บทที่ 2.2 หมอหล่อหนูอยากได้
ก่อนออกจากบ้าน เธอก็โดนป้าดุด่าว่าร้ายมาเป็นชั่วโมง เธอจึงต้องโกหกว่ามาเที่ยวบ้านเพื่อน ไม่ได้บอกว่าจะมาต่างจังหวัดไม่อย่างนั้นอดมาแน่ๆ ป้าคงจะยึดเงิน ยึดกระเป๋าเดินทางให้เธอมาตายเอาดาบหน้าแน่ๆ กะรัตพอมีเงินติดตัวมาบ้างเพราะเธอทำงานพิเศษแถมเงินที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ ในส่วนที่ไม่ได้ถูกป้ายึดไว้ก็พอมีใช้บ้าง หญิงสาวได้ออกจากกรงแล้วคราวนี้เธอจะไม่ยอมกลับไปติดกรงอีกแน่ๆ เพราะไม่กี่วันข้างหน้าเธอจะบรรลุนิติภาวะแล้ว
“ที่นี่มีบ้านกี่หลังจ๊ะบัวไหล”
“ไม่รู้จ้ะ หนูไม่เคยนับ แต่ว่าชาวบ้านที่นี่มีกันแค่สองร้อยกว่าคนเท่านั้นเอง ไปทำงานในเมืองก็เยอะอยู่จ้ะ...พี่กะรัตมาจากกรุงเทพฯ ใช่ไหมจ๊ะ ที่นั่นสวยไหม”
“สวย แต่ไม่น่าอยู่เท่าบ้านของบัวไหลหรอกนะ...มีแต่ควันพิษ รถติด คนก็แย่งชิงริษยากัน...พี่น้องตีกัน ผัวเมียด่ากันไม่น่าฟังเลย”
“ที่บ้านนี้ก็มี...ผัวเมียด่ากันเรื่องธรรมดา ปู่บอกฉันแบบนั้น...ทางนี้มีร้านขายของชำ แต่มีของไม่มาก ถ้าพี่อยากได้อะไรก็มาซื้อร้านนี้ได้...อ่อ มีรถแผงเร่ขายของมาทุกวันศุกร์ ของใช้จากในเมืองสวยๆ ก็มีจ้ะ”
“พูดเก่งจริงเชียวบัวไหลนี่...ว่าแต่พ่อแม่ของบัวไหลอยู่บ้านหลังไหนล่ะ พี่อยากจะรู้จัก”
“หนูไม่มีพ่อแม่หรอกจ้ะ ตายกันหมดแล้ว หนูอยู่กับปู่มาตั้งแต่เด็กๆ”
กะรัตนิ่งเงียบ เธอเข้าใจความรู้สึกของบัวไหลเพราะเธอเองก็ขาดพ่อและแม่เหมือนกัน มันอ้างว้างยังไงเธอเข้าใจดี
“พี่ขอโทษนะที่ถาม...เอ๊ะ นั่นหมอโอฬาร จะไปไหนนะ”
“เลิกงานแล้วหมอโอจะกลับที่พัก...อยู่ใกล้ๆ บ้านพี่กะรัตนั่นแหละ อ่อ เย็นนี้ปู่ให้มาชวนไปกินข้าวที่บ้านปู่ เค้าจะเลี้ยงต้อนรับให้คุณครูกับพี่กะรัตด้วยนะจ๊ะ”
“อืม พี่จะกินให้พุงกางเชียว”
กะรัตกลับไปอาบน้ำที่บัวไหลตักมาใส่โอ่งเอาไว้ให้ก่อนแล้ว ตามด้วยเทียนหอมแล้วแต่งตัวเพื่อออกไปกินข้าวกับผู้ใหญ่บ้าน บัวไหลนั่งรออยู่หน้าบ้าน
“พร้อมแล้วจ้า”
“ฮืม หอมจังเลย...แป้งอะไรคะพี่กะรัตหอมติดตัว ชื่นใจจังเลย”
“นี่ถ้าเป็นผู้ชายมาพูดแบบนี้พี่คงเขินอายหน้าแดงไปแล้วล่ะบัวไหล ไม่ใช่แป้งแต่เป็นโคโลญจ์พี่ไม่ชอบน้ำหอมเลยใช้แบบนี้แทน กลิ่นติดไม่ทนเท่าแต่ว่าไม่แรงจนฉุน...ไปกันได้แล้วพี่หิวจะแย่”
“ตามมาเลยจ้ะ”
บ้านหลังไม่ใหญ่แค่พออยู่ได้สักสามถึงสี่คน ดวงไฟสีเหลืองนวลส่องสว่างแค่พอมองเห็นเจ้าของบ้านยืนอยู่หน้าบ้าน ใกล้แคร่ไม้ที่มีชายอีกคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว กะรัตจำได้ว่านั่งคอแพทย์หนุ่มที่เธอหลงละเมอหาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
“ปู่จ๋า หนูพาพี่สองคนนี้มาแล้วจ้ะ”
สองสาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่บ้านอย่างนอบน้อม คนสูงวัยยกมือรับไหว้และยิ้มรับ
“ไม่น่าเชื่อ อายุเท่านี้จะมาเป็นครูอาสาในป่าเขา...ไม่ชอบแสงสีในเมืองหรือไงแม่หนู”
“เบื่อแล้วค่ะ อยากเจอธรรมชาติกับเค้าบ้าง...ที่นี่อากาศดีจังเลยนะคะ ชาวบ้านก็กันเองเป็นมิตรกับพวกหนูมากเลยค่ะ”
“ฮ่าๆ ชาวบ้านก็แบบนี้ล่ะ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร...เอ้ามากินข้าวกันได้แล้ว ค่ำๆ อากาศมันเย็น”
อาหารพื้นเมืองธรรมดาตั้งรอให้สองสาวลงไปจัดการ สีสันดูไม่จัดจ้านสวยงามเหมือนอาหารฝรั่งในเมือง แต่กลิ่นก็หอมน่ากินจนกะรัตยิ้มพอใจ โอฬารที่นั่งรออยู่ขยับตัวเพื่อให้ทั้งสองนั่งลงด้วย กะรัตเพิ่งเห็นว่าเขาสวมเสื้อผ้าพื้นเมืองของที่นี่ ดูแล้วก็ยิ่งสง่างามจนวางตาไม่ลง
“นี่อะไรจ๊ะ เหมือนไก่ทอดซีอิ้วเลย...หอมน่ากินจัง”
เทียนหอมหยิบอาหารเข้าปากตามเพื่อน เธอเคี้ยวแล้วรู้สึกถึงความแปลก ส่วนกะรัตกินอย่างอร่อยหยิบเข้าปากอีกคำ
“เนื้อกระต่าย”
“ห๊า กระต่าย อะ อ๊วกๆ อี๋เอามากินได้ยังไง อ๊วกๆ”
“เอ้าคุณ เสียของนะ...นานๆ จะได้กระต่ายมากินอ้วกทิ้งแบบนี้เสียของแย่”
“หมอโอไปแกล้งพี่กะรัตทำไมจ๊ะ...นั่นไม่ใช่กระต่าย มันคือเนื้อวัวจ้ะพี่กะรัต”
“โธ่ หมอโอแกล้งกันแบบนี้ได้ยังไง...เอ๊ะ ยังจะมาหัวเราะอีก หลอกได้แค่ครั้งเดียวนะ”
โอฬารหัวเราะน้อยๆ พอเห็นหญิงสาวหน้างอเขาก็หุบยิ้ม ใบหน้าเวลาโกรธน่าเอ็นดูเหมือนเด็กน้อยๆ สายตาเง้างอนทำให้เขาต้องแอบลอบมองเธออยู่ตลอดมื้อค่ำนี้ โอฬาร
