ตอนที่ 4 สาเหตุของความเครียด
ตอนที่ 4 สาเหตุของความเครียด
อาการของคุณภูวดลในตอนนี้รู้สึกตัวแล้ว การเจาะกะโหลกดูดน้ำออกไปนั้นได้ผลดีเยี่ยม ร่างกายที่ยังพร้อมจะสู้และอยากดูแลบุตรสาวต่อไปให้นานที่สุดต่อสู้กับโรคร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ เปลือกตาหนาของคนนอนบนเตียงต่อเนื่องมานาน 3 วันขยับก่อนจะลืมตาขึ้น แววตาคู่นั้นกวาดมองไปมา ปลายนิ้วหนาใหญ่ข้างขวากระดิกได้และตอนนี้มันก็สัมผัสกับเรียวแขนของคนที่ฟุบหน้าหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย
นาดารู้สึกตัวทันที เธอมองปลายนิ้วของพ่อเห็นว่ามันยังกระดิกได้ คุณหมอบอกว่าพ่อของเธออาจจะเป็นอัมพาตที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ต้องรอให้ท่านฟื้นจึงจะรู้ว่าท่านไร้ความรู้สึกที่ส่วนไหน
“คุณพ่อ! ป้าจันคะคุณพ่อฟื้นแล้วค่ะ”
จันทราลุกพรวดทันทีรีบสาวเท้ามาดูคุณท่านลืมตาตื่นก่อนจะวิ่งออกไปบอกพยาบาลให้มาดูอาการ ครู่เดียวนางพยาบาลก็เข้ามาพร้อมคุณหมอเจ้าของไข้ นาดาหลบฉากออกไปจากข้างเตียงเพื่อให้คุณหมอตรวจเช็กร่างกายของคุณพ่อได้สะดวก เธอรอด้วยใจจดจ่ออยากได้ยินข่าวดีมากกว่าข่าวร้าย การที่คุณพ่อของเธอฟื้นคุณหมอก็น่าจะมีข่าวดีบอกเธอ
“คนไข้รู้สึกตัวดีนะครับ พูดได้ พยักหน้าและจับต้องได้ แต่ขาทั้งสองข้างของคนไข้ไร้ความรู้สึกครับ”
“คุณพ่อเป็นอัมพาตหรือคะ”
“ครับ นี่ถือว่าโชคดีมากนะครับที่คนไข้พูดได้ ใช้มือจับโน่นนี่ได้”
“แล้วคุณพ่อมีสิทธิ์จะกลับมาเดินได้ไหมคะ”
“คนที่เป็นอัมพาตยากมากที่จะกลับมาเดินได้ แต่ยังไงก็ควรจะต้องทำกายภาพบำบัด บางทีคนไข้อาจจะโชคดีซ้ำซ้อนก็ได้นะครับ” คุณหมอให้กำลังใจทั้งที่มันเป็นไปได้ยาก ทว่าการอยู่โดยที่ยังมีความหวังยังดีกว่าอยู่แบบไร้ความหวังใดๆ หมอเองก็ภาวนาของให้ความพยายามนั้นประสบความสำเร็จ
“หมอขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
นาดาพุ่งตัวเข้าไปเกาะเตียงคนไข้ เห็นแววตาของบิดากวาดมองไปรอบๆ ห้อง เธอรอจนดวงตาคู่นั้นหันมามองเธอ รอยยิ้มแสนสุขปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วัน นี่ถ้าเธอไม่มีเงินในบัญชีมากมายก็คงไม่ได้รับการรักษาอย่างดีจากนายแพทย์ด้านสมองมือหนึ่งของโรงพยาบาลแห่งนี้ เธอไม่เสียดายเงินจำนวนนั้นเลยสักนิด แม้ว่าตอนนี้มันจะไม่มีเหลืออีกแล้วก็ตาม ชีวิตของบิดาสำคัญกว่าอื่นใด เมื่อถึงความจำเป็นจะต้องแลกเธอก็ยินดี
“คุณพ่อคะ ได้ยินน้ำค้างไหมคะ” เธอก้มลงกระซิบถามข้างหูของท่าน พร้อมกับจูบแก้มอวบอูมของท่านด้วยความรักที่สุดในหัวใจ
“น้ำค้าง” เสียงเรียกของท่านเหมือนน้ำทิพย์ชโลมหัวใจ น้ำตากลิ้งออกมาจากหางตาด้วยความยินดี
“คุณพ่อปลอดภัยแล้วนะคะ คุณพ่อกลับมาอยู่กับน้ำค้างแล้วนะคะ” อ้อมกอดเล็กๆ โอบร่างหนาท้วมของคนเป็นพ่อ น้ำเสียงสั่นเครือที่ส่งผ่านให้ได้ยินนั้นทำเอาน้ำตาของคุณภูวดลหลั่งริน ท่านไม่ได้สูญเสียความทรงจำแต่อย่างใด และท่านก็ยังจำได้ก่อนหน้านี้ท่านเป็นอะไรไป
“หนูพาพ่อมาโรงพยาบาลหรือลูก”
“ค่ะ น้ำค้างกลับบ้านไปเห็นบ้านเงียบกริบก็ไปดูที่ห้องทำงานคุณพ่อ แล้วเจอคุณพ่อนอนสลบอยู่บนพื้น น้ำค้างตกใจมาก กลัวมากด้วย กลัวว่าคุณพ่อจะไม่ฟื้นขึ้นมาหาน้ำค้างเสียแล้วค่ะ”
“เรามีกันสองคนพ่อลูกนี่นา” น้ำเสียงของท่านแหบแห้งเบาหวิว แต่กระนั้นนาดาก็ยังได้ยินชัดเจนสองหู มือของท่านลูบศีรษะของเธออย่างรักใคร่ รู้สึกดีใจมากมายที่ได้กลับมาหาคนที่รักสุดหัวใจอีกครั้ง
“คุณพ่อพักผ่อนนะคะ อย่าเพิ่งพูดอะไร” เธอเห็นเปลือกตาของท่านกำลังพริ้มลงเรื่อยๆ คงยังอ่อนเพลียอยู่มอง และคุณหมอก็ยังงดน้ำงดอาหาร น้ำเกลือจะช่วยให้ท่านฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
เรื่องที่รู้มาจากคนของเขา ทำให้วินเซนโซ่นึกเป็นห่วงคนตัวเล็กจับใจ คุณอาภูวดลเป็นอัมพาตเพราะเส้นเลือดในสมองแตก ตอนนี้คนตัวเล็กจำต้องแบกรับภาระหนักอึ้งไว้คนเดียว เขาจะมีวิธีช่วยเหลือเธออย่างไรโดยที่ยังไม่ปรากฏตัวตนที่แท้จริง
“ฉันควรจะทำยังไงดีนิค”
“เรื่อง?” โดมินิคตวัดตามองเพื่อนที่นั่งคิดไตร่ตรองในเรื่องบางอย่างอยู่นานแล้ว เขาพอจะรู้จากปากวินเซนโซ่ว่าพ่อของสาวน้อยคนนั้นเป็นอัมพาตช่วงล่าง ยังสงสัยอยู่ว่าเพื่อนของเขาจะทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ เพราะสาวน้อยคนนั้นตอนนี้คงกำลังลำบากมากพอดู
“ฉันควรจะช่วยน้ำค้างยังไง โดยที่เธอจะไม่สงสัยในตัวฉัน”
“อยากช่วย แต่กลัวเธอจะสงสัย นายนี่ก็แปลกนะวิน ทำไมไม่บอกความจริงไปเลย เพราะถึงยังไงสาวน้อยคนนั้นก็ไม่มีทางรอดพ้นจากเงื้อมือของนายอยู่แล้ว”
“เฮ้ย! นายคิดว่าฉันจะยอมแต่งงานกับเด็กนั่นหรือไง” วินเซนโซ่โวยวายแต่ผินหน้าไปมองทางอื่น โดมินิคแค่นยิ้มให้คนปากไม่ตรงกับใจ พวกไม่ยอมรับความจริงง่ายๆ มันน่าซัดสักตุ้บสองตุ้บ
“อ้าว ไม่เอาก็ให้ฉัน บอกแล้วไง ฉันคิดออกแล้ว”
“คิดอะไรออก?” เพื่อนรักลุกพรวดจากโซฟามาเท้าโต๊ะทำงานโน้มตัวนิดๆ ท่าทีสนอกสนใจกับความคิดของเพื่อนมากมาย ทว่าโดมินิคกลับเม้มปากทำท่าครุ่นคิดเป็นนานสองนาน พอแกล้งจนพอใจแล้วถึงจะเอ่ยเอื้อนให้อีกฝ่ายถลึงตาใส่
“คิดว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีให้สักสิบล้าน ช่วยๆ กันไป เธอจะได้มีแรงหายใจต่อ”
ทันทีที่โดมินิคพูดจบ วินเซนโซ่ก็ต่อสายข้ามทวีปถึงมารดา รอสักครู่ก็ได้ยินเสียงหวานๆ ของบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง
“ว่าไงวิน”
“ผม... “ เขาหยุดคิดครู่หนึ่ง “ผมจะถามคุณแม่ว่า พอจะทราบเลขบัญชีของคุณอาภูวดลไหมครับ”
“ทำไมเหรอวิน มีอะไรจะบอกแม่หรือเปล่าลูก”
“คือ... ตอนนี้คุณอาภูวดลป่วยหนักครับ ผมอยากช่วยแบ่งเบาภาระของน้ำค้าง ผมสงสารเธอ เธอยังเด็กมาก”
โดมินิคกระแอมกระไอในลำคอ สมเพชกับการโป้ปดของคนปากไม่ตรงกับใจ อยากช่วยเพราะสงสาร หึ แค่ความสงสารไม่เคยมีบทบาทต่อหัวใจด้านชาของวินเซนโซ่อยู่แล้ว ไอ้หมอนี่มันขี้ปดนัก
“ตายจริง แล้วคุณอาเป็นอะไรมากหรือเปล่าวิน”
“คุณอาภูวดลเป็นอัมพาตช่วงล่างครับ สาเหตุเกิดจากเส้นเลือดในสมองแตก”
“ต๊าย จริงๆ หรือวิน ไม่ได้แล้ว แม่ต้องบินไปเยี่ยมหน่อย”
“อย่าเพิ่งเลยครับ” วินเซนโซ่รีบค้าน
“ทำไมล่ะวิน แม่รอช้าไม่ได้หรอก คุณอาป่วยหนักขนาดนี้ แล้วนี่หนูน้ำค้างเป็นยังไงมั่ง น่าสงสารจริงๆ ยังเด็กอยู่เลยแท้ๆ ต้องแบกรับภาระทั้งหมดเสียแล้ว แม่จะชวนคุณพ่อตีตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดเลยวิน” คุณแม่ของเขาไม่เคยฟังคำทัดทานของเขาเลย นี่ถ้าไม่เรียกไว้ก็คงวางสายใส่หูไปแล้ว
“เดี๋ยวครับคุณแม่ เอาเป็นว่าผมคงห้ามคุณแม่ไม่ได้ แต่ผมยังไม่อยากให้น้ำค้างรู้ว่าผมคือใคร ยังไงคุณแม่ก็บอกให้คุณพ่อช่วยปิดบังเรื่องผมไว้ก่อนนะครับ”
“ทำไมล่ะวิน นี่วินคิดจะแกล้งอะไรน้องฮึ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ผมยังไม่อยากให้เค้ารู้จักผมมากไปกว่านายวินพวิน รองประธานฝ่ายบริหารของเทลโมวินเท่านั้นเอง”
“แม่ไม่เห็นด้วย ถ้าวินคิดแค่จะแกล้งน้อง และไม่ว่าวินจะทำไปเพื่อประโยชน์อะไร วินก็ต้องแต่งงานกับน้องอย่างไม่มีข้อแม้ ยิ่งตอนนี้คุณอาภูวดลป่วยหนัก แม่ไม่ยอมรับคำปฏิเสธของวินเป็นเด็ดขาด เข้าใจไว้ด้วย”
วินเซนโซ่กะพริบตามองโทรศัพท์มือถืออย่างงุนงง มารดาของเขากำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าถึงแหวใส่ยาวเป็นกระบุงเกวียนแบบนี้ แล้ววางสายไปเสียดื้อๆ เขาเลยไม่รู้มารดาจะรับปากหรือไม่รับปาก งง!
“อะไรของเค้าเนี่ย” คนเป็นลูกบ่นพึมพำกับโทรศัพท์มือถือซึ่งหน้าจอดับมืดไปแล้ว
“นายน่าจะถามตัวเองมากกว่านะวิน ลีลาเยอะไปก็ไม่ดีนะเพื่อน” โดมินิคเตือนขำๆ
“นายไม่รู้อะไรเสียแล้วนิค ผู้หญิงสาวสวยๆ มักจะซ่อนหนามแหลมคมเหมือนกุหลาบป่า ถ้าไม่ปลิดหนามออกจนหมดแล้วจะกำยังไงไม่ให้เจ็บมือ”
“กุหลาบก็ต้องมีหนาม กุหลาบที่ไร้นามจะน่าสนใจอะไร แต่น้องน้ำค้างฉันก็เห็นเธอซื่อๆ น่ารัก น่าทะนุถนอม ยังไม่เห็นหนามบนตัวเธอเลยนี่”
“หนามยังไม่แข็งเต็มที่น่ะสิ รอให้แข็งเต็มที่เมื่อไหร่ ทิ่มมือทะลุ ฉันไม่อยากเสียเลือดโว้ย”
โดมินิคขยับแว่นสายตาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้มองคนที่ดูเหมือนจะหงุดหงิดแบบไม่มีเหตุผล เพียงแค่อยากทำให้ตัวเองดีแน่ในสายตาคนอื่น เพลย์บอยที่คิดว่าแน่ถ้าเจอสาวน้อยไร้เดียงสาเป็นต้องเสร็จเกือบทุกราย โดยเฉพาะสาวน้อยแสนสวยเหมือนตุ๊กตาเคลือบบอบบางอย่างนาดา
“เสียหัวใจล่ะมากกว่า”
“ไม่มีทาง!” อีกคนปฏิเสธเสียงแข็ง วินเซนโซ่ไม่รู้จักความรักและไม่คิดจะรักใคร ไม่อยากผูกมัดกับใครแต่ถ้าจำเป็นเพราะถูกจับคลุมถุงชนแบบนี้ เขาจะยิ่งวางหัวใจให้ห่างจากเธอมากที่สุด
สายตาของเพื่อนรักมองมาอย่างหมั่นไส้เต็มกำลัง มุมปากของโดมินิคกระตุกยิ้ม ใครจะรู้ใจวินเซนโซ่เท่ากับโดมินิค ทริคแมนฟลอยด์ คนนี้ไม่มีอีกแล้ว
“ถึงฉันจะยอมแต่งงานกับนาดา ก็เพราะว่าถูกคุณพ่อคุณแม่บังคับ ไม่ใช่เพราะรัก นายจำใส่สมองไว้เลยนะนิค คนอย่างฉันจะไม่ยอมรักใครเด็ดขาด ถ้าไม่อยากรัก”
“เออ แล้วเมื่อไหร่ที่นายรู้ตัวว่าไม่รักก็บอกฉันนะเพื่อน ฉันยินดีรับช่วงต่อ”
ร่างสูงของเพื่อนรักลุกขึ้นยืนทันที ท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจก็เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบของคนปากแข็ง โดมินิคมองท่าทางคล้ายคนเย็นชาแต่เผลอเตะปลายเท้าเข้ากับโซฟาจนดังกึก ไอ้คนที่บอกไม่ชอบ ไม่สนใจ ไม่รัก ไม่อยากแต่งงาน กำลังแพ้ภัยตัวเองในไม่ช้า โดมินิคเชื่อมั่นในความคิดของตนมากแค่รอวันที่คนปากแข็งจะยอมรับออกมาเท่านั้น
“ฉันหิว จะออกไปหาอะไรอร่อยกิน ไปด้วยกันมั้ย”
“ไม่ล่ะ ฉันขอทำงานดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ได้โบนัสกับเบี้ยขยัน”
“ตามใจ ทำงานไป อย่าให้ฉันจับได้ว่านายแอบอู้งาน ถึงแม้นายจะเป็นเพื่อนรักฉันแต่กฎก็ย่อมเป็นกฎ” ว่าแล้ววินเซนโซ่ก็กระชากประตูออก
“ได้หมายเลขบัญชีของคุณภูวดลแล้วอย่าลืมบอกฉันบ้างนะ ฉันจะช่วยสมทบสัก 5 ล้าน” โดมินิคตบท้ายก่อนประตูห้องทำงานของตนจะปิดสนิท แน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องได้ยินชัดสองหู และแน่ใจด้วยว่าตนจะไม่มีทางรู้หมายเลขบัญชีของคุณภูวดลได้เลย
ร่างสูงตระหง่านที่หยุดยืนตวัดสายตากระแทกบานประตูที่ปิดสนิทอย่างฉุนๆ ก่อนกดมือถือไปถึงใครบางคน ในเมื่อมารดาเอาแต่กระวนกระวายใจจนลืมที่จะตอบคำถาม เขาจึงต้องหาทางอื่น
“หาเลขบัญชีนายภูวดล พจนะนนทกิจ ให้ด่วนนะ”
“ได้ครับ” ปลายสายซึ่งเป็นทนายความประจำตระกูลอัลริโอร็อคซี่รับปากโดยไม่ถามหาเหตุผล ซึ่งเป็นที่พอใจยิ่งนักสำหรับวินเซนโซ่ที่ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากมาย
หน้าโรงพยาบาลเอกชนที่คุณภูวดลพักรักษาอาการป่วยมานานนับสัปดาห์ วินเซนโซ่กำลังใช้สมองคิดว่าควรจะทำยังไงให้เข้าไปอยู่ในช่วงเวลาของความทุกข์ใจนั้นโดยบังเอิญมากกว่าจะเป็นความตั้งใจ ไม่อยากจะทำให้กระตายตัวน้อยตื่นตูมและสงสัย แต่ก็ไม่สามารถเก็บกั้นความเป็นห่วงเป็นใยเอาไว้ได้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาหยุดยืนละล้าละลังอยู่ตรงนี้
วินเซนโซ่ตัดสินใจก้าวเข้าไปในโรงพยาบาล โชคดีอาจจะเป็นของเขาเมื่อบังเอิญเจอสาวน้อยหน้าตาน่ารักแต่บัดนี้ดวงหน้าน่ารักนั้นดูเหนื่อยๆ แววตาเศร้าสลดและยังมีริ้วรอยของการอดหลับอดนอน
“น้ำค้าง”
ปลายคางที่กำลังจรดอกของคนที่เดินก้มหน้ามาตลอดทางเงยขึ้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าหม่นสว่างวาบขึ้นก่อนจะหมองลงเช่นเดิม ริมฝีปากสวยเม้มนิดๆ และเธอก็พนมมือไหว้เขาอย่างเด็กที่มีสัมมาคารวะ
“สวัสดีค่ะคุณวินพวิน”
“เธอมาทำอะไรที่นี่ ไม่สบายเหรอ”
“เปล่าค่ะ” แม้จะตอบด้วยประโยคสั้นๆ น้ำเสียงนั้นก็ยังสั่นเทิ้มจนคนฟังจับได้
“แล้วมาโรงพยาบาลทำไม”
นาดาไม่อยากตอบ ไม่อยากพูดเรื่องส่วนตัวให้คนแปลกหน้าฟัง เพราะฉะนั้นร่างเล็กจึงทำท่าจะผละห่างไปดื้อๆ ทว่าวินเซนโซ่คว้าข้อมือเล็กเอาไว้ นาดาจึงหยุดชะงักเพราะไออุ่นร้อนวาบตรงข้อมือ พอตวัดแพขนตาขึ้นมองก็สบเข้ากับนัยน์ตาคมกริบสีบรูเน็ตบอกให้รู้ว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยมือเธอ ถ้ายังไม่รู้เหตุผลของการเจอเธอที่นี่
“บอกฉันน้ำค้าง ถ้าฉันต้องเห็นแววตาเศร้าหมองของเธอแบบนี้แล้วไม่รู้สาเหตุ ฉันคงปล่อยมือจากเธอไม่ได้แน่”
“คุณพ่อค่ะ คุณพ่อของฉัน... เป็นอัมพาตท่อนล่าง” เธอกะพริบตาไล่หยาดน้ำตากลิ้งผ่านนวลแก้ม คนตัวโตสะท้อนใจยิ่งนักยกมือเกลี่ยน้ำตาใสๆ ให้แห้งเหือด
“ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุอะไร ฉันก็คิดว่าเธอโชคดีที่คุณพ่อยังอยู่ด้วย นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเศร้าโศกเสียใจ แต่เป็นช่วงเวลาที่เธอควรจะเข้มแข็งให้มากที่สุด ถึงเวลาของลูกที่ดีแล้วล่ะ”
“ขอบคุณที่ปลอบใจฉันค่ะ” ยังยืนนิ่งให้เขาปาดน้ำตาออกจากแก้ม สัมผัสทะนุถนอมอ่อนโยนกำลังทำให้เคลิบเคลิ้ม ในสภาวะที่หัวใจกำลังต้องการใครสักคนและเขาเข้ามาถูกจังหวะ นาดาปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันช่างอบอุ่นมากแค่ไหน เวลานี้เธอรู้สึกมีเพื่อนไม่ต้องยืนอยู่บนยอดเขาอันหนาวเหน็บเพียงลำพังอีกต่อไป
“แล้วนี่เธอกำลังจะไปไหน”
“จะไปธนาคารค่ะ”
หลังจากได้รับแจ้งยอดค่าใช้จ่ายจากการเงินแล้วตกใจชั่วขณะ เธอก็ตั้งหลักขอตัวเดินออกมาเพื่อจะไปธนาคารพร้อมกับความไม่แน่ใจ ยามที่บิดายังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่มากนักอะไรๆ มันก็แย่ตามๆ กัน เธอเพิ่งรู้ว่าธุรกิจของบิดาขาดสภาพคล่องทางการเงินมาระยะหนึ่ง เมื่อสองวันก่อนเธอได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบัญชีของบริษัทขอการอนุมัติเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน พร้อมกับรู้ว่าบิดาใช้เงินส่วนตัวที่มีอยู่จ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ในบริษัทมาพักหนึ่งแล้ว เพราะบริษัทประสบผลขาดทุนติดต่อกันมายาวนาน เมื่อรู้อย่างนี้ความมั่นใจก็หายไปค่อนข้างมาก กลายเป็นความลังเลเกือบจะสิ้นหวังถ้าไม่คิดว่าจะต้องทำทุกอย่างให้ยืนหยัดมั่นคงดังเดิม แม้จะเป็นภาระที่หนักหนาสาหัสเกินกว่าบ่าเล็กๆ จะแบกรับเอาไว้ได้ก็ตามที
“งั้นไป” พร้อมกับปลายนิ้วที่แตะปลายข้อศอกให้ร่างเล็กเดินเคียงข้างกันไปเรื่อยๆ
“คุณจะไปไหนคะ” นาดาชะงักปลายเท้าและถาม
“จะไปเป็นเพื่อนเธอไง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปคนเดียวได้”
“ถ้าให้เดา เธอต้องไปเบิกเงินมาใช้จ่ายจำนวนมาก คงไม่ปลอดภัยถ้าต้องไป-กลับคนเดียว”
“แล้วคุณไม่ทำธุระก่อนหรือคะ” เธอย้อนถามก่อนกวาดสายตาไปทั่วร่างสูงเผื่อจะเห็นร่องรอยของความเจ็บป่วยจนต้องมาโรงพยาบาล
“ไม่เป็นไร ฉันไม่รีบ ไปทำธุระของเธอก่อนเถอะ” ว่าแล้ววินเซนโซ่ก็จูงมือบางไปที่รถของเขา
วินเซนโซ่เดาไม่ผิด นาดานำสมุดบัญชีธนาคารมาอัพเดตทุกเล่มเพื่อจะดูยอดเงินคงเหลือของทุกบัญชี แล้วพบว่าในบรรดาสิบเล่มมีเพียงเล่มเดียวที่มียอดเงินคงเหลือ 14 ล้านบาท หนำซ้ำยังเป็นบัญชีที่เธอเปิดร่วมกับบิดาด้วย มันมากที่สุดจนน่าคิดเหลือเกิน ทำไมคุณพ่อของเธอจึงเก็บเงินไว้ในบัญชีนี้มากกว่าบัญชีอื่น หรือจะเป็นบัญชีที่เก็บไว้ใช้นอกเหนือจากเรื่องงานก็คงไม่ใช่ พอดูตัวเลขที่ปรากฏในสมุดมียอดเงินเข้าวันเดียวเวลาเดียวกันสิบล้าน มันมาจากไหน แล้วทำไมเธอไม่รู้ บัญชีเล่มนี้เป็นบัญชีเฉพาะเปิดบัญชีร่วมเพราะบิดาคิดการไกล ก่อนหน้านี้มีเงินเหลือแค่สี่ล้านกว่าบาท ตอนนี้มีเพิ่มมาอีกสิบล้าน มาจากไหน
“ทำไมเหรอ มีอะไร” เขาทำเป็นไม่รู้เรื่องทั้งที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง แสร้งยื่นหน้ามองสิ่งที่เธอกำลังให้ความสนใจอย่างอยากรู้อยากเห็น ทนายความส่งหมายเลขบัญชีของคุณภูวดลทั้งหมดมาให้ วินเซนโซ่เลือกโอนเข้าบัญชีที่มีชื่อนาดาร่วมด้วย เพราะจะง่ายกว่าการเบิกเงินจากบัญชีของบิดาหรือบัญชีบริษัท
“ฉันแค่สงสัยว่าเงินในบัญชีนี้คุณพ่ออาจจะเก็บไว้ทำอะไรหรือเปล่าค่ะ เพราะยอดคงเหลือมันโดดมากเหลือเกิน แต่พอดูตัวเลขแล้วก็งงนิดนึง”
“เรื่อง?”
“ใครโอนเงินเข้าบัญชีตั้งสิบล้าน”
“คงจะเป็นลูกค้าหรือเปล่า อย่าสงสัยเลย ตอนนี้หน้าที่เธอคือเบิกเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลพ่อของเธอทั้งหมด”
นั่นสินะ มัวมาคิดอะไรไร้สาระอยู่ เงินจำนวนนี้สำคัญมากไม่ว่ามันจะมาจากไหน ตอนนี้เธอต้องเอามันออกมาใช้รักษาพ่อก่อน หลังจากทำธุระเสร็จก็พากันกลับมาที่โรงพยาบาล วินเซนโซ่ส่งนาดาแค่หน้าห้องพักฟื้นไม่เข้าไปข้างในเพราะเหตุผลอะไรก็เก็บไว้คนเดียว
“ขอบคุณมากนะคะที่ไปเป็นเพื่อน”
“ถ้ามีอะไรโทร.หาฉันเป็นคนแรก... ได้มั้ยน้ำค้าง ถึงฉันอาจจะดูไม่น่าไว้วางใจสำหรับเธอ แต่ฉันก็อยากเป็นคนในจำนวนไม่กี่คนที่เธอคิดถึงยามทุกข์ใจ ได้มั้ย” น้ำเสียงทุ้มทอดนุ่มอ่อนโยนจนใจสาวหวั่นไหว นาดาหลุบตาซ่อนความหวั่นไหวที่อาจจะเผลอสื่อออกมาให้เขาเห็น
“ค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นแล้วพาตัวเองหายเข้าไปในห้องพักฟื้น
เจ้าของร่างสูงหันหลังเดินจากมา มุมปากได้รูปแต้มรอยยิ้มเล็กๆ กดลึกอย่างน่ามองและน่ากลัวในคราวเดียวกัน สาวๆ ไม่มีใครจะก้าวผ่านเสน่ห์อันน่าหลงใหลของเขาไปง่ายๆ โดยเฉพาะแม่กระต่ายตัวน้อยน่ารัก ใกล้จะถึงเวลาที่เธอเข้าไปอยู่ในกรงวิวาห์ฝังเพชรอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
บนเตียงพยาบาล เปลือกตาเจ้าของร่างใหญ่หนาปรือเปิด สิ่งแรกที่เห็นทุกวันเป็นประจำก็คือหลอดไฟนีออนและดวงหน้าพริ้มเพราของบุตรสาวทายาทพจนะนนทกิจที่เวลานี้เหลือเพียงแต่เปลือกนอก เห็นหน้าใสๆ ของนาดาก็คิดทบทวนถึงความผิดพลาดที่ผ่านมา การบริหารขาดทุน ภาระหนี้สินล้นมือมีเจ้าหนี้เล็กใหญ่จำนวนไม่น้อย อนาคตของบุตรสาวแทนที่จะสดใสกลับต้องริบหรี่เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลำพังการบริหารงานขาดทุนก็หนักหนาสาหัสพออยู่แล้ว แต่ยังไม่เท่าการต้องผลักยอดดวงใจให้คนอื่นดูแลแทน ในเมื่อพ่อไม่สามารถดูแลลูกให้ดีอย่างที่เคยรับปากภรรยาไว้ จำต้องส่งลูกสาวสุดที่รักไปอยู่ในอ้อมกอดดุจหินผา มั่นคงและปลอดภัย
ทว่า... ฝ่ายโน้นจะยินดียินร้ายกับการได้อภิสิทธิ์นี้แค่ไหนก็มิอาจทราบได้ โดยเฉพาะวินเซนโซ่ อัลริโอร็อคซี่ ว่าที่ลูกเขยของเขา ทายาทมหาเศรษฐีชาวอิตาเลียนที่ในตัวมีสายเลือดครึ่งหนึ่งเป็นไทย
‘ไม่ต้องห่วงนะคะคุณภู พี่สัญญาจะดูแลหนูน้ำค้างให้ดีที่สุด’ ประโยคนี้คุณภูวดลได้ยินเมื่อชั่วโมงก่อน คุณร็อบและคุณชัญญาแท็คทีมกันโทร.ข้ามทวีปมาถามอาการเจ็บป่วย และพูดคุยกันถึงเรื่องของเด็กๆ เห็นว่าน่าจะถึงเวลาที่คุณภูวดลต้องตัดสินใจแล้ว
‘คุณพี่ทราบได้อย่างไรครับว่าผมเข้าโรงพยาบาล’
‘วินบอกพี่’
‘วินเซนโซ่น่ะหรือครับ แล้วรู้ได้ยังไง’
‘วินเซนโซ่อยู่ที่ไทย คุณภูอย่าเอ็ดอึงไป ตาวินไม่อยากให้ใครรู้’
‘หมายความว่าไงหรือครับ’
‘วินเจอหนูน้ำค้างแล้ว แต่ขอให้ปิดเป็นความลับ’
‘เรื่องอะไรครับ’
‘หนูน้ำค้างไม่รู้จักวิน ไม่รู้ว่าวินพวินคือคนเดียวกันกับวินเซนโซ่ เด็กสองคนไปเจอกันได้ยังไงพี่ก็ไม่รู้นะ ลูกชายโทร.มาบอกพร้อมกับบอกเรื่องคุณเข้าโรงพยาบาล นี่ก็ไม่ให้พี่ไปเยี่ยมคุณเพราะกลัวความแตก ตาวินเป็นจอมวางแผน ยิ่งเข้าขากับตานิคแล้วไม่ต้องห่วง นี่คงอยากดูท่าทีของหนูน้ำค้างก่อนล่ะ ถึงไม่ยอมบอกความจริง’
‘แบบนี้ลูกสาวผมก็เสียเปรียบสิครับ’
‘ไฮ้! อย่าคิดอย่างนั้นเลยคุณภู พี่ดูท่าทีของเจ้าวินแล้ว เจ้านั่นก็พออกพอใจหนูน้ำค้างใช่หยอก ลำพังจะจีบผู้หญิงทั้งทีไม่ต้องวางแผนให้มากมายขี้คร้านผู้หญิงก็พากันเข้าหาไม่ว่างเว้น แต่นี่คงถูกใจต้องแต่เห็นหน้า’
‘ครับ’
‘อย่าคิดมากนะคุณภู แค่ผมรู้ว่าเจ้าวินเจอหนูน้ำค้างแล้ววางแผนไม่บอกความจริง ผมก็รู้แล้วล่ะว่าลูกชายผมต้องถูกใจถึงยอมเสียเวลาดูท่าทีของฝ่ายหญิงก่อน’ เสียงของคุณร็อบดังสลับกับภรรยา
‘ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ยังไม่เบาใจ ยังไงผมก็ไม่เคยบังคับจิตใจน้ำค้าง’
‘พี่ถึงบอกไง อย่าห่วงเลย ทุกคนในครอบครัวของพี่ยินดีรับหนูน้ำค้างเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง เรื่องหนี้สินทั้งหมด ทั้งของพี่และเจ้าหนี้รายอื่นไม่ต้องกังวล พี่จะจัดการเคลียร์ให้หมด แลกกับการได้หนูน้ำค้างมาเป็นสะใภ้ คุณน่ะดูแลลูกได้ไม่เท่าเดิมแล้วนะคุณภู จะหวงลูกเอาไว้ทำไมอีก’
ถ้านาดาจะอยู่ดีมีสุขและได้รับการปกป้องคุ้มครองจากครอบครัวมหาเศรษฐี คุณภูวดลก็ไม่ควรขัดขวางอนาคตที่เห็นเป็นสีทองฝังเพชรไม่ใช่หรอกเหรอ
“คุณพ่อดื่มน้ำสักนิดนะคะ เพิ่งตื่นคงจะคอแห้ง” นาดาประคองบิดาขึ้นนั่งพิงหมอนแล้วจัดการให้ท่านดื่มน้ำที่เตรียมไว้ให้
“น้ำค้าง พ่อมีเรื่องจะคุยกับหนู เรื่องสำคัญ”
“อะไรหรือคะคุณพ่อ ถ้าเรื่องค่ารักษาพยาบาลคุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ น้ำค้างเคลียร์แล้ว”
คราวนี้ท่านนิ่วหน้า การนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องพิเศษและมีพยาบาลพิเศษคอยดูแลต้องใช้เงินจำนวนมาก โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังไม่ต่างจากโรงแรมระดับ 5 ดาว แค่นอนพักให้น้ำเกลือก็เสียค่าใช้จ่ายวันละหมื่น ยังไม่รวมค่าหยูกยา ค่าตรวจ ค่าจ้างพยาบาลพิเศษ ค่าผ่าตัด คุณภูวดลคิดว่าต้องใช้เงินนับล้าน ตัวเลขจริงๆ ท่านไม่ทราบแต่ก็พอประมาณได้ แล้วนี่ก็นอนพักมานับสัปดาห์ ค่าใช้จ่ายก็ย่อมต้องพอกพูนขึ้นทุกวัน แล้วนาดาไปเอาเงินมาจากไหนตั้งมาก
“หนูไปเบิกเงินบัญชีร่วมออกมาหรือลูก” เพราะบัญชีนั้นท่านฝากเงินไว้เพื่ออนาคตของลูก อาจจะมีเอาออกมาใช้แต่ก็ยังเหลือจำนวนหนึ่ง
“ค่ะ น้ำค้างยังสงสัยเลยว่าใครเพิ่งโอนเงินเข้าบัญชีให้สิบล้าน หรือคุณพ่อให้บัญชีนี้แก่ลูกค้าคะ”
“เปล่า บัญชีนี้เป็นบัญชีส่วนตัว พ่อไม่เคยให้ใคร แล้วเงินมาจากไหนตั้งมาก” คุณภูวดลสะดุดใจฉุกคิดถึงใครบางคนในตระกูลอัลริโอร็อคซี่ขึ้นมา ถ้าจะมีใครสักคนใจดีให้เงินยืมมารักษาตัวมากมายขนาดนี้เห็นจะไม่พ้นคุณร็อบหรือคุณชัญญา
“แล้วคุณพ่อมีเรื่องอะไรจะพูดกับน้ำค้างหรือคะ” เธอเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นบิดาทำหน้าเครียดกับยอดเงินจำนวนนั้น เธอไม่อยากให้ท่านเครียด คุณหมอย้ำเสมอเพราะเส้นเลือดในสมองอาจจะแตกได้อีกถ้าท่านเครียดจัด
“พ่ออยากให้น้ำค้างแต่งงาน” ทว่าเรื่องนี้ก็ทำให้ท่านเครียดไม่น้อยไปกว่ากัน
“แต่งงาน! คุณพ่อจะให้น้ำค้างแต่งงานกับใครคะ” เพราะตกใจเธอก็เลยหลุดทำเสียงสูง ใบหน้าสวยหวานบัดนี้เริ่มซีดลงอย่างช้าๆ “น้ำค้างไม่อยากแต่งงาน น้ำค้างอยากดูแลคุณพ่อนะคะ ไม่อยากจากคุณพ่อไปไหน” แต่พอคิดได้ หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้บิดาของเธอเครียดหนักจนเส้นเลือดในสมองแตก ความตกใจก็กลายเป็นความโกรธเกลียดใครบางคนที่เธอจะต้องแต่งงานด้วย
“คุณลุงคุณป้าท่านใจดีและมีน้ำใจกับพ่อมานาน กิจการของเราเกิดขึ้นได้ก็เพราะเงินลงทุนจากพวกท่าน และที่สำคัญตอนนี้พ่อกำลังจะกลายเป็นบุคคลล้มละลายเต็มที ไม่สามารถดูแลลูกสาวของพ่อต่อไปได้ น้ำค้างก็เห็นตอนนี้แม้แต่จะเดินพ่อยังเดินเองไม่ได้เลยแล้วจะดูแลน้ำค้างได้ยังไง”
“น้ำค้างจะดูแลคุณพ่อเองค่ะ น้ำค้างอยากอยู่กับคุณพ่อ ถึงแม่คุณพ่อจะดูแลน้ำค้างไม่ได้แต่น้ำค้างก็ดูแลคุณพ่อได้นี่คะ เงินในบัญชีก็คงพอจะทำให้เราอยู่ได้แค่ใช้สอยอย่างประหยัด แต่อย่าให้น้ำค้างแต่งงานเลยนะคะคุณพ่อ”
มือบางอยู่ในกำมือที่ยังขยับยกหยิบจับสิ่งของได้ คุณภูวดลลูบมือนุ่มนิ่มที่เคยดูแลอุ้มชูมาด้วยดีตลอด แต่เมื่อถึงเวลานาดาก็ต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง
“ถ้าเป็นแบบนี้ พ่อจะไม่สบายใจ ไม่มีพ่อคนไหนอยากให้ลูกตกระกำลำบาก พ่อรู้จักครอบครัวคุณลุงคุณป้าดี เชื่อว่าน้ำค้างจะต้องมีความสุข ทำให้พ่อสักครั้งนะน้ำค้าง” เหมือนเป็นการขอร้องที่เธอรู้สึกน้ำท่วมปาก ปฏิเสธไม่ออกด้วยไม่อยากทำให้บิดาไม่สบายใจ ความเครียดไม่เป็นผลดีต่อท่าน หน้าที่ของเธอต้องผลักมันให้ห่างจากท่านเข้าไว้
“คุณพ่อ” เธอพูดไม่ออกจริงๆ พยายามเช่นไรก็ยิ่งเจ็บปวด เธอไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ไม่อยากผูกมัดกับคนที่ไม่รู้จัก ‘คุณลุงคุณป้า’ ถึงแม้บิดาจะไม่บอกชื่อท่าน แต่เธอก็เคยได้ยินและคิดว่าต้องใช่คุณลุงร็อบและคุณป้าชัญญา เธอมีโอกาสเจอพวกท่านแค่ไม่กี่ครั้ง ในตอนนั้นยังเด็กเลยไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ไม่คิดว่าจะต้องมาเกี่ยวดองกันในอนาคต
“พ่อรู้ว่าหนูไม่ชอบ แต่พ่อคงปล่อยให้หนูลำบากไม่ได้ จะให้พ่อปฏิเสธความสุขความสบายของหนู เพื่อจะกอดคอตกยากไปด้วยกันทั้งคู่ พ่อคงทำไม่ได้”
“เราน่าจะมีทางออกนะคะ” เธอพยายามเสนอความเห็น สีหน้าของบิดาเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ ซึ่งนาดาไม่อยากเห็นเลย ทว่าน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าตาจนภาพตรงหน้าพร่าเลือนก็ยังคงถูกสกัดกั้นเพื่อไม่ให้มันกลิ้งลงสู่พวงแก้ม
“ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว น้ำค้างหนูไม่รู้หรอกว่าพ่อเป็นหนี้คุณลุงคุณป้ามากเท่าไหร่ พ่อไม่อยากให้หนูรู้เห็นทีคงปิดบังต่อไปไม่ได้ ถ้าหนูเป็นห่วงพ่อ ฟังพ่อนะลูก นี่เป็นหนทางเดียวที่เราจะใช้หนี้คืนให้เจ้าหนี้ทุกรายได้หมด และเป็นทางเดียวที่บริษัทของเราจะไม่ล้มละลาย”
“ไม่... ไม่มีทางอื่นจริงๆ หรือคะคุณพ่อ” ในที่สุดน้ำตาใสๆ ก็ไหลผ่านพวงแก้ม คุณภูวดลเม้มปากเจ็บปวดที่เห็นน้ำตาของนาดา และคงจะเจ็บกว่าถ้าทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาด้วยสองมือจะเปลี่ยนไปเป็นของคนอื่น ใช่ว่าท่านกลัวความลำบาก ลำพังคนเดียวบนรถวีลแชร์ท่านไม่กลัวอะไรอีกแล้ว นอกจากยอดดวงใจตัวน้อยๆ แสนรักคนนี้
“ไม่มีแล้วลูก เมื่อหนูจดทะเบียนสมรสเสร็จ เมื่อนั้นหนี้สินทุกบาททุกสตางค์จะหมดสิ้น พ่อขอโทษนะน้ำค้าง แต่พ่อไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ พ่อไม่อยากทำแบบนี้ พ่อขอโทษ” ท่านละล่ำละลักขอโทษเสียงสั่นเครือ นาดาโผเข้ากอดปลอบประโลมพร้อมกับกลั้นหายใจรับปากท่าน
“ตกลงค่ะ น้ำค้างจะทำเพื่อคุณพ่อ อย่าคิดมากนะคะ ไม่ต้องห่วงอะไรอีกนะคะ น้ำค้างจะทำทุกอย่างที่คุณพ่อต้องการ เพราะสิ่งนั้นต้องใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับน้ำค้างแล้ว”
คุณภูวดลแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ยกมืออันสั่นเทากอดบุตรสาว ท่อนขาที่ไม่สามารถขยับได้ ไม่มีความรู้สึกใดๆ บ่งบอกว่าท่านตัดสินใจถูกแล้ว
