Chapter 3 ป้ามหาภัย
นางจินตนามาเยี่ยมหลานสาวทุกวัน จนนานวันผันผ่านหัวใจ ดวงน้อยเริ่มกร่อนจากการถูกกัดเซาะด้วยคำพูดหว่านล้อมของคนเป็นป้าจนกระทั่งหายเป็นปกติและสามารถไปทำงานได้
หญิงสาวไม่ยอมปริปากบอกเรื่องเงินของเธอให้คนเป็นป้ารู้ เพราะว่าเธอกับป้าก็ไม่ได้เจอกันมาหลายปี จู่ๆ โผล่เข้ามาในชิวิต ดารัณยังแปลกใจ ไม่หาย
แต่มีหรือคนซอกแซกอย่างจินตนาจะไม่รู้เรื่องราว ไม่มีใครรู้ว่า ป้าที่ไม่เคยนับญาติสักครั้งจะทำดีกับหลานเพราะเหตุผลอะไร แม้กระทั่งดารัณเอง
เช้าวันทำงานดารัณได้รับโทรศัพท์จากสาวรับใช้คนสนิทของผู้เป็นป้าตั้งแต่เช้า นางให้คนโทรมาแจ้งว่า จะไม่ได้เข้าไปหาเธอที่บ้านสวนหลายวัน หญิงสาวจะถามถึงเหตุผล สาวเจ้าก็วางสายไปเสียก่อน ที่ผ่านมานางจินตนาเฝ้าทำดีถามสารทุกข์สุกดิบเยี่ยงป้าหลานที่รักกันปานจะกลืน
หลังจากที่วางโทรศัพท์ ดารัณถอยหายใจเฮือกอย่างไม่เข้าใจ เธอเองก็ไม่ได้ต้องการให้ป้าเข้ามาดูแลอย่างนี้ ไม่ได้ใส่ใจกับการโทรมาแจ้งมากนัก เพราะคิดว่า คนเป็นป้าคงติดธุระเรื่องธุรกิจ หญิงสาวสาละวนกับคนไข้ที่ล้นวอร์ดจนลืมเรื่องของป้าไปสนิท
ติ๊ดๆ ๆ
เสียงเตือนข้อความดังขึ้น หญิงสาวหันกลับไปมองโทรศัพท์ของเธอวางอยู่บนโต๊ะทำงาน ก่อนที่จะเดินไปหยิบ แสงไฟที่กะพริบเตือนหน้าจอบอกถึงเหตุผลได้เป็นอย่างดีว่า เป็นเสียงจากเครื่องของเธอ
“ป้าหกล้มไม่สบายมาก” ข้อความเพียงสั้นๆ กระตุกหัวใจของคนอ่าน ถึงแม้ว่า เธอจะเพิ่งรู้สึกดีกับนาง แต่สายใยความผูกพันระหว่างสายเลือดก็ตัดกันไม่ขาด เธอโทรกลับไปถามทันที แต่เสียงตอบรับกลับมาคือติดต่อไม่ได้ริ้วรอยความกังวลใจฉายแววออกมาชัดเจน ยิ่งอาชีพของเธอ การไม่ดูดำดูดี คนป่วยเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นสักครั้ง
หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง เวลาที่บอกผ่านบนหน้าปัดวงกลมบอกให้รู้ว่า เวลาเลิกงานของเธอยังเหลืออยู่อีกไม่นาน หญิงสาวตัดสินใจเดินไปขอหัวหน้าเวรออกก่อนเวลา
“พี่ตาคะ วันนี้รัณขอออกก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมคะ พอดีว่าคุณป้าหกล้มน่ะค่ะ”
“ไปเถอะ ทางนี้คงไม่มีอะไร อย่าลืมฝากงานค้างที่จะส่งต่อเวรบ่ายให้เพื่อนด้วยนะ”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำพร้อมกับยกมือทำความเคารพก่อนที่จะเดินออกไป
หลังจากที่ออกจากห้องทำงาน ดารัณเลือกกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องในคอนโดโรงพยาบาลก่อน หญิงสาวควานหาชุดในตู้หยิบชุดลำลองเรียบๆ ออกมาสวม แต่ถึงอย่างนั้นอกอวบอูมก็ดันล้นออกมาให้เห็นอกขาวรำไร เธอเลือกใช้กางเกงขาสั้นมากกว่ากระโปรง เพราะที่คอนโดเธอไม่ค่อยมีชุดติดไว้มากเท่าใดนัก ที่มีก็จะมีเพียงแต่ชุดกางเกงขาสั้นกับชุดนอนที่เธอเก็บเอาไว้ใส่ในห้องเท่านั้น
อาณาจักรโรงงานผลไม้กระป๋องของตระกูลที่ดารัณเคยมาไม่กี่ครั้ง เธอพอจำได้ลางๆ ว่า บ้านของยายอยู่หลังโรงงาน ดารัณหันรีหันขวางมองหาคนงานพอที่จะถาม หากแต่กลับไม่มีใครสักคน เวลานี้เป็นเวลาเลิกงาน พนักงานคงกลับบ้านกันหมดแล้ว
สองขาก้าวต่ออย่างกล้าๆ กลัวๆ หญิงสาวมองพร้อมกับสำรวจอย่างพินิจพิเคราะห์ พื้นที่ข้างหน้าที่เธอเดินผ่านมาคงจะเป็นโรงงานซีอิ๊วขาวอย่างที่ป้าของเธอเคยเล่าให้ฟัง จะว่าไปถนนหนทางก็ออกจะสะดวกไม่ได้คับแคบลำบากเหมือนอย่างป้าเธอบอกสักนิด เดินสำรวจไปจนเพลินในที่สุดหญิงสาวก็เดินเข้ามาถึงตัวโรงงาน
“ว้าย!!!” หญิงสาวร้องเสียงหลง จังหวะที่เธอเดินครุ่นคิดอย่างใจลอยก็ชนโครมกับใครบางคนเข้า ร่างบางอ้อนแอ้นของเธอลอยหวือเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนคนตัวโตอย่างง่ายดาย
กลิ่นลมหายใจอ่อนๆ ที่หญิงสาวสัมผัสไม่ได้บริสุทธิ์เท่าใดนัก เดาได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า กลิ่นลมหายใจนั้นเจือด้วยแอลกอฮอล์ในเลือดเข้มข้นเกินมาตรฐาน
“ปล่อยนะ” หญิงสาวดิ้นพร้อมกับร้องบอกอีกคน
บุรุษเพศที่เลือดปนน้ำเมายิ้มกริ่ม ดวงตาสีเข้มวาวโรจน์เมื่อเห็น เรียวขาขาวผ่องโผล่พ้นกางเกงขาสั้น อกอวบอิ่มดันยกทรงที่ซ่อนอยู่ในเสื้อกล้ามเน้นรูปทรงองค์เอว สะโพกผายรับกับเอวคอดราวกับปั้นแต่งทุกส่วนสัดให้ลงตัวเย้ายวนใจบุรุษเพราะไม่ว่าจะมองตรงส่วนไหนต่างก็เรียกแรงปรารถนาในกายของเพศตรงข้ามได้ไม่ต่างกัน เว้นเสียแต่ว่า ผู้ชายคนนั้นกามตายด้าน
ลำแขนแกร่งของเตชินรวบเอวไว้ด้านหลังไม่ยอมปล่อย มืออีกข้างตั้งใจเลื่อนตะปบทรวงอิ่ม แต่ทว่าเจ้าตัวกลับยกมือขึ้นปิดป้องไว้ได้ทันก่อนที่มือของไอ้หื่นจะจาบจ้วงโดนเนื้ออกหยุ่น
“ปล่อยนะ...ไอ้บ้ากาม!” หญิงสาวร้องเสียงดังเหวี่ยงตัวหนีพร้อมฟาดศอกกลับมาด้านหลังอย่างแรง ตรงจังหวะปลายจมูกเข้าพอดี
เลือดกำเดาแดงฉานไหลอาบลงมาที่คาง เตชินยกมือเช็ดลวกๆ เงยหน้ามองหญิงสาวอย่างคาดโทษ
“มันจะมากไปแล้วนะ หล่อนเป็นใคร คนงานในโรงงานหรือเปล่าถึงได้กล้าดีกับฉัน” เตชินตวาดลั่น เดินหน้าเข้าหาเหยื่ออย่างหื่นกระหาย เพราะสาวในโรงงานแห่งนี้ เขาแค่กระดิกนิ้ว ทุกอย่างจะต้องได้ดั่งใจ
“มันน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคนบ้ากามอย่างแก ฉันตั้งใจให้ฟันร่วงทั้งปากเลยด้วยซ้ำ...แต่คงลงน้ำหนักไม่มากพอ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว ไม่รู้จักลูกสาวชาวสวนเสียแล้ว
“หล่อนจะหวงตัวไปถึงไหน รู้ไหมว่า ฉันเป็นใคร”
“ขนาดตัวเองก็ยังไม่รู้ว่า ตัวเองเป็นใคร ไปลงนรกซะ!” หญิงสาวผลักอกชายหนุ่มออกแล้วรีบเดินหลบไปที่บ้านหลังโรงงาน แต่มือหนาของหนุ่มขี้เมาก็คว้าเอาไว้ได้เสียก่อน
“แล้วถ้าเปลี่ยนมาเป็นผัวล่ะ...หล่อนจะยังไม่รู้จักฉันอยู่ไหม” เตชินเดินย่างสามขุมเข้ามาหา
“ก็ลองดูสิ...ถ้าคิดว่า ฉันไม่มีมือล่ะก็” หญิงสาวตั้งการ์ดจ้องหน้าอีกคนนิ่งไม่วางตา ทั้งที่ไม่เคยเรียนการต่อสู้สักครั้ง แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็สอนให้เธอทำ
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเอื๊อก เดินเซเข้าหาหญิงสาว อารามตกใจเธอเพียงผลักอกหนุ่มร่างใหญ่ก็หงายหลังตึง เว้นช่วงจังหวะให้หญิงสาวได้วิ่งออกไปสุดแรงที่มี
“วิ่งหนีอะไรมา” เสียงของผู้เป็นป้าร้องทักหยุดจังหวะการก้าวของหญิงสาว เพราะความตกใจกลัวทำให้เธอลืมแม้กระทั่งเรื่องราวที่ต้องดั้นด้นมาที่นี่
