บทที่ 2.1 (กระดังงายั่วรัก)
จันทร์กะพ้อในชุดเดรสสีแดงสดรัดรูปเดินอวดทรวดทรงองเอวเข้ามาในห้องทำงานของบริษัทผลิตชุดชั้นในที่เธอทำงานอยู่ หญิงสาวลางานไปเพราะยังไม่ฟื้นดีจากการดื่มสุราติดต่อกันอย่างหนัก ด้วยวัยยี่สิบเก้าปลายๆ กับการสูญเสียสามีไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอดูร่วงโรยลงไป กลับตรงกันข้ามยิ่งเธอแต่งตัวจัดจ้านเธอเหมือนกระดังงารนไฟหอมฟุ้งโชยไปทั่วทุกทาง เพราะตั้งแต่เดินเข้ามามีแต่ผู้ชายจับตาจ้องมองเธอไม่กระพริบตา
“ว๊ายๆ นึกว่านางฟ้าที่ไหน ที่แท้แม่หม้ายหมาดๆ”
เสียงทักทายของเพื่อนร่วมงานดังมาตั้งแต่หญิงสาวเพิ่งก้าวพ้นประตู ร่างสูงกำยำของสาวประเภทสองที่ตัวใหญ่จนชายหนุ่มต้องเกรงกลัว
“เจ้ลิลลี่ทักให้มันดีหน่อยสิ คนยิ่งเซ็งๆ”
“อะไรยะ หยุดงานตั้งหลายวันยังเซ็งอีก นี่รู้ไหมที่นี่เขามาข่าวดีกันแค่ไหน”
“ข่าวดีอะไรอีกล่ะ เงินเดือนออกแล้ว หรือบอสเขาไล่เจ้ออก”
“อ๊าย ปากหรือเนี่ย สาธุปากแบบนี้ขอให้หาผัวไม่ได้”
จันทร์กะพ้อได้คำแช่งรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง กรอกตาไปมาหยอกล้อชาลีสาวประเภทสองร่างใหญ่ยักษ์แถมหนวดเคราครึมยิ่งกว่าหนุ่มๆ
“โธ่ เจ้ขอโทษค่ะ มีอะไรรีบบอกมาสิคะ”
“เชอะ เออๆ บอกก็ได้ บริษัทเรามีบอสใหม่แล้วยะ ตอนนี้ลูกชายคนเดียวของคุณรุ่งรัตน์กลับมาบริหารงานแทนท่าน โอ๊ยๆ เจ้ตื่นเต้นมาเลยวันนี้เราจะได้เจอบอสคนใหม่ชัดๆ ซะที”
“นี่คุณรุ่งรัตน์จะวางมือจากงานจริงๆ เหรอเจ้ลิลลี่...คงเป็นจันทร์สินะที่ทำให้ทุกอย่ามันต้องเป็นแบบนี้”
“จะโทษตัวเองทำไมในเมื่อพวกเราทุกคนก็ไม่มีผลงานที่ช่วยกระตุ้นกิจการมานานแล้ว...เอาเถอะ บอสคนใหม่อาจจะมีแผนการดีๆ ช่วยกู้หน้าให้เรา”
ช่วงบ่ายของวันพนักงานแต่ละฝ่ายต้องเข้าร่วมประชุมครั้งแรกในรอบหลายเดือน จันทร์กะพ้อกำลังเดินเข้าประตูห้องประชุม แต่กลับชนเข้ากับอีกร่างหนึ่งที่พยายามเบียดเสียดตัวเองให้เข้าไปภายในห้องนั้นก่อนเธอ หญิงสาวเหลือบตามองอย่างหงุดหงิดใจเมื่อรู้ว่าคนๆ นั้นคือ ปิยะมาศ คู่ปรับอันดับหนึ่งของเธอ
“เกะกะ คนไม่มีผลงานยังไม่เจียมตัว ฮึ คงได้โดนไล่ออกแน่”
“ดะ เดี๋ยวๆ ยัยจันทร์เข้าประชุมก่อนที่จะทำสงครามเถอะ ไม่งั้นได้โดนกันหมดนี่”
ชาลีเข้ามาห้ามปรามทันก่อนที่จันทร์กะพ้อจะเปิดศึกวาจาใส่ปิยะมาศ สายตาคู่สวยขุ่นเขียวตวัดมองคู่แข่งอย่างเอาเรื่อง แต่ทุกอย่างก็ต้องกลบเกลื่อนไวเมื่อหัวหน้าแต่ละฝ่ายเข้ามาพร้อมกันแล้ว
“ที่เชิญทุกคนมาวันนี้ก็เพื่อทำความรู้จักกับท่านประธานคนใหม่ พร้อมรับฟังนโยบายใหม่ของท่าน”
สุจิตต์พนักงานที่ดูอาวุโสที่สุดเป็นคนกล่าวเปิดการประชุม เขามองออกไปทางประตูเมื่อชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา ทุกคนในห้องต่างพากับตกตะลึงไม่เว้นแม้แต่จันทร์กะพ้อ เธอถึงกับอ้าปากค้าง ตาลุกวาว ร่างสูงกำยำ ในชุดสูทสีเข้ม เข้ากับใบหน้าที่โดดเด่นคมเข้ม หล่อเหลาจนสาวๆ ต่างพากันจับจ้องตาเป็นมัน หญิงสาวมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก เธอจำไม่ผิดแน่ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเธอคือคนๆ เดียวกับที่มอบความเร้าร้อนให้กับเธอในคืนนั้น
“เห็นไหมหล่อล่ำ น่าขย่ำจนแกตะลึงเลย ยัยจันทร์”
“เจ้ เคยดวงซวยที่สุดแบบฉุดไม่อยู่ไหม”
คิ้วดกหนาของชาลีขมวดเข้าหากัน เขามองจันทร์กะพ้อด้วยความสงสัยในคำถาม ใบหน้าขาวยิ่งซีดหนักเมื่อประธานคนใหม่เดินเขามายืนอยู่หน้าห้องประชุม เขาเองก็กวาดสายตามองรอบห้อง และมาสะดุดอยู่ที่หญิงสาว เธอเริ่มปากสั่น คอแห้งผาด มือเรียวลูบผมหน้าให้ลงมาปิดใบหน้าพรางไม่ให้เขาจำเธอได้
“คุณรวิ อาทิตยมาศ ประธานคนใหม่ เชิญครับคุณรวิ”
เสียงปรบมือต้อนรับดังพอเป็นพิธี ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ให้หัวหน้าฝ่ายต่างๆ ก่อนจะขยับเน็คไทของตัวเองให้เข้าที่ เขากระแอมเบาที่สุดอย่างคนประหม่า
“ขอบคุณมากครับ ตอนแรกผมกลัวจะทำงานที่นี่ได้ไม่ดี แต่ตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองวิตกเกินไป งานที่นี่คงจะสนุกไม่น้อย และผมจะทำให้มันคึกคักกว่าเดิม”
เขาปรายตามองมาทางจันทร์กะพ้ออีกครั้ง สายตาคมกริบทอประกายความเจ้าเล่ห์ มุมปากกระตุกยิ้มให้หญิงสาวเป็นเชิงย้ำเตือนเรื่องระหว่างกันและกัน
