ตอนที่ 5
“ผมต้องการดูแลลูก ถึงแกจะเกิดจากอะไรก็ตาม แต่แกเป็นลูกชายผมเป็นคนในตระกูลเมดิสัน ผมไม่ยอมให้ลูกต้องมาอยู่ตามลำพังแบบนี้ ไม่รู้จักญาติพี่น้องของแกหรอก”
“ฉันเลี้ยงของฉันมาตั้งแต่เกิด จู่ๆ คุณจะมาพรากแกจากอกฉัน ฉันไม่ยอมยกแกให้คุณหรอก” วาสินีกำหมัดแน่น จ้องหน้าคนตัวโตอย่างคนที่พร้อมจะปกป้องหัวใจดวงน้อยของตัวเองสุดกำลัง
โอลิเวอร์แค่นยิ้ม มองท่าทางเหมือนหนูขู่แมวของหญิงสาวแล้วส่ายหน้า สิตาภาเคยร้ายกว่านี้... แต่ก็ดีร้ายน้อยกว่าเดิมเขาจะได้จัดการเธอง่ายหน่อย
“สิตาผมบอกเหรอว่าผมจะพรากลูกไปจากคุณ” เขาจ้องหน้าเธอนิ่ง แววตาของเขาแข็งกร้าวขึ้น “เราจะไปอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกที่ลอนดอน เราจะแต่งงานและจดทะเบียนกัน น้องเอื้อจะเป็นลูกชายของผมโดยมีคุณเป็นแม่ของแกเหมือนเดิม”
ข้อเสนอของเขาทำเอาวาสินีนิ่งเงียบ ครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากเธอรับปากไป
“ถ้าฉันไม่รับปากล่ะคะ”
โอลิเวอร์ยิ้มเย็น เดาได้ว่าเธอต้องตอบมาแบบนี้ “ถ้าคุณไม่รับข้อเสนอของผม คุณก็เตรียมย้ายไปนอนในคุกได้เลย คดีพยายามฆ่าพี่ชายผมเมื่อห้าปีก่อนยังไม่หมดอายุความ ผมสามารถเอาคุณเข้าคุกได้ ในเมื่อแม่ของแกไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดูลูกได้เพราะติดคุก พ่ออย่างผมก็สามารถรับแกไปเลี้ยงดูแทน ถึงเวลานั้นลูกก็จะเป็นของผมโดยคุณไม่มีปัญญามาขวางอีก หึ หึ”
วาสินีใจหายวาบลืมคิดถึงข้อนี้ เขาช่างร้ายกาจนักจะแจ้งตำรวจจับแม่ของลูกเพื่อแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก สิ่งที่เขาอ้างมันมีทางทำได้ เธอไม่ได้กลัวถูกจับเพราะไม่ได้ทำผิดกฏหมาย แต่หากต้องพิสูจน์ความจริงขึ้นมาเขาต้องรู้ว่าเธอไม่ใช่แม่ของน้องเอื้อ มันยิ่งง่ายที่เขาจะใช้สิทธิ์ในฐานะพ่อเอาตัวน้องเอื้อไปดูแล หญิงสาวเริ่มคิดไม่ตกหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ เธอไม่อยากเสียน้องเอื้อให้เขาไปเพราะรับปากกับสิตาภาไว้แล้วว่าจะดูแลน้องเอื้อแทนพี่สาวฝาแฝด ซึ่งเธอตั้งใจไว้ว่าจะดูแลน้องเอื้อไปตลอดชีวิต หากตอนนี้โอลิเวอร์มาทวงสิทธิ์ของเขาแล้ว
“คุณมันร้ายนัก... บีบบังคับให้ฉันไม่มีทางเลือก” เธอด่าว่าเขาด้วยความแค้นใจ
“ผมจะไม่ร้าย ถ้าคุณยอมทำตามที่ผมต้องการ” โอลิเวอร์กดยิ้มพอใจ เมื่อเห็นท่าทางของเธอ “พรุ่งนี้เราจะจัดงานแต่งงาน หลังจากนั้นเราจะบินกลับไปอังกฤษด้วยกันและจดทะเบียนกันที่นั่น”
“อะไรนะคะ ทำไมไม่ให้เวลาฉันคิดบ้าง” วาสินีรีบท้วง ตกใจที่เขาจะแต่งงานกับเธอเร็วแบบนั้น
“ให้เวลาคุณหอบลูกหนีผมไปน่ะเหรอสิตา ผมไม่โง่แบบนั้นหรอกน่า”
โอลิเวอร์ยิ้มอย่างรู้ทันเธอ เขามองใบหน้าซีดของอีกฝ่ายแล้วอดเวทนาไม่ได้ แต่ก็แข็งใจไม่ยอมใจอ่อนกับเธออีก สิตาภาเจ้าเล่ห์มารยามากมายนัก ในอดีตเธอเคยปั่นหัวเขาจนกลายเป็นคนโง่มาแล้ว จากนี้ไปเขาไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้นอีก คนเราโง่หนสองหนก็เกินพอแล้ว อย่าให้ใครมาทำให้โง่ซ้ำซากจนเขางอกเต็มหัวอีกเลย
“ก็ได้ พ่อคนฉลาด” ...ฉลาดจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร วาสินีสะบัดเสียงเข้าใส่ “ฉันจะแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ฉันมีข้อตกลงบางอย่างกับคุณ”
คิ้วดกหนาเลิกขึ้นสูง ดวงตาสีฟ้าสดจ้องหน้าคนพูดอย่างระแวง “ข้อเสนออะไร ถ้ามันไม่เกินความสามารถและไม่ทำให้ผมเดือดร้อน ผมอาจรับปากคุณ”
“มันไม่เกินความสามารถของคุณแน่”
วาสินีเริ่มทนความเจ้าอำนาจของเขาไม่ได้ ไหนสิตาภาเคยบอกว่าโอลิเวอร์แสนดี ยกย่องเธออย่างกับเจ้าหญิง ยอมให้จูงจมูกง่ายอย่างไรล่ะ ตอนนี้ผู้ชายที่สิตาภาเคยหลอกใช้เป็นเครื่องมือกลับทำท่าน่ากลัวจนไม่อยากเข้าใกล้
“ว่ามา ข้อตกลงที่คุณต้องการมีอะไรบ้าง” โอลิเวอร์กอดอก ตั้งท่ารับฟังเต็มที่
“เราจะแต่งงานกันแต่ในนามเท่านั้น ห้ามคุณล่วงเกินฉันแบบสามีภรรยาทั่วไป เอ่อ... ฉันหมายถึงห้ามคุณนอนกับฉัน” วาสินีกลั้นใจพูดออกไป ใบหน้างามแดงเรื่อเมื่อต้องเอ่ยปากพูดถึงเรื่องลึกซึ้งแบบนี้
“ผมเข้าใจ คุณเป็นเลสเบี้ยนไม่ชอบนอนกับผู้ชายอยู่แล้วนี่ ผมไม่ฝืนใจคุณหรอก เราจะอยู่ด้วยกันในฐานะพ่อแม่ของน้องเอื้อเท่านั้น เรื่องบนเตียงผมจะไม่ยุ่งกับคุณ”
โอลิเวอร์พยักหน้ายอมรับ เขาเข้าใจว่าเธอคงรังกียจสัมผัสจากผู้ชาย ซึ่งเขาเองก็คงไม่คิดจะมีอะไรกับเธออีก ครั้งนั้นเขาข่มเหงเธอเพราะแรงโทสะเธอไม่ได้เต็มใจ
วาสินีรู้สึกโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายยอมรับปาก “ขอบคุณมาก ที่คุณเข้าใจฉัน” เธอแอบขอบคุณรสนิยมทางเพศของพี่สาวฝาแฝด ที่กลายเป็นเกราะป้องกันเธอจากผู้ชายคนนี้
“ผมก็มีเรื่องต้องตกลงกับคุณเหมือนกัน” เขาไม่ยอมเสียเปรียบฝ่ายเดียว
วาสินีกะพริบตาปริบๆ พยักหน้าให้เขา” ว่ามาค่ะ ถ้าฉันทำได้ฉันจะทำ” เธอยอมรอมชอมเพราะเห็นแก่ที่เขายอมรับข้อตกลงของเธอแล้ว
“เราแต่งงานกันในนามก็จริง แต่ผมไม่อยากให้ใครมองว่าคู่ของเราไม่สมบูรณ์ เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเราต้องสวมบทบาทสามีภรรยาที่รักกันมาก บางทีมันต้องมีแตะเนื้อต้องตัวกันบ้าง กอดหอมกันบ้างไม่คนอื่นสงสัย น้องเอื้อเองแกก็คงอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นพ่อแม่รักใคร่กัน” โอลิเวอร์บอกความต้องการของตัวเองให้เธอรู้
