3
“เพราะเจ้า…ข้าจึงรู้จักตัวเอง”
เธอคว้าคอเขาลงมาจูบก่อนที่เขาจะพูดจบ ร่างกายของเธอแนบชิดกับเขาในทันที ความเร่าร้อนที่ลุกโชนในอกปลุกสัญชาตญาณดิบให้ลุกโชน มือของเธอเลื่อนลงต่ำ ดึงชายเสื้อของเขาออก จนร่างกำยำของเขาเปลือยเปล่าต่อสายตาของเธอ
เขาพาเธอไปที่กระจกบานใหญ่ แล้วหันหลังเธอให้หันหน้าสบตากับตัวเองในเงาสะท้อน
“มองดูตัวเจ้า…หญิงสาวที่ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป”
เธอหอบเบา ๆ ร่างกายเริ่มสั่นเมื่อเขาแนบแผ่นอกเข้าด้านหลัง มือหนึ่งเลื่อนบีบหน้าอก อีกมือลูบต่ำผ่านหน้าท้องอย่างเชื่องช้า
ไอลดาจ้องมองตัวเองในกระจก ดวงตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ ผิวเนื้อที่แดงระเรื่อจากแรงสัมผัส ริมฝีปากที่เผยอออกด้วยความหอบ…เธอแทบจำตัวเองไม่ได้
คีลแทรกตัวเข้ามาในเธออย่างลึกล้ำจากด้านหลัง ร่างกายของเขาร้อนวูบวาบ ความแน่นที่สอดแทรกเข้ามาอย่างไม่ปรานี ทำให้เธอเผลอหลุดเสียงครางแผ่วอย่างอดไม่ได้
เขาเคลื่อนจังหวะช้า ๆ แต่หนักแน่น มือยังคงบีบเค้นทรวงอกของเธออย่างร้อนแรง เสียงกระทบเนื้อดังซ้ำ ๆ เป็นจังหวะเร้าใจ
“เจ้าชอบมองตัวเองในยามเป็นของข้าหรือไม่” เขากระซิบ
ไอลดาพยักหน้าทั้งที่แทบทรงตัวไม่อยู่ เธอกำลังละลายอยู่ใต้สัมผัสของเขา
คีลเร่งจังหวะ กระแทกลึกขึ้น รุนแรงขึ้น เสียงครางของเธอกลืนไปกับเสียงหอบหายใจ มือของเขาจับสะโพกเธอไว้แน่น ร่างของเธอสั่นสะท้านขณะถึงจุดสูงสุดอย่างรุนแรง
เธอล้มลงในอ้อมแขนของเขา หอบเหนื่อย ปล่อยให้เขากอดกระชับไว้แน่น
ยามเช้า ไอลดาเดินไปหน้ากระจก…และไม่เห็นเงาของตัวเองอีกต่อไปเลย
แต่แทนที่ความตื่นตระหนก มีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า
เธอกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา…โดยสมบูรณ์
เสียงลมยามค่ำคืนพัดผ่านเรือนไม้สักโบราณ เงาไม้ไหวพลิ้วบนผนังห้อง เสียงกระจกแกรกเบา ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง ไอลดาไม่สะดุ้ง ไม่ตกใจ ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง เธอเพียงแค่นั่งนิ่งบนเตียง เปลือยเปล่าภายใต้แสงเทียนเล่มเล็กที่ส่องวูบไหวในห้อง
เพียงเสี้ยวนาที คีลก็ก้าวออกมาจากเงา ร่างสูงสง่าดั่งเทพเจ้ารัตติกาล แววตาเขาเรืองรองและเร่าร้อนกว่าเคย
“เจ้าพร้อมหรือยัง…สำหรับการเป็นหนึ่งเดียวกับข้า”
ไอลดาลุกขึ้นช้า ๆ เดินเข้าไปหาเขาโดยไม่พูดคำใด เธอวางมือลงบนอกเขา ลูบไล้อย่างแผ่วเบา รู้สึกถึงชีพจรที่เต้นแรงของเขาใต้ฝ่ามือ
คีลจับมือเธอไว้แน่น ก่อนจะพาเธอเดินไปยืนหน้ากระจกเงาบานใหญ่ที่เคยสะท้อนเงา…แต่บัดนี้ไม่สะท้อนอะไรอีกเลย
เขาหยุดอยู่ข้างหลัง ก้มกระซิบที่ซอกคอ “คืนนี้จะไม่มีเส้นแบ่งอีกต่อไป…ไม่มีเงา ไม่มีร่าง…มีเพียงเรา”
ริมฝีปากเขาแนบจูบลงบนไหล่เธอ ไล่ขึ้นมาที่ต้นคอ จนเธอครางเบา ๆ ออกมาอย่างลืมตัว เขาโอบเธอไว้ทั้งตัว ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปตามผิวกายร้อนรุ่มของเธอช้า ๆ เหมือนจดจำทุกเส้นทาง
ไอลดาหันหน้ามาประจันหน้ากับเขา สายตาสั่นไหวด้วยความปรารถนาและความกลัวผสมกัน
“ข้าเชื่อใจเจ้า…” เธอกระซิบ
คีลดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขน ริมฝีปากแนบชิดกับของเธอในทันที ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามา ละเมียดละไมแต่ดุจเปลวไฟที่แผดเผา ร่างของไอลดาเริ่มสั่นสะท้านเมื่อเขาอุ้มเธอขึ้น และวางร่างลงบนเบาะผ้าไหมข้างกระจก
เขานั่งคุกเข่าอยู่ระหว่างเรียวขาของเธอ ดวงตาจับจ้องอย่างกระหาย มือของเขาเลื่อนขึ้นลูบขาอ่อนอย่างเชื่องช้า ไล้ปลายนิ้วผ่านจุดอ่อนไหวที่สุดของเธอ จนเธอสะดุ้ง หายใจหอบแรง
“คีล…” เธอร้องเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา
เขายิ้ม ยกเรียวขาเธอขึ้นพาดบนบ่าตัวเอง ก่อนจะโน้มตัวลงมาช้า ๆ
ทุกการเคลื่อนไหวของเขาคือความตั้งใจ เขาไม่เร่งรีบ แต่ทุกสัมผัสกลับทรงพลัง ลิ้นของเขาแตะจุดกลางกายเธอเบา ๆ ก่อนจะไล้วน จนเธอแทบระเบิดเป็นเศษเสี้ยวของความรู้สึก
เสียงครางของเธอดังสอดประสานกับเสียงหายใจของเขา คีลเงยหน้าขึ้น จับมือเธอวางไว้บนหน้าท้องของตัวเอง แล้วเคลื่อนร่างขึ้นมาแนบชิด
เธอมองเขา…ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อรู้สึกถึงการสอดแทรกที่ลึกและแน่นจนเธอร้องครางเสียงสูง ร่างทั้งสองเชื่อมกันเป็นจังหวะช้า ๆ ลึก…และแน่น
เขาจับคางเธอให้มองสบตา “มองดูข้าในยามครอบครองเจ้า…มองดูตัวเจ้าที่กำลังกลายเป็นของข้า”
ไอลดาหอบถี่ สะโพกกระตุกตอบรับ ทุกจังหวะที่เขาขยับ ร่างเธอก็ยิ่งเกร็งกระตุก ลมหายใจติดขัด เสียงครางขาดเป็นห้วง ๆ ความสุขซ่านแผ่ซ่านจากจุดศูนย์กลางจนทั่วร่าง
“คีล!…” เธอครางออกมาเสียงกระเส่า ก่อนจะถึงจุดสุดยอดพร้อมกับแสงเทียนที่วูบดับในพริบตา
เมื่อแสงจันทร์ส่องลงมากระทบผิวเนื้อของเธออีกครั้ง ไอลดานอนอยู่ในอ้อมแขนเขา ร่างกายแนบสนิทเป็นเนื้อเดียว
ไม่มีเงาใดอีกต่อไป
มีเพียงไอลดา…และคีล
เป็นหนึ่งเดียวกัน อย่างสมบูรณ์
ร่างเปลือยของไอลดาซุกซบอยู่ในอ้อมแขนของคีล เธอหอบแผ่วเหมือนยังไม่ฟื้นจากพายุราคะที่เขาพาเธอล่องลอยไปสัมผัส ไอลดาคิดว่าคงไม่มีสิ่งใดในโลกนี้อีกแล้ว ที่จะปลุกสัญชาตญาณเธอให้ลุกไหม้ได้เท่ากับสัมผัสจากเขา
แต่คืนนี้…คีลกลับไม่หยุดเพียงเท่านั้น
เขากระซิบข้างใบหูเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำปนแหบพร่า
“ข้ายังไม่พอ…ข้ายังต้องการเจ้าอีก”
ยังไม่ทันที่ไอลดาจะตอบรับ ร่างของเธอก็ถูกจับพลิกขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังแนบลงกับเบาะนุ่ม สะโพกของเธอถูกยกขึ้นอย่างง่ายดายด้วยฝ่ามือใหญ่ที่ร้อนผ่าว ก่อนที่คีลจะโน้มตัวลงมากระซิบชิดริมฝีปาก
“คราวนี้…เจ้าจะไม่มีทางหนีจากข้าได้อีกเลย”
เขาเลียริมฝีปากก่อนจะจูบเธออย่างลึกซึ้ง กลืนกินเสียงหอบของเธออย่างโหยหา ลิ้นเขาละเลียดไปตามแนวสันกราม ไล่ลงที่ลำคอ ไล้เรื่อยมาจนถึงยอดอก แล้วขบเบา ๆ จนไอลดาแอ่นอกขึ้นรับเสียงครางหลุดจากริมฝีปากแบบห้ามไม่อยู่
“คีล…ได้โปรด…” เธออ้อนวอนทั้งเสียงและสายตา ร่างกายร้อนฉ่าราวกับถูกสาปด้วยไฟปรารถนา
เขาเลื่อนตัวลงต่ำ จับเรียวขาเธอกางออกช้า ๆ แล้วกดปลายจมูกลงกลางต้นขา สูดกลิ่นหอมของกายสาวที่กำลังเบ่งบาน ลิ้นของเขาแตะไล้วนอย่างช่ำชอง ความเสียวซ่านพุ่งปราดขึ้นสู่สมองอย่างรุนแรง
เธอกระตุกเฮือก เสียงครางขาดห้วง ลมหายใจติดขัด ก่อนจะหลุดชื่อเขาออกมาอีกครั้งพร้อมน้ำเสียงที่สั่นระริก
“อา…คีล…เจ้า…ทำให้ข้าจะขาดใจอยู่แล้ว…”
เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะฝังร่างเข้าหาเธออีกครั้ง
คราวนี้…หนักหน่วง ดุดัน ดิบเถื่อน
เสียงกระแทกดังสนั่น ห้องทั้งห้องสั่นสะเทือน ร่างของไอลดาถูกคีลจับยกขึ้นจนลอยเหนือเบาะ ฝ่ามือเขาตรึงสะโพกเธอไว้แน่น ก่อนจะขยับเข้าออกเป็นจังหวะรัวเร็ว จนเธอต้องกรีดร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
