บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ที่นี่ที่ไหน

ตอนที่ 2

...เฮือก...

ดวงตาคู่งามกลับมามีประกายของการมีชีวิตอีกครั้ง พร้อมกับอาการแน่นหน้าอก หัวสมองมึนงง หายใจไม่ออก สองแขนที่ไร้เรี่ยวแรงในตอนแรก จึงกลับมาแหวกว่าย สองเท้าก็ช่วยถีบให้เกิดแรงส่ง ดันร่างกายอวบอ้วนให้กลับขึ้นมาพ้นผิวน้ำได้สำเร็จ

...เฮือก...

พอศีรษะพ้นมาจากผิวน้ำ ริมฝีปากอวบอิ่มก็อ้ากว้าง พยายามสูดอากาศเข้าไปภายในร่างกายให้ได้มากที่สุด จนร่างกายค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ รับรู้สภาพการณ์รอบตัวได้เป็นอย่างดี

“ทะ...ท่านแม่ ยังไม่ตาย ชะ...ช่วยท่านพี่ด้วยเจ้าค่ะ”

ใบหน้าใหญ่จ้องขึ้นไปบนฝั่ง พบเด็กหน้าตาน่ารัก แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยหยดน้ำใส แววตาใสซื่อก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง...เด็กนี่ คงไม่ได้ร้องไห้เพราะคิดว่านางตายไปแล้วหรอกนะ

“เด็กน้อย ร้องไห้ทำไมหรือ แล้วเจ้าบอกให้ข้าช่วยเหลือใคร”

หญิงสาวที่กำลังว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง ร้องถามเด็กหญิง รู้สึกเอะใจกับคำพูดเมื่อสักครู่มาก

“ทะ...ท่านพี่จมน้ำไปแล้วเจ้าค่ะ”

แม้เหม่ยอิงจะหวาดกลัว ว่าจะถูกแม่เลี้ยงที่ยังไม่ตาย ขึ้นมาเฆี่ยนตีตนอีก แต่ความกลัวว่าจะสูญเสียพี่ชายมีมากกว่า เด็กหญิงจึงยังยอมยืนอยู่ใกล้ขอบสระ พร้อมกับชี้มือไปทางที่เห็นพี่ชายจมลงไป

ท่านพี่...พี่ชาย พี่สาว งั้นหรือ สตรีร่างใหญ่เข้าใจในสิ่งที่เด็กหญิงต้องการบอกแล้ว จึงว่ายน้ำตรงไปยังจุดที่เด็กหญิงชี้ให้ดู

จากนั้นก็สูดอากาศเข้าไปจนเต็มปอด แล้วดำลงไปใต้ผิวน้ำ พยายามลืมตาให้กว้างเท่าที่จะทำได้ กวาดสายตามองหาท่านพี่ของเด็กหญิงคนนั้น

ก่อนที่ลมหายใจที่สูดเข้าไปจะหมดลง หญิงสาวก็มองเห็น ร่างเล็กที่กำลังจมลงสู่ก้นสระ สองแขนสองขาถูกกระแสน้ำพัดไหวไปมา นางจึงรีบว่ายเข้าไปช้อนร่างที่หมดสติจากทางด้านหลัง ใช้มือข้างที่ว่าง แหวกว่ายกลับขึ้นด้านบน

เมื่อพ้นจากผิวน้ำได้ ก็พาร่างของเด็กชาย กลับขึ้นไปบนฝั่ง แล้วทำการปฐมพยาบาลตามแบบที่เคยได้อบรมมา

โดยการจับตัวของเด็กชายวางลงบนพื้น ทำการช่วยปั๊มหัวใจ โดยการเป่าปากสองครั้ง สลับกับกดหน้าอกสามสิบครั้ง ทำแบบนี้ติดต่อกันไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเด็กชายตัวน้อยก็กลับฟื้นคืนสติขึ้นมาได้

“แค่ก ๆ”

“ท่านพี่ฟื้นแล้ว”

หม่าเหม่ยอิง พอเห็นพี่ชายที่หมดสติไป กลับลุกขึ้นมานั่งได้อีกครั้ง ก็รีบเช็ดน้ำตาออก วิ่งเข้าไปนั่งสวมกอดพี่ชายด้วยความดีใจ

“ฮือ ๆ ดีใจเหลือเกินที่ท่านพี่ไม่เป็นอะไร”

หม่าเหวินฝูยังคงนั่งทำหน้ามึนงง สับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองกันแน่ เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เปียกชุ่มไปทั้งตัว

“นี่เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่”

“ท่านพี่จมน้ำเจ้าค่ะ”

“จมน้ำ”

หม่าเหวินฝูเริ่มนึกอะไรขึ้นมาได้แล้ว เขาผลักแม่เลี้ยงลงน้ำ แล้วก็เปลี่ยนใจลงไปช่วยนาง ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น พอแม่เลี้ยงจมน้ำแล้วไม่โผล่ขึ้นมาอีก สักพักร่างกายของเขาก็จมลงไปตาม จากนั้นความรู้สึกทั้งหมดก็ดับวูบลง...แล้ว...

“แล้วใครช่วยพี่ขึ้นมาจากสระน้ำ”

หม่าเหม่ยอิงหันขวับไปทางซ้ายมือ จ้องมองสตรีร่างใหญ่ ที่เอนกายลงนอนกางแขนกางขาอย่างคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง ตอนที่แม่เลี้ยงโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ว่าตนถึงกล้าขอความช่วยเหลือจากแม่เลี้ยงใจร้ายผู้นี้ได้

“ท่านแม่หรือ”

หม่าเหวินฝูกล่าวกับตนเองมากกว่าที่จะเอ่ยถามน้องสาว เขาไม่อยากจะเชื่อว่าสตรีใจร้ายนางนี้ ที่เห็นชีวิตของเขากับน้องสาวเป็นแค่ผักปลา จะยอมช่วยชีวิต...หรือว่า ที่นางช่วย เพราะเห็นว่าการจมน้ำตาย ยังไม่ทรมานสาแก่ใจนาง เลยช่วยเขาขึ้นมา เพื่อที่นางจะได้ใช้ไม้เรียวฟาดตีเขากับน้องสาวจนตาย

“อิงเอ๋อร์ เรารีบกลับไปหาท่านพ่อกันดีกว่า”

เด็กชายหวาดกลัวแม่เลี้ยง จนคิดอะไรไม่ออก รีบลุกขึ้นจับมือน้องสาว แล้ววิ่งอย่างเร็วที่สุดกลับไปบ้านสกุลหม่า ไม่ฟังเสียงร้องเรียกของแม่เลี้ยงใจร้ายเลยแม้แต่น้อย

“เฮ้...เดี๋ยวก่อนเด็ก ๆ จะพากันวิ่งไปไหน”

สตรีร่างใหญ่รีบหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ตะโกนเสียงดังไล่ตามหลังเด็กทั้งสอง ที่พากันออกวิ่งแบบไม่คิดชีวิต ราวกับกำลังหนีอะไรอย่างนั้นแหละ

“อะไรของพวกเขา พิลึกคนจริงเด็กพวกนี้ คำขอบคุณก็ไม่มีสักคำ”

หญิงสาวบ่นออกมา สายตายังคงจ้องมองไปยังทิศทางที่เด็ก ๆ วิ่งหายไป ผ่อนลมหายใจยาว ๆ ออกมา

“ตั้งใจว่าจะนอนพักให้หายเหนื่อย แล้วจะสอบถามว่าที่นี่ที่ไหนเสียหน่อย”

สตรีร่างอวบอ้วนยังคงบ่นพึมพำกับตนเอง มือข้างหนึ่งยื่นออกไปค้ำยันพื้น หวังจะพยุงกายลุกขึ้นยืน นัยน์ตาหงส์ก็ต้องเบิกกว้าง

เมื่อมือที่สายตามองเห็น นั่นมีขนาดใหญ่กว่ามือของนางมาก

...จะเป็นไปได้อย่างไร...หรือว่าเราจะกลืนน้ำเข้าไปมากจนบวม...ไม่น่าจะใช่...

หญิงสาวลองยกมือสองข้างขึ้นมาชูเอาไว้ในระดับสายตา ก่อนจะพลิกกลับไปกลับมา มองภาพที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

“เกิดอะไรขึ้นกับฉันหรือนี่”

ร่างอวบอ้วนออกแรงคลานเข้าไปใกล้ขอบสระ ก่อนจะชะโงกหน้า ก้มลงมองเงาของตัวเองที่สะท้อนเงาฉายอยู่บนผิวน้ำ

“นั่นคือฉันหรือ ทำไมถึงดูน่าเกลียดอย่างนี้...นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรเนี่ย”

ระหว่างที่กำลังนั่งหมดเรี่ยวแรง กับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น ศีรษะของหญิงสาวก็เกิดรู้สึกปวดแปลบขึ้นมากะทันหัน จนต้องรีบยกสองมือขึ้นมาจับที่เหนือศีรษะ ออกแรงบีบเอาไว้ หวังจะบรรเทาอาการเจ็บปวด และภาพที่ฉายขึ้นมาในหัวสมอง ราวกับกำลังฉายภาพยนตร์ของคนสองคน ที่ปะปนกันมั่วซั่วไปหมด

“หยุด หยุดเสียที ปวด ปวดเหลือเกิน”

หญิงสาวทิ้งกายลงนอนบิดกายไปมา ใบหน้านิ่วคิ้วขมวด ปากก็ตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่ง จนเวลาผ่านไปเกือบสองก้านธูป อาการปวดและภาพความทรงจำ จึงค่อย ๆ หายไป และกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

หลางกุ้ยตาน หยัดกายกลับลุกขึ้นมานั่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยหยดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามรูขุมขน ดวงตาคู่งามแข็งทื่อ คล้ายกับคนที่ใกล้จะเสียสติเข้าไปทุกที

“บ้าน...ฉัน...ข้า...ต้องกลับบ้าน”

ร่างอวบอ้วนประคองตัวลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ จากนั้นก็ก้าวเท้าโซซัดโซเซ ไปตามความรู้สึก ความคุ้นเคย ว่าเส้นทางนี้ จะนำพาไปยังสถานที่ ที่คิดว่าเป็นบ้าน

หลางกุ้ยตานหอบสังขาร ที่ทั้งเปียกชุ่มและเปื้อนเศษดินเศษหญ้า เดินผ่านบ้านเรือนหลายหลัง แต่ไม่ได้รับรู้ ว่าชาวบ้านที่พบเห็นสภาพของนาง กำลังพากันยืนชี้มือ และป้องปากหัวเราะอย่างสนุกสนาน แววตาของชาวบ้านแต่ละคนบ่งบอกว่าสมน้ำหน้านางมากเพียงใด

หากเป็นยามปกติ หลางกุ้ยตาน คงยกมือเท้าสะเอว ชี้หน้าด่ากราดอ้ายอีที่มันกล้าหัวเราะเยาะนางแล้ว

แต่ด้วยตอนนี้ ทั้งความคิด ทั้งสภาพจิตใจ ของนางไม่ปกติสักเท่าไรนัก จึงทำแค่เพียงเดินตรงไปข้างหน้า แววตาแข็งกระด้างเลื่อนลอยชอบกล

“เป็นอะไรของนาง วันนี้ไม่ยักด่าพวกเรา”

“นั่นสิ เสื้อผ้าก็เปียกชุ่ม ราวกับไปตกน้ำที่ไหนมา”

“จะไปตกน้ำที่ไหนก็ช่างนางเถอะ แม่เลี้ยงใจร้าย ที่ชอบรังแกลูกเลี้ยงอย่างนาง ข้าภาวนาให้ตาย ๆ ไปเสียด้วยซ้ำ”

“ใช่ ๆ”

เสียงชาวบ้านพากันเออออขานรับ ต่างรู้สึกเกลียดชังหลางกุ้ยตานกันถ้วนหน้า จนไม่คิดอยากจะเสวนาหรือข้องเกี่ยวด้วย...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel