บท
ตั้งค่า

Chapter 4 มรสุมชีวิต

หญิงสาวชี้มือไปที่ต้นทางที่เธอวิ่งมา ปลายจมูกโด่งยังปล่อยลมถี่หอบเป็นระยะ

“ไอ้บ้ากาม! มันจะปล้ำหนู”

“ไหน!” นางจินตนามองตาม แต่ก็เห็นเพียงลูกชายของตัวเองที่เดินตัวโย้เอียงเป็นปูขาเกมา

“ไอ้คนที่มันกำลังเดินมานั่นล่ะค่ะ มันเป็นคนงานที่โรงงานใช่ไหม”

“คนนั้นเตชินพี่ชายของหนูรัณจ้ะ” นางจินตนาบอกความจริง ถึงจะเป็นเรื่องร้ายแต่ก็เข้าทางนางเหมือนเดิม

“เห็นไหมล่ะ! รัณลองคิดดูสิ เหมือนอย่างที่ป้าบอกหรือเปล่า ป้าเองก็แก่มากแล้ว มีลูกชายกับเขาคนเดียวก็ไม่ได้เรื่องได้ราว เห็นอย่างนี้ป้าก็นึกถึงแต่รัณที่จะพอฝากฝีฝากไข้ได้ รัณเองก็เหลือตัวคนเดียวแล้ว ไปมาบ้านสวนกับที่ทำงานก็อันตราย ย้ายมาอยู่กับป้าเสียที่นี่เถอะนะ เรื่องบ้านสวน ถ้าไม่ขายก็จ้างคนดู รัณอยู่ตรงนั้นก็ต้องจ้างเขาอยู่ดี” นางจินตนาเอาไม้นวมเข้าใช้ แกล้งบีบน้ำตา

ดารัณลังเล ขืนเธอมาอยู่ที่นี่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย เธอกับ เตชินไม่ได้เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน อีกทั้งการเลี้ยงดูที่แตกต่าง กับความห่าง ทุกสิ่งล้วนเป็นตัวแปรที่รับประกันไม่ได้ทั้งสิ้น

“ถ้าหล่อนยังลังเลก็ไม่เป็นไร เข้าไปในบ้านก่อนเถอะ พอดีคุณทนายเขามาพบป้า” สิ่งที่จินตนาบอกยิ่งสร้างความงุนงงให้หญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง ป้าของเธอไม่ได้มีอาการป่วยอย่างที่ได้รับสาส์น

แล้วเรื่องทนายมาเกี่ยวอะไรกับตัวเธอ...

“หมายความว่าอะไรคะ”

“ป้าอยากช่วยหนูเรื่องหนี้สิน ก็เลยปรึกษาคุณทนาย หนูแค่เซ็นเอกสารบางอย่างให้ป้าก็พอ ที่เหลือป้าจะให้ทนายจัดการ”

“หนูงงไปหมดแล้วนะคะ คุณป้ารู้เรื่องหนูได้อย่างไร” ดารัณมองป้าสลับทนายอย่างแปลกใจ เธอไม่เคยบอกกล่าวเรื่องราวใดๆ ให้ผู้เป็นป้าฟังสักครั้ง

“ป้ารู้ว่า พ่อเรามีหนี้สินจนต้องฆ่าตัวตายเอาประกัน” คนเป็นป้าบอกเนิบนาบ ถ้าเป็นหลายคนมองก็คงเหมือนแม่พระมาโปรด แต่สำหรับดารัณที่ใช้ตรรกะมากกว่าความรู้สึกกลับไม่สบายใจ

เรื่องราวต่างๆ มากมายเกี่ยวกับการปรากฏกายของนางจินตนาชวนให้เธอได้คิด ทั้งเรื่องงานศพพ่อที่สูญเสียกะทันหัน นางก็รู้ ทั้งที่เกลียดครอบครัวของเธอเข้าไส้ รวมถึงเรื่องหนี้สินที่หญิงสาวไม่เคยปริปากบอกใครนอกจากหมอกรุณพล แล้วเธอก็มั่นใจเกินร้อยว่า หมอหนุ่มไม่มีทางปริปากพูดเรื่องของคนอื่นแน่นอน

“คุณป้ารู้เรื่องได้อย่างไรคะ” หญิงสาวถามย้ำ

“ก่อนตายพ่อของรัณแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากป้า แต่ป้ายังไม่ได้ช่วยก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ป้าอยากทดแทนความรู้สึกผิดให้ครอบครัวของรัณ” นางจินตนายกคนตายขึ้นมาอ้าง อย่างไรเสียก็ไม่สามารถพิสูจน์อะไรจากศพได้

ดารัณมองหน้าคนเป็นป้าอย่างชั่งใจ ทั้งที่ไม่เชื่อสักนิดว่า บิดาของเธอจะบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ลั่นวาจาว่าเกลียดพวกเธอ แต่วินาทีนี้เธอคงจะพิสูจน์อะไรไม่ได้ เพราะหลักฐานและข้อมูลของคนอ้างก็น่าเชื่อถือมากพอ

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ ถือว่าป้าขอไถ่โทษกับครอบครัวของหนูก็แล้วกัน”

“แต่รัณคงรับเงินคุณป้าเอาไว้เฉยๆ ไม่ได้” หญิงสาวบอกอย่างเกรงใจ เข้าทางนางจินตนาที่สบช่องหาโอกาสเอาคืน นางต้องได้สักอย่าง ถ้าดารัณไม่แต่งงานกับลูกชายเจ้าของโรงงานซีอิ๊วขาว นางก็ต้องได้ที่สวนของดารัณมาตั้งโรงงานใหม่

“ถ้าอย่างนั้นรัณก็แต่งงานกับเสี่ยภากรสิ แล้วรัณก็จะสบายไปตลอด”

“ไม่นะคะ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ ถ้ารัณไม่แต่ง ป้าก็จะไม่บังคับรัณอีกต่อไป แต่หนูต้องไปเซ็นเอกสารเรื่องหนี้ไว้ให้ป้านะ ป้าจะให้ทนายไปจัดการให้” หญิงสาว พยักหน้ารับอย่างจำยอม เธอไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ในเมื่อญาติผู้ใหญ่ยื่นมือมาช่วยเหลือเธอก็ควรจะลดทิฐิรับเอาไว้ก่อนไม่ใช่หรือ เอาไว้เธอค่อย หาคืนทีหลังก็ยังไม่สาย

“คุณทนาย ช่วยนำเอกสารที่เตรียมไว้มาให้หลานสาวดิฉันเซ็นหน่อยค่ะ” นางจินตนาร้องเรียกทนายประจำบริษัทอย่างอารมณ์ดี

เอกสารปึกใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะกลางห้องโถง ดารัณเอื้อมมือไปจะหยิบขึ้นมาดู แต่เสียงแหลมของนางจินตนาก็เร่งทนายขึ้นมาเสียก่อน แล้วหันไปคุยกับหลานสาว

“เปิดเร็วๆ สิคุณทนาย”

“รัณไม่ต้องอ่านหรอกลูก งานพวกนี้ให้มืออาชีพเขาทำกัน เราดูก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร ป้าทำงานกับคุณทนายมาเกือบยี่สิบปี ไว้ใจได้”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำแบบจำยอมที่โดนมัดมือชกอีกครั้ง เธอก้มลงเซ็นเอกสารที่คุณทนายทำเครื่องหมายเอาไว้ให้ โดยที่ไม่มีโอกาสได้รู้เลยสักนิดว่าเอกสารปึกนั้นเป็นสัญญาซื้อขายที่ดินบ้านสวนของเธอในราคาถูกแสนถูก ทรัพย์สินเพียงชิ้นเดียวที่หลงเหลือติดตัว สิ่งที่พ่อกับแม่ของเธอหามาทั้งชีวิตกำลังจะมลายไปเพราะคำว่า ญาติเพียงคนเดียวและความไว้เนื้อเชื่อใจ

“เสร็จแล้วก็กลับได้เลยนะคุณทนาย พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาหาฉันใหม่ วันนี้ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับหลานสาวของฉัน” นางจินตนาบอกอย่างอารมณ์ดี ไม่มีอะไรที่นางอยากได้แล้วไม่ได้ แม้กระทั่งเสี้ยมแม่แท้ๆ ให้เกลียดน้อง และได้โรงงานมาครอง ถึงแม้ว่า ตอนนี้จะไม่มีใครได้เห็นพินัยกรรมก็ตาม คนที่มีส่วนในมรดกก็พ้นทางนางไปหมดแล้ว

คล้อยหลังทนายรุ่นคุณลุง นางจินตนาก็หันมายิ้มอย่างอารมณ์ดีกับหลานสาว

“ป้าเพิ่งนึกได้ว่า ต้องไปงานเลี้ยงรับรองผู้ส่งออกอาหารกระป๋อง เดี๋ยวป้าแวะไปส่งที่โรงพยาบาลนะ”

ดารัณยิ่งแปลกใจหนักกับการกระทำของป้า ทั้งที่เมื่อกี้บอกจะคุยกับเธอ แล้วเมื่อบ่ายก็ส่งข้อความไปบอกว่าหกล้มไม่สบายหนัก แต่สิ่งที่เห็นกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่แปลกใจแต่หญิงสาวก็เพียงพยักหน้ารับ

“คุณป้าหกล้ม เจ็บตรงไหนบ้างคะ”

“ไม่เป็นไรแล้วลูก” คนเป็นป้าบอกอย่างอารมณ์ดี

“ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นป้าขอไปแต่งตัวสักครู่นะ” สตรีวัยทองบอกหลานสาวก่อนที่จะเดินตัวปลิวขึ้นบ้านไป ไม่มีอาการเจ็บปวดให้เห็นแต่อย่างไรทั้งสิ้น

หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามหลัง นับสิบปีที่เธอไม่ได้เจอผู้เป็นป้า ได้แต่บอกตัวเองว่า เธอคงยังไม่ชินกับสังคมคนรวยกระมัง สักวันคงจะปรับตัวให้อยู่กับสังคมเมืองอย่างพวกเขาเหล่านี้ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel