ซีรีส์สมรสบ้านไพร

29.0K · อัพเดทล่าสุด
พันสิงห์
16
บท
3
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

กลางหมู่บ้านเล็กท่ามกลางทุ่งนาและกลิ่นดินหลังฝน "เขต" และ "ฟ้าใส" เติบโตมาท่ามกลางรั้วบ้านที่ไม่ถูกกัน หัวใจสองดวงกลับผูกพันลึกซึ้งจนไม่อาจตัดขาด จากการช่วยกันจับปลา ดำนา หักหน่อไม้ จนถึงเสียงแคนยามค่ำ และกองฟางกลางทุ่ง ความทรงจำทุกฉากล้วนทอด้วยความรักที่ทั้งอบอุ่นและเจ็บปวด แต่เส้นทางรักของทั้งคู่กลับไม่ง่าย เพราะถูกกีดกันด้วยความบาดหมางของครอบครัว พวกเขาจึงต้องเลือก จะยอมแพ้ต่อโชคชะตา หรือสู้เพื่อรักษาความรักที่หัวใจเรียกร้อง นี่คือเรื่องราวรักต้องห้ามที่งดงามและสะเทือนใจ ท่ามกลางธรรมชาติ บ้านนา และแสงจันทร์ที่เป็นพยาน

นิยายรักโรแมนติกโรแมนติกดราม่ารักหวานๆ

1

หมอกเช้าคลี่คลุมทุ่งนากว้าง เสียงไก่ขันจากเรือนบ้านไกล ๆ ดังแว่ว ฟ้าใสสะพายตะกร้าไม้ไผ่ใบเล็ก เดินเลาะคันนาเพื่อหาต้นกล้าที่โค่นล้มจากน้ำฝนเมื่อคืน ผมยาวเปียเดียวของเธอเปียกน้ำค้างแนบแผ่นหลังผ้าซิ่นสีคราม

เธอไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบมองอยู่จากเถียงนาท้ายไร่ เขต... ชายหนุ่มร่างกำยำที่ทุกคนรู้จักกันดี เขาคือคนที่ครอบครัวของฟ้าใส “ห้าม” ไม่ให้พูดคุยด้วย เพราะเรื่องบาดหมางรุ่นพ่อแม่ แต่หัวใจไม่เคยเชื่อฟังคำสั่งนั้น ตั้งแต่เขตกับฟ้าใสสบตากันในงานบุญบั้งไฟปีที่แล้ว เขาก็ไม่เคยลืมรอยยิ้มของเธอ

“ระวังลื่น” เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้กว่าที่ฟ้าใสคิด

เธอสะดุ้ง หันไปเจอเขตที่ก้าวลงคันนามาหา ข้อมือเล็กถูกเขาคว้าไว้ทันทีที่เท้าของเธอเกือบจะเสียหลักในโคลน ฟ้าใสหัวเราะเบา ๆ ทั้งตกใจทั้งเขิน ใบหน้าขาว แดงจัดขึ้นเพราะรู้ว่าการอยู่ใกล้เขาแบบนี้มันผิด หากใครมาเห็นเข้า

“ปล่อยเถอะ เดี๋ยวใครผ่านมาเจอ…” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว แต่เขตกลับโน้มหน้าลง สายตาจับจ้องริมฝีปากที่สั่นเพราะหนาวผสมเขิน

“หมอกหนาแบบนี้ ไม่มีใครเห็นหรอกน่า” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบ

หัวใจฟ้าใสเต้นแรงจนแทบทะลุอก เธอพยายามเบี่ยงสายตาหนี แต่เขตก็ยกมือขึ้นประคองแก้มอุ่น ๆ ที่ชื้นน้ำค้างนั้น

โลกเงียบลง เหลือเพียงลมหายใจสองคนพรมใส่กันตรงกลาง ทุ่งกว้างเหมือนหายไป เหลือเพียงเถียงนาร้างกับร่างสองร่างที่ยืนซ้อนกันในม่านหมอกขาว

แล้วในความเงียบนั้น…สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น เขตกดจูบแรกลงมาแผ่วเบาแต่หนักแน่น ฟ้าใสหลับตาแน่น ความอุ่นวาบแล่นผ่านร่างเหมือนจะละลายไปกับหมอกเหนือทุ่งยามเช้าในหมู่บ้านป่า

ฟ้าใสหน้าแดงจัด หัวใจเต้นแรงจนแทบแตก เธอพยายามเบือนสายตาหนี แต่เขตกลับยกมืออีกข้างขึ้นประคองแก้มอุ่น ๆ ของเธอ ความชื้นจากน้ำค้างบนผิวแก้มถูกฝ่ามืออุ่นซับเอาไว้

ลมหายใจทั้งสองสั้นถี่ เสียงรอบข้างคล้ายเลือนหาย เหลือเพียงเสียงหัวใจเต้นประสานกัน

“เขต…อย่า” ฟ้าใสพูดเพียงเบาแผ่ว แต่ไม่มีแรงผลักไสออก

เขตกระชับกาย กลิ่นเหงื่ออ่อน ๆ คลุกฝุ่นดินกับกลิ่นหอมอายสาวชาวบ้านตีกันจนเขาหัวหมุน เขากดหน้าผากลงใกล้ ใบหน้าห่างกันเพียงคืบ

“ไม่อยาก…แต่ใจก็เรียกหาพี่ใช่ไหม” เขากระซิบ

ฟ้าใสเม้มปากแน่น แต่ดวงตาที่เบือนหลบกลับสั่นระริก น้ำเสียงพร่า

“ถ้ามีใครรู้เข้า…พ่อแม่เราจะยิ่งเกลียดกันไปใหญ่”

เขตยิ้มบาง

“งั้นก็อย่าให้ใครรู้สิ ให้เป็นความลับของเราสองคน”

คำพูดนั้นเหมือนมนตร์สะกด ร่างของฟ้าใสแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง ก่อนดวงตาจะปิดลงเมื่อริมฝีปากของเขตทาบลงมาอย่างแนบแน่นแต่แผ่วละมุน รสจูบแรกทั้งหวามไหว ทั้งหวาดกลัว แต่หัวใจกลับเต้นแรงราวจะขาด ฟ้าใสยกมือขึ้นผลักเขาเล็กน้อย แต่ปลายนิ้วกลับเกาะแน่นที่เสื้อเขาแทน

เสียงลมพัดใบข้าวกระทบกันเป็นจังหวะเหมือนดนตรีรับรักต้องห้าม ร่างทั้งคู่ซ้อนกันอยู่กลางคันนาในม่านหมอกหนาทึบที่ปิดบังสายตาโลก

ริมฝีปากผละออก ฟ้าใสหอบหายใจถี่ แก้มแดงปลั่งราวดอกชบาแรกแย้ม เขตจ้องเธอไม่วางตา ริมฝีปากยังแตะห่างไม่ถึงคืบ ก่อนจะโน้มลงมาประทับอีกครั้ง คราวนี้หนักแน่นกว่าเดิม มือหนาโอบรัดรอบเอวบางแนบแน่น

เธอเผลอปล่อยเสียงครางเบา ๆ ออกมา แล้วรีบยกมือปิดปากด้วยความอาย แต่ก็สายเกินไป เพราะเขตรู้แล้ว…ว่าหัวใจของเธอไม่อาจปฏิเสธอีกต่อไป

ม่านหมอกยิ่งหนา ลมเช้าพัดแรงขึ้นราวจะกลบซ่อนความลับนั้นไว้กับทุ่งกว้าง และสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นก็เริ่มต้นขึ้นตรงนั้นเอง

แสงแดดสายส่องลอดยอดไผ่ลงมากระทบผืนน้ำสระเล็กท้ายทุ่ง ฟ้าใสสะพายตะกร้าใบเก่าเดินมาตามทางดิน เธอชะเง้อมองรอบ ๆ ว่ามีใครตามมาหรือไม่ เพราะที่นัดหมายกับเขตในวันนี้มันคือความลับที่ห้ามใครรู้

เสียงกบเขียดร้องระงม คลอไปกับเสียงน้ำหยดจากใบตอง ฟ้าใสเดินมาถึงริมสระ เห็นร่างสูงของเขตนั่งผูกเชือกกับคานไม้ไผ่ เขากำลังเตรียมยกยอ ดวงหน้าคมเหงื่อซึมแสงแดดอาบ ดูเข้มแข็งจนเธอเผลอใจสั่น

“มาช้าจัง กลัวพ่อแม่จับได้หรือไง” เขตพูดโดยไม่หันไปมอง แต่รอยยิ้มตรงมุมปากเผยชัดเจน

“ก็ดิ…ถ้ารู้ว่ามาเจอนาย มีหวังโดนด่าเช้าเย็น” ฟ้าใสแย้ง แต่เสียงเบากว่าที่ตั้งใจ

เขตหันมาสบตา ดวงตาคมเข้มแฝงแววล้อเลียน

“แต่เธอก็ยังมา…เพราะคิดถึงพี่ใช่ไหม”

แก้มของฟ้าใสแดงวาบ เธอหันหนีไม่ตอบ รีบก้าวไปช่วยเขายกยอขึ้นจากน้ำ แรงน้ำหนักปลากระตุกทำให้ร่างเธอเกือบลื่น แต่เขตเอื้อมมือไปโอบเอวไว้ทัน ร่างเล็กเอนไปชนอกแกร่งเต็มแรง

“เบา ๆ สิ เดี๋ยวตกน้ำ” เสียงเขาติดหัวเราะ แต่แขนกลับกระชับไม่ยอมปล่อย

ฟ้าใสพยายามดิ้น แต่แรงชายหนุ่มกลับรัดแน่นขึ้น

“ปล่อยก่อนสิ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจริง ๆ”

“ในป่ากว้างแบบนี้ มีแต่พี่กับเธอหรอกฟ้าใส” เขากระซิบชิดใบหู เสียงทุ้มต่ำทำให้ขนแขนลุกซู่ ร่างกายอ่อนแรงโดยไม่รู้ตัว

ทั้งคู่ช่วยกันยกยอขึ้นมา ปลานิลดิ้นแผล็บ ๆ ในตาข่ายน้ำกระเซ็นใส่ เสื้อผ้าของทั้งคู่เปียกชื้น เขตหัวเราะเบา ๆ ก่อนยื่นมือไปปัดหยดน้ำบนแก้มของเธอ

“เปียกไปทั้งตัวแล้ว เห็นทีต้องอาบน้ำล้างโคลนด้วยกันเสียแล้ว”

ฟ้าใสเบิกตาโต ตีแขนเขาเบา ๆ

“พูดบ้า ๆ ไปได้” แต่หัวใจกลับสั่นแรง ราวกับรู้ว่าความบ้าของเขตนั้น มักกลายเป็นจริงเสมอ

เขตไม่พูดต่อ เพียงจ้องหน้าเธอนิ่ง ๆ สายตานั้นบอกชัดเจนว่าอยากได้มากกว่าคำพูด ฟ้าใสสบตาเพียงชั่ววินาที ก็ต้องเบือนหนีด้วยความร้อนวูบทั่วแก้ม แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น เขตก็ฉวยโอกาสแนบใบหน้าเข้ามา ริมฝีปากทั้งคู่ประสานกันอีกครั้ง

คราวนี้ไม่ใช่จูบแผ่วเบาเหมือนเมื่อเช้า แต่หนักแน่นและหิวหวง ราวกับปล่อยความปรารถนาที่เก็บกดมานาน ฟ้าใสเผลอปล่อยตะกร้าหล่น มือสองข้างยกขึ้นเกาะต้นแขนเขาแน่นเหมือนหาที่ยึดเหนี่ยว

เสียงน้ำกระเพื่อม เสียงปลาดิ้นอยู่ในยอ และเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นประสานกัน กลายเป็นท่วงทำนองลับตาคน

เขตผละริมฝีปากออกเพียงนิด มองใบหน้าแดงก่ำของเธอที่หอบหายใจถี่ ก่อนกระซิบเสียงพร่า

“อย่าหนีไปไหนนะฟ้าใส…พี่ไม่ยอมให้เธอเป็นของใครเด็ดขาด”