บท
ตั้งค่า

4

“กลับบ้าน” เขมนัทต์เอ่ยกับเลขาคู่ใจ ตรีวิทย์ไม่ได้เป็นแค่เลขาแต่เป็นทั้งคนขับรถและคนสนิทของเขา

“แล้วคุณบัวล่ะครับ”

“ถามทำไม” เสียงดุดันที่เอ่ยถามออกมาทำให้ตรีวิทย์รู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี

“หล่อนหนีไปแล้ว แถมยังกระแทกน้องชายฉันอีก คอยดูนะ ฉันจะจับยายตัวแสบอย่างเธอหวดก้นเสียให้เข็ด” ประโยคถัดมาทำให้ตรีวิทย์ถึงบางอ้อ รีบขับรถกลับบ้านอย่างไม่อิดออด

เห้อ... ตรีวิทย์ถอนใจเล็กน้อย

รักเขาชอบเขาแต่แสดงออกว่ารักว่าชอบไม่ได้ มันน่าอึดอัดเสียจริง

พอถึงบ้านใบหน้าของเขมนัทต์ก็บึ้งตึงจนใครเข้าหน้าไม่ติด ชายหนุ่มเดินวนไปเวียนมาอยู่ตรงระเบียงบ้านเพื่อรอการกลับมาของบงกชเพชร

เขาหมายมาดในใจว่าเธอกลับมาเมื่อไหร่ เขาจะชำระความกับเธอที่เธอกล้าทำร้ายเขาแบบนี้

“เป็นอะไรจ๊ะลูก หน้าบึ้งเชียว” เฟื่องรัตน์เอ่ยถามลูกชายที่เดินวนไปวนมาอยู่ตรงระเบียงบ้าน และมองออกไปยังประตูทางเข้าบ้านไม่วางตา

“เปล่าครับคุณแม่”

“เอ๊ะ! นั่นแม่บัวนี่นา ออกไปกับลูก แต่ทำไมกลับมากับผู้ชายคนอื่นล่ะ ทำไมทำตัวน่าเกลียดแบบนั้น ท่าทีดูสนิมสนมกับผู้ชายคนนั้นด้วยนะ นี่คนใหม่หรือคนเก่าล่ะ แม่เห็นมีผู้ชายมารับมาส่งไม่ซ้ำหน้า เห้อ... ทำไมลูกแม่ถึงซวยแบบนี้ ได้ของเหลือเดนจากผู้ชายคนอื่น คุณแม่ก็แปลกคน บังคับให้หลานตัวเองแต่งงานกับผู้หญิงสำส่อนแบบนี้ได้” เฟื่องรัตน์ใส่ไฟเต็มที่

“แม่บอกแล้วว่ายายดาดีกว่าแม่บัวเป็นร้อยเท่าพันเท่า” ได้ทีเฟื่องรัตน์ก็เชียร์ภริดา หลานสาวบุญธรรมของตัวเองทันที

เขมนัทต์ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยืนกัดฟันกรอดๆ เท่านั้น

“ตอนลูกไปเรียนต่างประเทศก็สำส่อน เข้าโรงแรมไปกับผู้ชาย แม่เห็นเต็ม ๆ ตา น้อง ๆ เราก็เห็น ถ้าไม่เพราะย่าของเราจะเซ็นยกทุกอย่างให้ แม่ไม่ยอมให้เราแต่งงานกับผู้หญิงไม่ดีแบบนี้หรอกนะ”

เขมนัทต์ใบหน้าบึ้งตึงมากกว่าเดิม ก่อนที่จะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อหมายจัดการบงกชเพชรให้สาสม

ในขณะที่เฟื่องรัตน์ยิ้มเยาะออกมา นางเองนั่นแหละที่เกลียดบงกชเพชรไม่อยากได้มาเป็นสะใภ้ จึงทำทุกวิถีทาง ทำให้ลูกชายเจ้าใจบงกชเพชรผิด คิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงสำส่อนมั่วผู้ชายไปทั่ว

ทรัพย์สมบัติทั้งหมดจะต้องเป็นนาง นางหมายมั่นปั้นมือที่จะให้ภริดาได้แต่งงานกับลูกชายของนาง

ภริดาเป็นหลานสาวบุญธรรมที่พี่ชายนำมาชุบเลี้ยงเอาไว้ แต่อย่างไรก็คือหลานที่ว่านอนสอนง่ายและเชื่อฟังนางทุกอย่าง ควบคุมง่ายกว่าบงกชเพชรที่แข็งข้อกับนางทุกอย่าง

“ว้าย!” บงกชเพชรร้องอย่างตกใจเมื่อเดินเข้าบ้านมาก็โดนกระชากจนข้าวของในมือหล่นกระจัดกระจาย

“คนนี้คนที่เท่าไหร่”

“อะไรของคุณอีกนี่ ปล่อยนะ” บงกชเพชรพยายามดิ้นหนีแต่เขาก็ดึงไปกอดรัดเอาไว้แนบอก

“ฉันถามว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่เท่าไหร่ของเธอ แล้วคนก่อนหน้าเธอคายทิ้งแล้วเหรอ”

“คุณพูดบ้าอะไรของคุณนี่ ปล่อยบัวเดี๋ยวนี้นะ ข้าวของหล่นกระจัดกระจายหมดแล้วเห็นไหม อุ๊ย!” เธอจะก้มลงไปหยิบแต่โดนกระชากแขนเอาไว้

“หวงนักเหรอข้าวของพวกนี้ มันซื้อให้เหรอ”

“คุณนัทมีสติหน่อยสิคะ นี่มันกับข้าวที่คุณย่าสั่งซื้อค่ะ คุณย่าอยากกินสุกี้ค่ะ”

“แล้วนั่นถุงอะไร” เขากระชากมาเปิดดูก็เห็นว่าเป็นเสื้อผ้า

“ไอ้หมอนั่นซื้อให้ใช่ไหม”

“ไม่ใช่ บัวซื้อเอง” เสื้อผ้าพวกนี้เป็นชุดที่เธออยากได้ จึงเก็บเงินซื้อเอง เพราะช่วยงานคุณย่ามาตลอด เป็นเลขาให้ท่านมานานหลายปี เธอจัดการทุกอย่างให้ท่านไม่ว่าจะเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก

ส่วนทามไทนั้นเธอเจอเขาที่หน้าปากซอย เขาจึงชวนเธอขึ้นรถมาด้วย คิดว่าดีกว่าเดิน เพราะบ้านของทามไทก็อยู่ในซอยนี้

เขมนัทต์ไม่รู้จักทามไทก็ไม่แปลก เพราะทามไทเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ เธอรู้จักกับเขาด้วยความบังเอิญ เพราะช่วยชีวิตแมวของเขาเอาไว้และนำไปส่งคืนให้เมื่อหลายวันก่อน

ที่สำคัญเขมนัทต์ไปเรียนต่อเมืองนอกตั้งหลายปี กลับมาก็ทำงานอย่างหนัก ไม่ได้มีเวลาไปสุงสิงกับเพื่อนคนไหนหรอก ในหมู่บ้านหรือในซอยมีเพื่อนบ้านคนไหนบ้าง เขมนัทต์ไม่รู้จักก็ไม่แปลก

“โกหก”

“ก็แล้วแต่คุณนัทจะคิดค่ะ กรุณาหลีกทางด้วย”

“ไม่หลีก” เขาอุ้มเธอขึ้นพาดบ่า ก่อนที่จะฟาดก้นเธอแรง ๆ จนบงกชเพชรร้องด้วยความเจ็บ เธอรัวกำปั้นใส่แผ่นหลังเขาระรัว แต่เขาไม่คิดปล่อย

“โอ๊ย!” บงกชเพชรร้องเสียงหลงเมื่อโดนโยนโครมไปบนเตียงกว้างในห้องของเขา ประตูปิดปังใหญ่ ทำเอาเธอสะดุ้งสุดตัว

“คุณจะทำอะไร อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ”

“ทำอะไรบ้า ๆ คือทำอะไร ผู้ชายคนอื่นได้เธอแล้ว ฉันก็อยากลองเหมือนกันว่าเธอจะเด็ดสักแค่ไหน”

“นี่ปล่อยนะ” เขาทาบทับเข้าหา ซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง บงกชเพชรจึงกัดบ่าของเขาเต็มแรง

“โอ๊ย!” เขมนัทต์ร้องเสียงหลง ในขณะที่บงกชเพชรดิ้นหนีไปที่ประตู เขาก็ตามมากระชากเธอไปที่เตียงอีกรอบ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะประตูเหมือนเสียงฟ้ามาโปรด บงกชเพชรรีบดิ้นหนี ถลาไปที่ประตูในทันที

“คุณนัทคะ คุณท่านเรียกค่ะ ว้าย!” เจิมใจร้องออกมาเมื่อคนที่กระชากประตูเปิดคือบงกชเพชร

เขมนัทต์ใบหน้าบึ้งตึง ในขณะที่บงกชเพชรรีบเอ่ยขอโทษเจิมใจและเดินจากไป

“มีอะไรกันหรือเปล่าคะ”

“ไม่มีอะไร” เขมนัทต์ตอบเสียงขรึม ก่อนจะเดินไปที่ห้องของคุณย่าอีกมุมหนึ่งของตึกอย่างหงุดหงิดใจ

“เป็นไงล่ะไปลองชุดแต่งงานมา ทำไมถึงหน้าบึ้งแบบนั้น” ประโยคทักทายของผู้เป็นย่าทำให้เขมนัทต์ต้องปรับอารมณ์ตัวเองให้ปกติดังเดิม

“เปล่าครับคุณย่า”

“ย่ามีของจะให้เรา” แพรพิไลหยิบกล่องแหวนมายื่นให้หลานชาย

เขมนัทต์เปิดออกดูก็จำได้ว่าเป็นแหวนประจำตระกูลที่สั่งทำให้ลูกสะใภ้ทุกรุ่นของตระกูล คุณย่าของเขาก็มีหนึ่งวง

“แหวนแต่งงานของเรา ย่าให้นัทเก็บไว้สวมให้เจ้าสาวของเราในวันแต่งงาน”

“ครับ”

“ย่าหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ”

“ไม่มีครับ” เพราะไม่อยากขัดใจผู้เป็นย่า ที่สำคัญใจเขารู้ดีว่าอยากแต่งหรือไม่อยากแต่ง

หลังจากลองชุดแต่งงานวันนั้น บงกชเพชรก็พยายามหลบหน้าเขมนัทต์ตลอด เพราะเธอรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย กลัวเขาจะฉวยโอกาสเอาอีก

วันแต่งงานมาถึง เป็นพิธีแต่งงานที่จัดขึ้นในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลวรกาญจน์ เชิญแขกเหรื่อมามากมายเพราะคฤหาสน์หลังใหญ่กว้างขวางมีพื้นที่นับสิบไร่ จะเชิญแขกมามากมายเท่าไหร่ก็ย่อมได้

แต่คุณย่าแพรพิไลก็เชิญแต่แขกคนสำคัญมาเท่านั้น

เจ้าสาวออกมาในชุดไทยประยุกต์สีงาช้างปักดิ้นทองทั้งชุด ส่งให้เจ้าสาวสวยหวานงดงามจับตาจับใจ ใบหน้าถูกแต่งแต้มบางเบาเนียนละเอียด ผมเกล้าเอาไว้พร้อมด้วยปักปิ่นทองลวดลายวิจิตรงดงาม เป็นของขวัญที่คุณย่าแพรพิไลมอบให้ว่าที่หลานสะใภ้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel