เทพบุตรหัวใจห้าวรัก / ตอนที่ 1
“ฉันจะทำยังไงกับแกดีนะ ไอ้... ไอ้ลูกบังเกิดเกล้า!”
นัยน์ตาเข้มคมของชายวัยห้าสิบต้นๆ ขณะเขม้นมองหน้าขาวสะอาดคมสันของบุตรชายฉายแววอ่อนระอาใจเป็นที่สุด
“ไม่ต้องทำยังไงเลยฮะ”
เสียงตอบกลับมาเรียบๆ ประกอบกิริยายกไหล่ทำให้คนเป็นพ่อแทบตาถลน
“แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ ฮึ! ไม่ต้องทำยังไง แกรู้ไหม? ฉันน่ะแทบจะไม่อยากพบหน้าผู้คนเขาแล้วเพราะอายที่มีลูกชายอย่างแกนี้แหละ!”
เสียงห้าวห้วนของคนเป็นพ่อเป็นไปอย่างกระแทกกระทั้น
“มีลูกอย่างผมก็ดีไม่ใช่เหรอฮะพ่อ สาวๆชมกันทั้งนั้นว่าผมน่ะรูปหล่อ แสนดี ใจกว้าง เปย์ไม่อั้น แล้วพวกผู้ใหญ่รุ่นป้าน้าอาก็พูดเป็นเสียงเดียวกันเด๊ะๆ ว่าผมเหมือนพ่อยังกะโขกออกมาทั้งรูปร่างหน้าตานิสัยใจคอ ยังงี้แล้วพ่อยังไม่ภูมิใจในตัวลูกชายสุดที่รักคนเดียวในโลกอีกเหรอฮะ”
“ไอ้...”
“อ๊ะ! อ๊ะ! อย่านะพ่อ จำได้อ๊ะเป่า แม่ไม่ชอบให้พูดคำหยาบ ต้องพูดจาสุภาพ แล้วการที่พ่อจะมาเรียกลูกไอ้นั่น ไอ้นี่ แม่ต้องว่ายิ่งกว่าไม่สุภาพแน่ๆเลย”
“แกไม่ต้องเอาแม่แกมาขู่ชั้น!”
ถึงโทนเสียงท้ายประโยคจะสูงไปหน่อย แต่กังวานเสียงในรูปประโยคโดยรวมก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดยามเอ่ยถึงภรรยา
ลูกชายซ่อนยิ้มในหน้าภายใต้สีหน้าไม่รู้สึกรู้สา ที่ตนกำลังทำให้ความดันของบิดาพุ่งปรี๊ด เนื่องจากพฤติกรรมของตน ที่พูดโดยรวมแล้วก็ต้องว่าเสเพลนั่นแหละจึงจะเข้าไส้เข้าพุง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เที่ยวตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก แต่การทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัย ลอยไปลอยมาไปวันๆ หรือไม่ก็ เข้าผับ คลับ บาร์ ควงสาวไม่ซ้ำหน้า หาความสำราญใส่ตัว ผลาญเงินพ่อแม่ โดยไม่คิดจะทำอะไรไปมากกว่านี้ ก็น่าจะเข้าข่าย
“พ่อพูดแบบนี้แปลว่าพ่อไม่กลัวแม่งั้นหรือฮะ”
ลูกชายคนเดียว แต่ไม่ใช่ลูกคนเดียวเพราะเขายังมีน้องสาวอีกคน ทำเสียงยั่วบิดา
“ฉันไม่เคยกลัวแม่แก แกอย่าพูดมาก!”
ผู้เป็นพ่อวางมาดไว้ภูมิ เชิดหน้าเชิดตาเหมือนจะย้ำว่าตัวเขานั้นไม่เคยเลยที่จะกลัวภรรยา
“ไม่กลัวก็ดีแล้วฮะ ดูเหมือนแม่จะมั่นแล้ว แม่คร๊าบ... พ่อบอกว่า...”
“ไอ้ภีม! ถ้าแกขืนพูดมากเป็นอันว่าที่แกขอ...อด!”
พ่อเลี้ยงภาวัสทำเสียงขู่บุตรชายประกอบตาถมึงทึง บอกให้คนเป็นลูกรู้ว่า‘ฉันเอาจริงนะแก’
ภีมวัจน์ชำเลืองไปทางแม่กับน้องสาววัยรุ่นของเขาที่กำลังเดินใกล้เข้ามา ด้วยท่าทีระมัดระวัง แต่พอหันกลับมาที่บิดาก็ทำหน้าทะเล้น เมื่อระบุจำนวนตัวเลข
“ห้าหมื่นนะป๊ะป๋า”
“ไอ้ลูกล้างลูกผลาญ! ตะกี๊แกขอฉันแค่สาม ฉันไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์นะ”
คนเป็นพ่อยันด้วยน้ำเสียงเบาลง
ภีมวัจน์รู้ว่าบิดาไม่กล้าโวยวายให้ภรรยาได้ยิน ซึ่งก็คือแม่สุดที่รักของเขา แต่เขาเองก็พลอยลดเสียงตามไปด้วย
พ่อน่ะเขารักเคารพแต่ไม่เคยกลัว แต่แม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทั้งรักทั้งเกรง บางครั้งก็ต้องพูดว่าครั่นคร้ามแม่เอามาก-มาก นั่นเลย
แม่ของเขาไม่ใช่ผู้หญิงน่ากลัว ตัวก็เล็กนิดเดียว เมื่อเทียบกับเขา กับพ่อ แต่พ่อลูกต่างลงความเห็นตรงกันว่าผู้หญิงตัวเล็กๆนี้แหละน่ากลัวกว่าผู้หญิงตัวโตๆ หรือแม้แต่ผู้ชายอกสามศอกเพศเดียวกับพวกเขา
น้อยครั้งที่แม่จะขึ้นเสียงโวยวาย แม่พูดจานุ่มนวลอ่อนหวานกับทุกคน แต่ยามเอาจริง เสียงนุ่มๆจะเต็มไปด้วยความเฉียบขาด
กับเขา กับพ่อ เวลาอารมณ์ดีๆแม่มักจะพูดว่า“เหลือขอพอกัน!”
แม่ไม่เคยดุด่าแต่ทั้งเขาและพ่อจะพากันเกิดอาการหนาวๆร้อนๆ ยามที่แม่พูดเสียงเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ ยิ่งยามใดที่แม่เสียงเบาลง เย็นลง เมื่อนั้นแหละ แม้แต่พ่อยังไม่กล้าสบตาแม่
ความโกรธของแม่เหมือนน้ำแข็ง ขณะที่พ่อชอบโวยวาย บางทีก็ฮึ่มฮั่มๆเป็นภูเขาไฟพร้อมปะทุแต่ไม่เคยพ่นลาวา
พ่อไม่เคยตีเขา ทั้งที่ทำท่าจะทุบกบาลเขาหลายครั้ง เวลาเขาทำให้พ่อโกรธ
แต่แม่...
ตั้งแต่เด็กมาแล้ว แม่จะตักเตือนเขาก่อน เวลาเขาซุกซนทำข้าวของเสียหาย หากมีครั้งที่สามในความผิดรูปแบบเดิมๆ แม่จะเรียกเขาไปยืนตรงหน้าแล้วถาม “รู้ใช่ไหมว่าทำผิดอะไร และแม่ก็เคยเตือนแล้ว” พอเขาตอบว่า “รู้ครับ” แม่จะถามต่อว่า “เห็นสมควรใช่ไหมที่จะถูกทำโทษ” เขาพยักหน้า ตอบ “ครับ” จากนั้นแม่จะให้เขายืนกอดอก ตัวตรง
แม่ไม่ได้เฆี่ยนตีเขารุนแรง สิ่งที่แม่ใช้ทำโทษก็แค่ก้านทางมะพร้าวเหลาเกลี้ยงมัดรวมกันห้าอัน
เขาแค่เจ็บๆคันๆ แต่ที่ทำให้เขาทนไม่ได้คือ พอลงโทษเขาแล้วแม่จะเข้าห้องปิดประตูไปนั่งร้องไห้ เพราะแม่รักลูก ไม่เคยอยากทำให้ลูกเจ็บ
เขารู้ว่าแม่รัก หวังดีกับเขา ซึ่งเขาก็พยายามทำตัวดี แต่ทำได้ไม่ทน ก็จะดีแตกแล้ว
คุณย่าของเขา ที่ขณะนี้เกษียณตัวเองจากงานบริษัท หลังมอบทุกอย่างให้พ่อเขาจัดการดูแล มักจะพูดว่า... “พ่อลูกไม่ได้ผิดกันเล๊ย!”
เมื่อยังเด็กเขาก็ไม่เข้าใจจนเริ่มโตถึงได้รู้ว่าที่คุณย่าพูดอย่างนั้น หมายความยังไง
ก็...ประวัติตั้งแต่ครั้งยังเยาว์ กระทั่งเติบโตเป็นหนุ่มก่อนจะพบกับแม่ ของพ่อน่ะหยอกซะเมื่อไหร่
ตั้งแต่นั้นมาเวลาเขาทำอะไรแบบว่า...ออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แล้วถูกบิดาดุว่า เขาจะพูดทันทีว่า“ก็ผมลูกพ่อนี่ฮะ”
แม่เขาจะนั่งหัวเราะคิกๆชอบอกชอบใจที่เห็นพ่อทำหน้าเหมือนกินบอระเพ็ดเข้าไปทั้งเครือ
“ทะเลากันอะไรอีกล่ะ พ่อลูก เสียงดังลงไปถึงชายป่าโน่นแน่ะ”
เสียงใสๆจากผู้หญิงตัวบางๆถามมาก่อนจะเดินเข้ามาถึงพ่อ-ลูก
น้องสาวเขาเดินทำหน้ายิ้มๆ เยื้องหลังแม่ ตามมาติดๆ
“ไม่มีอะไรฮะ”
“ไม่มีอะไรจ้ะ”
พ่อ-ลูกตอบด้วยรูปประโยคที่มีความหมายเดียวกัน
แม่เลี้ยงอุชเชนียิ้ม มองพ่อลูกขันๆ
มองลูกชายคราใดหล่อนต้องยอมรับว่าเหมือนย้อนอดีต เมื่อครั้งที่ได้พบพ่อของลูกเป็นครั้งแรก
ชายหนุ่มหน้าตาสะอาดคมสัน มาดสำอาง ไม่เอาไหนจนถูกมารดาเนรเทศจากเมืองมาอยู่ป่า เพื่อดัดสันดานเผื่อจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง และหล่อนก็คือคนที่ต้องรับหน้าที่ครูดัดสันดาน
หล่อนรู้ว่าที่ชายหนุ่ม ซึ่งต่อมากลายมาเป็นพ่อของลูกสองคนของหล่อน ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองได้จนกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี เป็นสามีและพ่อที่ดี ก็เพราะเขายังมีดีอยู่ในตัว
ที่สำคัญ ความรักนั้นเองทำให้เขาเปลี่ยนเป็นคนใหม่
เวลาผ่านมาแล้วยี่สิบสามปีเต็มๆ ลูกชายของหล่อนกับเขาอายุย่างยี่สิบสอง ลูกสาวสิบหกย่างสิบเจ็ด ความรักที่สามีกับหล่อนมีต่อกันไม่เคยเปลี่ยนแปลง และไม่เคยลดน้อยถอยลง มีแต่จะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น
หล่อนไม่หวังอะไรอีกแล้วในชีวิตนี้ นอกจากอนาคตที่ดีของลูกๆ
ลูกสาว หล่อนไม่ห่วง อุรัสยาอุปนิสัยคล้ายไปทางคุณย่า เอาการเอางาน มีความตั้งใจจริงที่จะทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำให้สำเร็จ ผิดกับพี่ชาย...
ภีมวัจน์ช่างเหมือนพ่อสมัยยังหนุ่ม ก่อนพบนางในดวงใจอะไรอย่างนั้นก็ไม่รู้
ทั้งรูปร่างหน้าตารวมถึงอุปนิสัยใจคอ ไม่มีผิดแผกแตกต่างกันเลย หล่อนในฐานะคนเป็นแม่ก็ได้แต่หวังว่า เมื่อเขาเจอใครสักคนที่รู้สึกว่าถ้าพลาดจากคนนี้ชีวิตจะหมดความหมาย เขาจะรู้จักดึงเอาส่วนดีๆออกมา ลบส่วนที่บกพร่องทั้งหลายให้หมดไป
ถ้าหล่อนโชคดีอย่างที่หวัง ครอบครัวเล็กๆจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ลูกชายจะเข้ามารับภาระหน้าที่การงานต่างๆ ไปจากผู้เป็นพ่อ เพื่อให้คนเป็นพ่อได้พักบ้าง
หล่อนกับสามีจะมีสะใภ้เข้ามาเป็นส่วนประกอบในครอบครัว
มีเจ้าตัวเล็กๆ มาคอยเรียก คุณปู่คุณย่า
ส่วนคุณตาคุณยายนั้น เห็นทีจะยังอีกหลายปี
อุรัสยาบอกกับพ่อแม่แล้ว ว่าตั้งใจจะเรียนให้ได้ปริญญาเอก มีคำว่าดอกเตอร์นำหน้าชื่อ ซึ่งก็คงทำได้สำเร็จเพราะลูกคนนี้เป็นคนตั้งใจจริง
แม่เลี้ยงอุชเชนีกลับไปมองหน้าขาวคมสันของบุตรชาย เชื่อมั่นเช่นกันว่าภีมวัสจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง ไม่ว่าในเรื่องอะไร หล่อนก็แค่ต้องรอวันนั้น...วันที่บุตรชายคนเดียวเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริง
