2
ไอลดารู้สึกเหมือนกำลังจะตาย แล้วเกิดใหม่ในร่างที่เธอไม่เคยรู้จัก แต่กลับรักมันจนถอนตัวไม่ขึ้น
เมื่อเธอตื่นอีกครั้งบนเตียงของตนเอง ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ หัวใจเต้นถี่…และกระจกหน้าห้อง เธอเห็นเงาของตนเองที่หายไปเพียงครึ่งเดียว.
แสงแดดยามเช้าสาดเข้ามาผ่านบานหน้าต่างไม้ไผ่ เสียงนกป่าขับขานเบา ๆ ไอลดาตื่นขึ้นพร้อมเหงื่อชื้นบนแผ่นหลัง และหัวใจที่ยังเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอนั่งนิ่งอยู่บนเตียง มองเงาของตัวเองที่สะท้อนบนผนังไม้ เงาที่ไม่สมบูรณ์ เงาที่ขาดหายไปครึ่งหนึ่ง
ในหัวของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยคำถาม
“ฉันกำลังบ้าใช่ไหม” เธอถามตัวเองเบา ๆ ขณะเดินไปล้างหน้า หน้ากระจก รอยนิ้วมือที่เคยเขียนข้อความเมื่อคืนยังจางอยู่บนผิวกระจก
เวลาสาย เธอไปที่ศูนย์วิจัยเพื่อตรวจสอบประวัติของคนไข้ก่อนหน้า ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ "พิมพ์" ซึ่งมีอาการหลอนว่าเงาของตนเองเป็นคนรักและเคยร่วมรักกันทุกคืน ก่อนที่จิตใจจะทรุดและกลายเป็นคนไร้อารมณ์
เอกสารบันทึกไว้ว่า “หลังจากมีเพศสัมพันธ์กับเงาเป็นเวลานาน คนไข้เริ่มแสดงอาการสูญเสียความเป็นตัวเองทีละน้อย จนสุดท้ายไม่สามารถรับรู้อารมณ์ใด ๆ ได้อีก”
ไอลดาถือแฟ้มแน่น ใจเต้นแรงเมื่อเห็นว่าอาการของพิมพ์…เหมือนกับเธอในตอนนี้
คืนถัดมา
ไอลดาเปิดโคมไฟไว้เพียงดวงเดียว ห้องสลัวพอที่จะให้เงาปรากฏชัดเจน
เธอนั่งนิ่งอยู่บนเตียง สวมเพียงชุดนอนบางเฉียบ ราวกับตั้งใจเรียกเขา
และเขาก็มาจริง ๆ
เงาของคีลค่อย ๆ ปรากฏในกระจก ก่อนที่เขาจะก้าวออกมาช้า ๆ จากเงาสะท้อน ดวงตาสีดำสนิทที่ลุกวาวด้วยปรารถนา สะกดให้เธอลุกขึ้นและเดินเข้าไปหา
“เจ้ายังต้องการข้าอยู่หรือไม่ ไอลดา”
เธอไม่ตอบ แต่ปลายนิ้วกลับยกขึ้นแตะริมฝีปากเขาเบา ๆ
“ฉันไม่รู้ว่านี่คือความจริง หรือฉันกำลังจะเสียสติ…”
เขาโอบเธอเข้ามาแนบอก “หากนี่คือบ้า…ข้าขอให้เจ้าบ้าตลอดไป”
เขาจูบเธออีกครั้ง คราวนี้อ่อนโยน ลึกซึ้ง และยาวนาน มือของเขาไล้ต่ำลงช้า ๆ ลูบไล้สะโพกเนียนก่อนจะดันเธอเบา ๆ ให้ล้มลงบนเตียง
“อย่าคิด…จงรู้สึก” เขากระซิบ พลางใช้ปลายลิ้นแตะลงกลางหน้าอกเธอ ลากวนเหมือนวาดอาคม ร่างของไอลดาสะท้าน เธอหอบเบา ๆ แล้วปล่อยให้เขาครอบครองทุกอณูของร่างกาย
เขาปลดชุดนอนเธอออกอย่างนุ่มนวล ดวงตาไม่ละไปจากใบหน้าของเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว ทุกสัมผัสของเขาราวกับรู้ว่าเธอต้องการตรงไหนที่สุด
“ข้าจะสลักตัวตนของข้าลงในร่างเจ้า…จนไม่มีวันลบได้” เขาเลื่อนริมฝีปากลงต่ำ ไล้ลิ้นผ่านหน้าท้อง ขาอ่อน และลงไปยังจุดที่ไวต่อความรู้สึกอย่างที่สุด
เธอหลุดเสียงครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่น ร่างกายสั่นระริก ความรู้สึกทั้งหมดถาโถมเข้าหาเหมือนคลื่นพายุ
เมื่อเขาฝังตัวเข้ามา ทุกจังหวะที่เคลื่อนไหวคือการแสดงความเป็นเจ้าของ ทุกแรงกระแทกคือการย้ำเตือนว่าเธอเป็นของเขาเพียงคนเดียว
เสียงเนื้อกระทบกันดังสะท้อนในความเงียบ หยาดเหงื่อไหลผ่านร่างทั้งสองที่ร้อนดั่งไฟ ไอลดาหลุดพ้นสู่ความสุขล้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างของเธอกระตุกอย่างบ้าคลั่งเมื่อถึงจุดสุดยอดติดๆ กันหลายครั้ง
เธอร้องเรียกชื่อเขาเหมือนต้องมนต์สะกด แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลงในความมืด
เธอตื่นขึ้นอีกครั้ง…และพบว่าเงาของเธอในกระจกเหลือเพียงครึ่งเดียว
ไอลดานั่งเงียบอยู่ที่ระเบียงไม้ของเรือนไม้หลังเก่า แสงแดดอ่อนของเช้าตรู่ไม่สามารถไล่ความหนาวเย็นในอกเธอออกไปได้ หญิงสาวลูบผิวต้นแขนเบา ๆ ความรู้สึกหนาวที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าอุณหภูมิ คือลมหายใจอุ่นของคีลที่เธอเฝ้ารอในทุกค่ำคืน และการหายไปบางส่วนของเงาเธอในกระจก…
ทุกสัมผัสยังอยู่ในร่างกายของเธอ เสียงของเขายังคงวนเวียนอยู่ในหัว
ในคืนที่สี่หลังจากมาถึงหมู่บ้าน ไอลดาไม่เปิดไฟอีกแล้ว เธออยู่ในห้องมืด ปล่อยให้เงาโอบล้อมรอบตัวเอง ชุดนอนบางเฉียบหลุดลุ่ยลงจากไหล่ข้างหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ แต่อีกส่วนหนึ่ง…คือความจงใจ
คีลมาช้าในคืนนั้น เงาของเขาขึ้นชัดเจนบนผนัง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นร่างจริงที่ก้าวเข้ามาหาเธอ
“ข้าเฝ้าดูเจ้า…แม้ในยามเจ้าหลับ”
เสียงเขากระซิบดังมาจากด้านหลัง มือของเขาเลื่อนเข้าโอบเอวเธอ ลมหายใจร้อนแนบต้นคอ ไอลดาหลับตาและเอนศีรษะพิงแผ่นอกของเขา
“ข้าทำให้เจ้ากลัวหรือไม่”
“ไม่…” เธอกระซิบตอบ
“มันน่ากลัวกว่า ถ้าคุณหายไป”
เขายิ้ม มือเลื่อนจากเอวขึ้นมาที่หน้าอก ลูบไล้ช้า ๆ สลับกับบีบคลึงเบา ๆ จนร่างของเธอหอบสะท้าน ทุกสัมผัสของเขาเหมือนรู้จุดอ่อนของเธอทั้งหมด เขาหมุนตัวเธอหันมาเผชิญหน้า และจูบเธออย่างรุนแรง บดขยี้ลึกลงไปทุกจังหวะจนริมฝีปากบวมช้ำ
“ข้าอยากเห็นเจ้าเป็นของข้าทั้งหมด”
เขาอุ้มเธอขึ้นทั้งตัว แล้วพาไปวางลงบนขอบหน้าต่างที่เปิดรับแสงจันทร์ ร่างของเธอเปลือยเปล่าอยู่ใต้แสงสีเงินที่ทำให้ผิวของเธอเหมือนจะเรืองแสง
เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ใช้ลิ้นลากไล้จากเข่าขึ้นไปอย่างช้า ๆ เหมือนจงใจเผาทุกเส้นประสาท ริมฝีปากนุ่มของเขาครอบครองทุกส่วนอ่อนไหวของเธออย่างไม่ปรานี
เสียงร้องของไอลดาหลุดออกมาเป็นระลอก เธอสั่นไหว ร่างกายเกร็งตัวก่อนจะปลดปล่อยความสุขออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เขาจูบเธออีกครั้ง คราวนี้คือความหิวกระหายปะปนความรักร้อนแรง เขาดันตัวเข้ามาหาเธอในจังหวะเดียว ลึก…แน่น…จนเธอแทบขาดใจ
ทุกการขยับของเขาคือความคลั่งไคล้ ไอลดาหลุดเสียงครางอีกครั้ง มือขยุ้มแผ่นหลังเขาแน่น ร่างกายของเธอเปลือยเปล่าแนบชิดกับเขาในทุกองศา เสียงเนื้อกระทบกันและเสียงหอบหายใจของทั้งคู่ผสานกันเป็นจังหวะของปรารถนา
“ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป” คีลกระซิบข้างหูขณะที่เธอถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง
เช้าวันต่อมา ไอลดาลุกขึ้นมามองเงาของตนเองในกระจก…มันแทบไม่มีเหลือ
แต่ในดวงตาของเธอ…กลับมีแววของผู้หญิงที่ไม่เคยมีมาก่อน
หญิงสาวที่เคยซ่อนความปรารถนา กลับกลายเป็นผู้ที่เผชิญหน้าและยอมรับมัน
ไอลดาเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเองอย่างชัดเจน เธอไม่ใช่หญิงสาวผู้เรียบร้อยตามกรอบโลกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่กล้าสัมผัสความลุ่มหลง…กล้ารับความปรารถนาอย่างไม่ละอายใจ
แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ก็มาพร้อมกับความว่างเปล่าบางอย่าง เธอไม่รู้สึกกลัว ไม่รู้สึกอาย ไม่รู้สึกผิด ไม่รู้สึกอะไรเลย…นอกจากความปรารถนาในตัวคีล
ในคืนที่ห้า เธอยืนเปลือยเปล่ากลางห้องใต้แสงจันทร์ ไม่แม้แต่จะสวมชุดนอนบาง ๆ เพื่อปกปิด เธอรอเขาด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน หัวใจที่อยากให้เขามาครอบครอง…อีกครั้ง
เมื่อเงาของเขาปรากฏขึ้น เธอเดินเข้าไปหาอย่างเงียบงัน
“เจ้ากำลังเปลี่ยนไป” คีลพูดเบา ๆ มือของเขาสัมผัสผิวเธอเบา ๆ
