3
“เดี๋ยวพี่ประคองพาไปทำแผลที่กระท่อมครับ ไม่ไกลจากตรงนี้มากครับ มาครับ” เขายกจักรยานของเธอขึ้น ก่อนจะเป็นคนปั่นเสียเอง เธอไม่ได้ปฏิเสธเพราะปวดเข่าจึงนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานให้เขาปั่นไปที่กระท่อม
กระท่อมหลังน้อยของเขามีอุปกรณ์ครบครัน ทำให้เธออดที่จะเอ่ยชมออกมาไม่ได้
“กระท่อมของพี่หนึ่งน่ารักจังเลยนะคะ น่าอยู่ด้วย”
“ถ้าอยากมานั่งเล่นนอนเล่นก็มาได้ทุกเมื่อครับ” เขานำอุปกรณ์ปฐมพยาบาลมาทำแผลให้เธอ
เธอนิ่วหน้าซี้ดปาก ทำให้เขาต้องเงยหน้ามอง
“ขอโทษนะครับ พี่จะทำให้เบามือที่สุด”
“พี่หนึ่งมือเบามากค่ะ แต่เพราะมันแสบน่ะค่ะหยาดเลยร้อง” เธอเอ่ยบอก พลางมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังทำแผลให้เธออย่างตั้งใจ พอเขาเงยหน้ามองเธอก็เสไปมองทางอื่น
ตลอดระยะเวลายี่สิบเอ็ดปีเธอไม่เคยหวั่นไหวกับผู้ชายคนไหนมาก่อน และไม่เคยมีแฟนด้วย แต่ไม่รู้ทำไมพันธกานต์ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวได้ถึงเพียงนี้
“เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวก็หาย แต่อาจจะเป็นรอยแผลเป็นนิดหน่อยนะครับ” เขาปิดแผลให้เธอเสร็จเรียบร้อยก็เก็บอุปกรณ์เข้าที่
“ขอบคุณค่ะ แล้วพี่หนึ่งแบกไม้ฟื้นมาทำอะไรคะ” เธอเอ่ยถาม เขาทิ้งไม้ฟืนไว้ตรงจุดเกิดเหตุ บอกเธอว่าค่อยกลับไปเอา
“เอามาหุงหาอาหารครับ”
“พี่หนึ่งหุงข้าวทำกับข้าวกับไม้ฟืนเป็นด้วยเหรอคะ”
“เป็นสิครับ ทำไมเหรอ”
“เก่งค่ะ เดี๋ยวนี้ทันสมัยมีแก๊สมีไฟฟ้า ไม่ค่อยมีใครหุงหาอาหารกับไม้ฟืนกันแล้วน่ะค่ะ แต่หุงข้าวกับไม้ฟืนน่ะอร่อยมากนะคะ ข้าวก้นหม้อหอมเชียว หยาดเคยกินตอนเด็ก ยายหุงให้กินบ่อย ๆ พอโตขึ้นมาหน่อยก็เลยช่วยคุณยายจุดไฟน่ะค่ะ” เธอยิ้มให้เขา พันธกานต์ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“หยาดหุงข้าวกับไม้ฟืนเป็นด้วยเหรอครับ”
“เป็นค่ะ คุณยายเคยสอน” ประโยคคำตอบของเธอทำให้เขายิ้มออกมาอย่างชื่นชม
“เดี๋ยวพี่ปั่นจักรยานไปส่งนะครับ” แต่เขายังไม่ทันได้ทำแบบนั้นฝนก็ตกลงมาเสียก่อน
“แย่จริงฝนตกเฉยเลยค่ะ”
“งั้นเราคงต้องติดฝนอยู่ที่กระท่อมไปก่อนนะครับ” พันธกานต์มองเสี้ยวหน้าหวานหยดของหญิงสาวไม่วางตา
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นค่ะ”
“หิวไหมครับ พี่กำลังจะทำมื้อกลางวัน ถ้าไม่รังเกียจกินข้าวกับพี่สักมื้อนะครับ”
“ไม่รังเกียจหรอกค่ะ ให้หยาดช่วยทำอาหารนะคะ”
“เจ็บเข่าอยู่ไม่ใช่เหรอ อีกอย่างหยาดเป็นแขก พี่ทำให้กินเองดีกว่า”
“หยาดเจ็บเข่านะคะ ไม่ได้เจ็บมือ หยาดช่วยพี่ได้ค่ะ” เธอยิ้มให้เขา พันธกานต์จึงให้เธอช่วยเขาหุงข้าวทำอาหาร ทั้งสองเข้ากันได้เป็นอย่างดี
เขามองเธออย่างอึ้ง ๆ ทึ้ง ๆ เพราะเธอไม่ถือตัว และเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก ถือว่าเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยใจคอน่าคบหาคนหนึ่ง
หลังจากทำอาหารกันเสร็จ ทั้งสองก็นั่งกินอาหารกันท่ามกลางสายฝน ก่อนที่ชายหนุ่มจะไปส่งหญิงสาวที่บ้าน
คุณยายที่เป็นห่วงหลานสาวโล่งใจที่หลานสาวกลับมาพร้อมกับพันธกานต์
“ขอบใจพ่อหนึ่งมากนะจ๊ะ” คุณยายเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” พันธกานต์กลับบ้านไปด้วยรอยยิ้มจนคนเป็นลุงต้องเอ่ยทัก
“ดูเหมือนหลานของลุงจะอารมณ์ดีไม่น้อย ลุงไม่เคยเห็นหลานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้มาก่อนเลย”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“แต่ลุงว่ามีนะ น่าจะเกี่ยวกับหนูหยาดแน่ ๆ เลย” ฤทธิรงค์เดาถูก เพราะความสัมพันธ์ของคนทั้งสองพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว อาจเพราะมีช่วงเวลาอยู่ด้วยกันนานนับเดือน แต่ทุกอย่างก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่
“น้องหยาดครับ” พันธกานต์เอ่ยเรียกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขาพาเธอมาดูดอกดาวกระจายและดอกกุหลาบที่ปลูกเอาไว้ข้างกระท่อม เพราะวันนี้ตั้งใจที่จะขอเธอเป็นแฟน
“ดอกไม้ของพี่หนึ่งสวยจังเลยค่ะ”
“แต่คนที่ยืนอยู่กับพี่สวยกว่าครับ”
“คะ” เธอเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะยิ้มเขิน เขาก็เชยคางสาวให้แหงนขึ้นมาสบตา
“หยาดรู้ใช่ไหมว่าพี่คิดยังไงกับหยาด” เขามองสบตา พลางจับมือของเธอมากุมเอาไว้ ความใกล้ชิดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทำให้เขามีความรู้สึกดี ๆ กับเธอเพิ่มพูนมากขึ้นทุกวัน
“มันเร็วไปไหมคะ” เธอดึงมือออกจากขัดเขิน แต่เขาก็กุมเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ไม่เร็วไปหรอก หรือหยาดรังเกียจที่พี่จนเป็นแค่คนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกง อยู่บ้านหลังเล็กมีแค่ลุงจน ๆ เป็นแค่ข้าราชการตัวเล็ก ๆ ปลดเกษียณ” เขาเอ่ยถามไปตรง ๆ
“พี่หนึ่งกำลังดูถูกน้ำใจของหยาดนะคะ หยาดจะคบกับผู้ชายที่หยาดรักและเขาก็เป็นคดีด้วย ส่วนเรื่องฐานะ หยาดสนใจแค่ว่าเขาเป็นคนขยันขันแข็งมุมานะที่จะสร้างฐานะไหม เพราะถ้าจะให้หยาดไปแต่งงานกับผู้ชายยากจนกัดก้อนเกลือกินแล้วก็ตีโพยตีพายโทษทุกอย่างว่าเกิดมาจน แต่งอมืองอเท้าไม่ทำอะไร ทำตัวขี้เกียจไปวัน ๆ แต่ต้องการพิสูจน์รักแท้ว่าถึงจนผู้หญิงก็ต้องรัก หยาดคงไม่เอาหรอกค่ะ” ประโยคของเธอทำให้เขาอึ้งไป ก่อน
จะหัวเราะเบาๆ เธอเป็นคนตรงไปตรงมาดี ก็จริงของเธอ ผู้ชายที่แม้จะไม่ได้เกิดมารวยแต่ขยันขันแข็งน่าฝากชีวิตเอาไว้มากกว่าผู้ชายที่เกิดมาจนแต่ขี้เกียจ แล้วเรียกร้องอยากได้รักแท้ คิดว่าถ้าผู้หญิงรักจริงก็ต้องไม่รังเกียจฐานะ จะมีผู้หญิงที่ไหนยอมมากัดก้อนเกลือกินกับผู้ชายยากจนแถมยังขี้เกียจกันล่ะ
