวแต่มันปวดร้าวไปทั้งตัวราวกับร่างกายของเขากำลังจะแตกสลาย แถมยังรู้สึกร้อนหนาวสลับกัน หัวก็แทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงปวดมึนไปหมด เขายังไม่สามารถปรือตามองได้เพราะมันคงบวมปูด แต่รับรู้ว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ หรือจะเป็นไอ้พวกนักเลงที่ไล่ฆ่าเขาเมื่อวาน หัวใจเด็กหนุ่มสั่นด้วยความหวาดกลัว ปากพยายามขยับพูดขอความเมตตา
“ยะ อย่าทำผมเลย อย่าเลยพี่ผมขอร้อง” แดเนียลมองร่างบอบช้ำ เขารีบเขย่าร่างนั้นให้รู้สึกตัว
“น้องๆ เป็นอะไรหรือเปล่า ลืมตาสิ”
“อย่าทำผม...ผมกลัวแล้ว” เขาหวาดกลัวอะไรไม่รู้ แต่คงจะกลัวมากเพราะเนื้อตัวสั่นเทามีเหงื่อไหลซึม
“เฮ้ย ตื่นสิเว้ย...ที่นี่ไม่มีใครทำอันตรายนายหรอกนะ บ้านฉันปลอดภัย ตื่น ตื่น” เมื่อได้ยินว่าปลอดภัย เขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองอย่างยากลำบาก
“โอ๊ยเจ็บ”
“ค่อยๆ ไหวไหม๊” เสียงนุ่มทำให้เขารู้สึกปลอดภัยจริงๆ
“ที่นี่ที่ไหน...ผะ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เมื่อพยุงให้คนเจ็บนั่งแล้ว แดเนียลก็ตั้งต้นเล่าเรื่องที่เขาพบเจอร่างบอบช้ำนอนหมดสติอยู่
“มึงเป็นใครวะ ชื่ออะไร...แล้วใครทำร้ายมึง”
“ธันวา ผมชื่อธันวา...ผมโดนนักเลงมันรีดไถแล้วก็ซ้อมเอา กว่าจะหนีออกมาได้” ธันวาโกหก เขาไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไว้ใจได้แค่ไหน กับความลับที่เขาต้องเก็บเอาไว้เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง แค่คิดถึงตอนที่ถูกทำร้ายเขานี่อยากจะตายไปเลย มันเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน
“มันซ้อมขนาดนี้เลยเหรอวะ ไม่เกินไปหน่อยหรือไง พวกไหน”
“เอ่อ คนที่มันกระทืบผมมันบอกว่าลูกพี่ของมันชื่อดำใหญ่ เป็นขาใหญ่แถวนี้ พี่รู้จักหรือเปล่า” แดเนียลหันขวับมาทางธันวา สายตาจ้องเขม็ง
“มึงโกหก”
“เฮ้ย เปล่านะ โอ๊ยๆ” เมื่อรีบเร่งพูดเขาจึงเจ็บแปล๊บทันที “พวกมันจริงๆ ที่ทำร้ายผม”
“เออ กูรู้ว่ามันอาจจะทำร้ายมึง...แต่เรื่องรีดไถไม่ใช่แน่ๆ คนอย่าไอ้ดำใหญ่ เรื่องแค่นี้มันไม่ทำหรอกเว้ย มึงโกหกกูทำไม มึงบอกความจริงกูมา ก่อนที่กูจะโยนมึงออกไปจากร้านของกู” ธันวาใจหายวาบ ผู้ชายคนนี้รู้จักดำใหญ่หรือจะเป็นพวกเดียวกัน
“มะ ไม่ได้โกหกนะพี่ อะ โอ๊ย ซี้ด”
“อย่ามาปากแข็ง นี่กูช่วยชีวิตมึงนะเว้ย”
“ผะ ผม” ไม่รู้จะเอายังไงดี สับสนและหวาดกลัว เขากลัวจะหนีเสือปะจระเข้จริง สายตาดุดันจ้องมองคาดคั้นคำตอบ
“มึงเล่ามาดีๆ กูไม่ใช่พวกเดียวกับไอ้ดำใหญ่หรอก ถ้ากูเป็นพวกเดียวกับมันกูฆ่ามึงตั้งแต่เจอ ไม่ต้องให้มึงมานั่งพูดอยู่ตรงนี้หรอกเว้ย” มันก็จริงหรือเขาจะยอมเล่าทุกอย่าง เผื่อว่าจะมีคนช่วยเขาได้ ธันวาตรึกตรองในใจ เขากวาดตาไปรอบๆ อู่ซ่อมรถเผื่อว่าจะมีใครแอบเข้ามาฟังเขาในเวลานี้ “เออ กูลืมไปว่ามึงยังเจ็บอยู่ ถ้ามึงไม่พร้อมจะเล่าก็ไม่เป็นไร ยังเจ็บอยู่พักให้หายก่อนก็ได้...แต่ว่ามึงต้องเล่าให้กูฟังทั้งหมด ไม่อย่างนั้นกูจะเรียกไอ้ดำใหญ่มาเอาตัวมึงไป”
“เฮ้ย ยะ อย่านะพี่ ผะ ผมกลัวแล้ว”
“กลัวห่าอะไร กูล้อมึงเล่น เอาเถอะไปพักซะ” พูดจบแดเนียลก็เดินออกไป ทิ้งให้ธันวานั่งครุ่นคิดครู่ใหญ่ก่อนจะเอนตัวลงนอน
