ชั่งใจ ครั้งที่ 4: น้องธารโกรธแรง [2/2]
แล้วถามว่าผมฟังมันมั้ย ฟังสิครับ จะเหลือเหรอ เดินดุ่มๆ เข้ามานั่งข้างน้องมายด์ที่เขยิบที่ให้ผมนั่งด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยนสุดๆ
จะไม่ให้กระมิดกระเมี้ยนได้ยังไง ก็ตรงหน้าผมน่ะไอ้ธารเลย ไอ้ธารจังๆ แม่ง มึงก็ช่างเลือกที่ให้กูจริง!
“ดีอ๊กอีใจ๋เป๋นแต้เป๋นว่า ตี้วันนี้ได้กิ๋นข้าวกั้บผัวหลวงผัวน่อย (ดีใจจังเลย วันนี้ได้กินข้าวทั้งกับผัวหลวงและผัวน้อย)”
กูไปได้เสียกับมึงตั้งแต่เมื่อไหร่!? การที่มึงมานอนน้ำลายไหลใส่กู ไม่ใช่การได้เสียเป็นผัวเมียนะเว้ย ตั้งสติ!
ผมหัวเราะแห้งๆ หย่อนก้นลงนั่งได้ น้องมายด์ก็หยอดมาอีกระลอก ก่อนจะวางช้อนที่ตักข้าวให้โรมกินอยู่ลงบนจานแล้วหันหน้ามาทางผม
“อ้ายเหนือจะหื่อข้าเจ้าป้อนเกาะ จะได้บ่ะน้อยใจ๋ตี้ดูแลก้าผัวหลวง บ่ดูแลผัวน้อย (พี่เหนือจะให้หนูป้อนข้าวให้ด้วยมั้ยคะ จะได้ไม่น้อยใจว่าหนูเอาแต่ดูแลผัวหลวง ไม่ดูแลผัวน้อย)”
“มะ...ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มแห้งๆ ให้
น้องมายด์ทำท่าจะตอแยขึ้นมาอีก โชคดีที่โรมโพล่งขัดขึ้นมาเสียก่อน
“มัวแต่หยอกพี่เหนืออยู่นั่นแหละไอ้ไม้ ข้าวกูนี่จะได้กินมั้ย ป้อนเร็วๆ”
“ฮั่นๆ หึงละก้า (แหมๆ หึงสินะจ๊ะ)” น้องมายด์เลยคว้าช้อนขึ้นมาอีกครั้ง ตักข้าวในจานเตรียมป้อนโรมไป ปากก็พูดไป
“แล้วเมื่อไหร่มึงจะเลิกพูดเหนือเนี่ย กูบอกแล้วไงว่ากูฟังไม่ออก”
“เป็นผัวก็ทำตั๋วหื่อเกยนาเจ้าโรม (เป็นผัวก็ต้องพยายามทำตัวให้ชินสิจ๊ะโรม)” อีกฝ่ายตอบกลับหน้าระรื่น ตักข้าวไปจ่อตรงหน้าหล่อ
“ยังๆ ยังไม่หยุดพูดอีก ถ้าแขนยังดีๆ อยู่ กูจะตบมึงให้คว่ำเลย” โรมย่นคิ้วนิดหนึ่ง
แต่ขู่ไปอย่างนั้นมีเหรอที่น้องมายด์จะกลัว ทำหน้าตาเซ็กซี่ กัดปากแล้วพูดว่า...
“เยี้ยะแฮงๆ ช้อบ เอาแฮ๋มแฮงๆ (ทำแรงๆ ชอบ ทำอีกแรงๆ)”
คนขู่อย่างโรมก็เลยระเบิดหัวเราะลั่น แล้วเร่งตุ๊ดนั่นขึ้นมาแทน
“ป้อนเร็วๆ”
แล้วบทสองผัวเมียก็ดำเนินกันต่อไป ผมเลยก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเองบ้าง ครู่เดียว น้องมายด์ก็ป้อนข้าวให้โรมเสร็จ แล้วก็ดึงจานข้าวของตัวเองที่ยังไม่ได้แตะสักนิดมาตรงหน้า ก่อนลงมือกิน ผมเห็นแล้วโคตรอยากจะถามเลยว่าจะไปป้อนข้าวให้โรมทำไม แขนมันหักข้างเดียว อีกข้างยังใช้งานได้ดีอยู่ แถมข้างที่หักก็เป็นข้างซ้าย ยังไงก็กินเองได้ แต่พอคิดว่าจะถามเท่านั้น โรมก็พูดขึ้น
“ถ้าไม่ได้มึงช่วยป้อนข้าวนะไอ้ไม้ คนถนัดซ้ายอย่างกูนี่ชีวิตลำบากโคตร”
โอเค มันถนัดซ้าย มันเลยตักข้าวด้วยมือขวาไม่คล่อง
ได้คำตอบแล้ว งั้นไม่ถาม ไม่ชวนคุยด้วย รีบๆ กินแล้วไปดีกว่า ไอ้ธารนี่เหลือบมองผมหลายรอบละ
ทว่าในระหว่างที่ผมจ้วงตักข้าวเข้าปาก จอมแก่นที่นั่งไม่มีปากมีเสียงอยู่นานก็สะกิดธารเบาๆ
“ธาร กินแตงกวาให้หน่อยสิ”
ธารเหลือบไปมอง ยังไม่ทันได้พูดอะไร แตงกวาสองชิ้นก็ลอยมาอยู่ในจานมันแล้ว ผมเดาว่าเดี๋ยวมันต้องตบกบาลจอมแก่นแยกโทษฐานที่เอาของกินที่ตัวเองไม่กินมายัดเยียดให้
แต่เปล่า มันไม่พูดอะไรสักคำ เอาส้อมจิ้มแตงกวาส่งเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอน้องมายด์เห็นอย่างนั้น มันก็ชะโงกหน้ามามองจานข้าวผมแล้วถามบ้างเมื่อเห็นว่าแตงกวาประดับจานยังคงตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม
“อ้ายเหนือบ่ากินบ่าแต๋งกาเจ้า (พี่เหนือก็ไม่กินแตงกวาเหรอคะ)”
“อะ...อ๋อ ครับ” ผมยอมรับ
“ยะฮือบ่ากินเจ้า (ทำไมไม่กินล่ะ)”
ก็ลองถามเพื่อนมึงสิว่าทำไมไม่กิน! มาถามกูทำไม!
“คือ...มันเหม็นเขียวน่ะครับ พี่เหนือไม่ชอบ”
เกลียดตัวเองที่ทำได้แค่ตอบรับอย่างสุภาพนี่แหละ และไอ้การยอมรับเมื่อครู่ ก็ทำให้ตุ๊ดนรกนี่ถือวิสาสะเอาส้อมจิ้มแตงกวาในจานข้าวผม
“ถ้าอ้ายเหนือบ่กิ๋น ก็หื่อธารกิ๋นก็แล้วกั๋น (ถ้าพี่เหนือไม่กินก็ให้ธารกินแล้วกัน)” แล้วก็ส่งไปวางในจานข้าวธารทันที
ผมเห็นแล้วก็เบิกตาโต รีบเอาส้อมไปจิ้มแย่งกลับมาอย่างรวดเร็ว
“มะ...ไม่เป็นไรครับ”
“บ่ะถ้าเก๋งอ๊กเก๋งใจ๋เจ้าอ้ายเหนือ ธารกิ๋นขี้ซากจาวหมู่ตลอดอยู่ละ (ไม่ต้องเกรงใจค่าพี่เหนือ ธารกินของเหลือจากเพื่อนตลอดอยู่แล้ว)”
พูดอย่างนั้น ธารก็ตวัดดวงตามามองผมกับน้องมายด์ มองแค่อีน้องมายด์ยังไม่เท่าไหร่ มองผมตาขวางประหนึ่งกำลังบอกว่า ‘ถ้ามึงส่งมา มึงโดนกูเอาส้อมจิ้มทีเดียวสี่รูแน่’ ผมก็รีบห้ามตุ๊ดเวรนี่ก่อนที่มันจะตักแตงกวาไปใส่จานคนตรงหน้าผมอีก
“นะ...น้องธารกินไปเยอะแล้ว ทั้งของตัวเอง ทั้งของจอมแก่น เดี๋ยวของพี่เหนือ พี่เหนือกินเองได้ครับ”
“เอ๋อ ไหนบอกว่าบ่ะช้อบบะใจ้ (เอ้า ไหนบอกว่าไม่ชอบกินไงคะ)”
“ตอนนี้ชอบแล้ว”
“ไปช้อบตั้ดใดตอนไหนฮั่นเจ้า (ไปชอบตอนไหนคะเนี่ย)”
ชอบตั้งแต่ตอนที่มึงกำลังจะทำให้กูโดนไอ้เด็กธารกระทืบนี่แหละโว้ย!
ผมไม่ตอบคำถาม ยิ้มแหยแล้วจัดแตงกวาในจานให้เรียงเข้าที่เดิม ก็ไม่ได้กะว่าจะกินหรอก กะกินข้าวเสร็จแล้วก็ลุกหนีเอาไปเททิ้งแม่งเลย ทว่าการที่ผมทำอย่างนั้น ทำให้ธารที่นั่งมองอยู่นานย่นคิ้ว ก่อนจะยื่นส้อมในมือมาจิ้มเอาแตงกวาจากผมหน้าตาเฉย
“กินไม่ได้ก็ไม่ต้องทำเก่ง น่ารำคาญ” พูดจบก็ยัดแตงกวาเข้าปาก ก่อนจะตามมาด้วยการจิ้มแตงกวาที่เหลืออยู่อีกชิ้นในจานผมไป
ผมมองแล้วก็อ้าปากค้าง ธารก็เลยชูส้อมที่มีแตงกวาเสียบอยู่ขึ้นถาม
“มองไร จะกินหรือไง’จารย์”
“เปล่า...เปล่าครับ”
“ไม่กินก็ไม่ต้องมองตาละห้อย เดี๋ยวก็ไม่กินให้แม่ง”
หืม... เร้าใจ ดุๆ แบบนี้ จะยอมให้กระทำอย่างทารุณ... เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่ามันน่ารักต่างหาก ถึงจะห่ามๆ แต่มันก็น่ารักดี ส่วนเรื่องคิดหื่นนี่ เก็บเอาไว้ก่อนนะไอ้เหนือ
“ขอบใจมากครับน้องธาร” ผมเลยยิ้มให้
ธารไม่พูดอะไร กินข้าวของตัวเองต่อไป หากแต่ความสงบสุขก็มาเยือนได้เพียงครู่เดียวเมื่อจู่ๆ โรมที่กำลังจะยกจานข้าวตัวเองไปเก็บถูกใครบางคนกระชากคอเสื้อจากทางด้านหลังจนหงายหลังลงไปกองอยู่บนพื้น สายตาทุกคนที่โต๊ะหันไปมองตัวต้นเหตุทันที เห็นหน้าคนกระชากโรมกับผองเพื่อน ผมก็จำได้ว่าเป็นพวกเด็กเทคนิคที่วิ่งไล่พวกเราเมื่อวานนี้ แต่วันนี้พวกมันไม่ได้ใส่เสื้อช็อปของวิทยาลัยตัวเองมา ทว่าเป็นเสื้อช็อปของที่นี่ ก่อนคนกระชากจะร้องเสียงขุ่น
“มึงนึกว่าจะหนีกูพ้นเหรอไอ้โรม!”
“เฮ้ย! ทำอะไรเพื่อนกูวะ!”
เสียงห้าวๆ ดังขึ้น แต่สาบานเลยว่าไม่ใช่เสียงธาร เป็นเสียงน้องมายด์ที่ทรานส์ฟอร์มเป็นไอ้ไม้ ลุกพรวดจากเก้าอี้มาผลักเด็กนั่นออก
โหย... แมนมากแก แมนมาก ภาพน้องมายด์ตุ๊ดยักษ์นี่กลายเป็นน้องชายบัวขาวทันตา
แต่พอเด็กนั่นตั้งหลักได้ปุ๊บ แล้วผลักอกน้องมายด์คืน เสียงห้าวนั้นก็เปลี่ยนไปทันที
“ว้าย ไปยุบนมข้าเจ้า (ว้าย อย่าจับนมหนู)” ตามมาด้วยสองมือที่ปิดอกสะดีดสะดิ้งสุดชีวิต
เห็นแล้วอยากเข้าไปกระโดดถีบ หมั่นไส้!
“เมื่อวานพวกมึงแสบมากนะ วันนี้พวกกูจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลย!” เด็กฝั่งนั้นพูดขึ้นมาอีก
ตอนนี้แหละที่จอมแก่นรีบลุกจากที่ตัวเองมาพยุงโรมขึ้นแล้วลากออกห่าง ขณะที่ธารก็ส่งจานข้าวบินลอยมาปะทะหน้าคนพูดเมื่อครู่ ตามมาด้วยปีนขึ้นโต๊ะและกระโดดถีบเด็กนั่นจนหงายหลังไปกองกับพื้น
“พวกมึงก็ลองดู มาหยามพวกกูถึงถิ่นแล้วคิดเหรอว่าพวกกูจะยอมง่ายๆ!”
หยามจริงๆ แหละ กล้ามากนะที่เด็กพวกนี้ไปเอาช็อปของวิทยาลัยอื่นมาใส่แล้วมาหาเรื่องถึงที่เนี่ย ถึงจะมากันเป็นสิบ แต่มันก็เสี่ยงจะโดนคนที่ไม่เกี่ยวข้องแต่เห็นเหตุการณ์อยู่ยำตะลุมบอนเหมือนกัน
ทว่าไม่มีใครสน เด็กคนที่ถูกโรมแย่งแฟนลุกขึ้นได้ก็ชี้หน้าธารอย่างเอาเรื่อง
“มึงอีกตัว หลายรอบแล้วนะ แม่งหมั่นหน้าฉิบหาย!”
“แล้วจะทำไมวะ! หมั่นหน้ากูแล้วมึงจะทำไม!” ตรงเข้าไปผลักอีก
ทีนี้แหละจ้า ไม่ใช่แค่ผลักอย่างเดียว ตามมาด้วยสะบัดหมัดพุ่งเข้ากระแทกหน้าฝ่ายตรงข้ามเต็มแรงจนฝ่ายนั้นเซถลาไปซบพรรคพวก ตั้งหลักได้ก็ประคองซีกหน้าตัวเอง ถามเสียงดัง
“มึงต่อยกูเหรอ!”
“เออ จะกระทืบมึงด้วย!”
เค้าแววความวุ่นวายลอยโชยมาทันที ผมรีบลุกขึ้นบ้าง ออกปากห้ามทันใด
“ดะ...เดี๋ยวน้องธาร อย่าทะเลาะกัน...”
เสียงดังเท่าตดมด เรียกว่ากระซิบยังไม่ได้เลย แทบไม่ได้ยินเถอะ ก็แหม คนมันกลัวนี่หว่า เด็กพวกนี้นี่มันต่อยกันจริงจังนะ ไม่ใช่ขู่กันไปขู่กันมาเหมือนคราวก่อนๆ แถมพวกมันก็ไม่สนใจจะฟังผมกันด้วยต่อให้ผมพูดดังแค่ไหน แค่สิ้นเสียงธาร ต่างฝ่ายก็ต่างโผเข้าใส่กันแล้ว
ธารเป็นคนแรกที่กระโจนเข้าไปในวง ตามด้วยน้องมายด์ร่างทรานส์ฟอร์ม ทั้งต่อยทั้งเตะอย่างกับนักมวยอาชีพ จนผมที่ยืนมองอยู่แทบไม่เชื่อสายตาว่าตุ๊ดแรดๆ เมื่อกี้จะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ส่วนจอมแก่นก็ไม่ร่วมวงใดๆ ลากโรมออกห่างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับร้องเรียกเพื่อนร่วมแผนกที่กินข้าวอยู่ไม่ห่างให้เข้าไปช่วยธารกับน้องมายด์เพราะสองคนไม่มีทางสู้คนเป็นสิบได้ไหว
เท่านั้นแหละ มหกรรมต่อยตีสานสัมพันธ์ระหว่างวิทยาลัยก็เริ่มขึ้นเลย โรมที่เป็นตัวต้นเหตุก็เข้ามาร่วมวงด้วยเหมือนกันทั้งที่แขนหัก เลยถูกทำร้ายเข้าที่แขนจนเพื่อนต้องลากออกมา ผมเห็นแล้วก็อยากจะตะโกนใส่หน้ามันเหลือเกินว่า ‘มึงจะแรดเข้าไปทำไม! สมน้ำหน้า!’
แต่เอาเข้าจริงก็ได้แต่ห้ามน่ะนะ ห้ามโดยที่ไม่มีใครฟังด้วย แถมยังกลัวโดนลูกหลงอีกเพราะเด็กพวกนี้ตีกันแบบเอาจริงเอาจังมากเหลือเกิน จนผมชักไม่เห็นความปลอดภัยของตัวเอง รีบถอยห่างมาจากวง จังหวะเดียวกับที่เหล่าอาจารย์ฝ่ายปกครองและอาจารย์ผู้ชายคนอื่นกรูกันเข้ามาห้ามพอดี
ทว่าใครก็ทำให้เด็กช่างแผนกผมหยุดไม่ได้ดีเท่ากับพี่สมรที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามา ก่อนส่งเสียงแหลมๆ ขึ้น
“ไอ้เจ้าธาร หยุดเดี๋ยวนี้ คนอื่นๆ ด้วย!”
ทุกชีวิตหยุดการเคลื่อนไหวพลัน ธารหันใบหน้ามามองยังพี่สมร ผมเลยได้เห็นว่าตอนนี้ใบหน้าหล่อๆ ของเด็กนั่นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและรอยแตก มุมปากมีเลือดไหลเล็กน้อย ส่วนเด็กช่างวิทยาลัยอื่นก็ถูกจับตัวไว้ สอบถามไปก็ได้ความว่าที่มาหาเรื่องถึงในนี้เป็นเพราะแค้นที่แฟนหัวโจกกลุ่มถูกโรมจีบ แถมเมื่อวาน โรมก็ยังไปดักรอแฟนตัวเองถึงหน้าโรงเรียน ผมเลยเข้าใจได้ทันทีว่าที่เมื่อวานพวกมันไปเสนอหน้าอยู่ที่สวนชมน่าน เป็นเพราะไปเกี้ยวหญิงที่โรงเรียนแถวนั้น และได้รู้อีกอย่างคือ เด็กคู่อริพวกนี้เป็นเด็กช่างจากวิทยาลัยเทคนิคที่อยู่รอบนอกตัวเมือง ค่อนข้างไกลพอสมควร ถ้าขี่มอเตอร์ไซค์ก็ร่วมชั่วโมงได้กว่าจะถึง
มิน่าล่ะ ผมถึงไม่เคยเห็นเด็กช่างใส่เสื้อช็อปสีเขียวขี้ม้าในเมืองสักเท่าไหร่เลย ส่วนเสื้อช็อปของที่นี่ พวกมันก็ได้มาจากการขอซื้อต่อมาจากตลาดมืดที่พวกเด็กช่างชอบเอาของประจำสถาบันไปขายกัน อย่างเช่นพวกหัวเข็มขัด หรือตราประจำสถาบัน แหวนรุ่นอะไรเทือกนี้
แต่อะไรก็ไม่สำคัญกับพี่สมรมากเท่าการได้ยินเสียงโรมที่นอนร้องโอดโอยหลบมุมอยู่กับจอมแก่น
“เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ยโรม ไปๆ เดี๋ยวไปโรง’บาลเลย อาจารย์เอารถออกเลยค่ะ” พี่สมรพูดพลางหันไปสั่งอาจารย์ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะรีบพยักหน้าให้จอมแก่นช่วยพยุงโรมออกไปจากบริเวณนั้น
ถ้ามันจบแค่นั้นคงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่พี่สมรดันเดินมาหาผมแล้วสั่งซะงั้น
“ส่วนทางนี้ น้องเหนือจัดการให้หน่อยนะคะ เดี๋ยวพี่กลับมา ดูแลเจ้าธารดีๆ อย่าให้หนีไปได้ล่ะ เอาเข้าห้องปกครองแล้วจับแยกไว้เลย ไม่งั้นก่อเรื่องอีกแน่”
เอ้าป้า! ทำไมต้องเป็นกูล่ะ!
ต้องเป็นผมอยู่แล้ว เพราะผมเป็นผู้ช่วยอาจารย์ที่ปรึกษานี่นา แถมพี่สมรสั่งเสร็จก็ไม่รอให้ผมได้แย้งด้วย เดินไปทันที น้องมายด์เลยรีบตามไปด้วยความเป็นห่วงผัวหลวงสุดชีวิต ส่วนผมก็ยืนประจันหน้ากับธารและเด็กคนอื่นๆ ที่กำลังถูกจัดให้เข้าแถวเรียงหน้ากระดาน เด็กคู่อริก็มีอาจารย์ผู้ชายอีกกลุ่มเกณฑ์ไปรวมตัวยังมุมอื่น ได้ยินแว่วๆ ว่ากำลังโทรตามอาจารย์จากวิทยาลัยนั้นมารับทราบเรื่องด้วยเพราะการบุกเข้ามาในวิทยาลัยอื่นเพื่อมาหาเรื่องนี่ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่
ผมยืนมองอยู่ได้ครู่หนึ่ง อาจารย์ดิเรกที่เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองก็เดินเข้ามาหาผม
“เดี๋ยวอาจารย์พาธารใจไปที่ห้องปกครองเล็กนะ ผมจะพาคนอื่นๆ ไปอบรมที่ห้องปกครองใหญ่ก่อน ตัวการใหญ่เอาไว้จัดการทีหลังตอนอาจารย์ฝั่งนั้นมาแล้ว อาจารย์ก็อบรมไปพลางๆ ก่อน”
ฟังแล้วก็เผลอพยักหน้า มาคิดได้อีกทีว่าถ้าผมพาธารไป ก็เท่ากับว่าผมต้องอยู่กับธารสองต่อสอง แถมให้อบรมมันอีก คงไม่โดนมันกระทืบคาห้องปกครองเลยเหรอ
เพราะคิดแบบนี้แหละเลยรีบโพล่งขึ้นมา
“อาจารย์ครับ คือผมอบรมไม่เป็น”
“ก็หัดๆ ไว้ เวลาเป็นอาจารย์จริงๆ แล้วจะได้คล่อง ถ้าไม่ทำ ผมจะบอกให้อาจารย์สมรให้กรอกว่าไม่ผ่านฝึกงานนะ” อาจารย์ดิเรกตอบอย่างไม่ใส่ใจ
แต่คือแบบ...ช่วยดูหน้ากูด้วยว่ากูอยากจะหัดมั้ย แล้วพอเรียนจบ กูอยากจะเป็นอาจารย์จริงๆ หรือเปล่า! แล้วไอ้การขู่ว่าไม่ให้ผ่านฝึกงานนี่คืออะไร!
อยากจะบอกให้แม่งเอาไปอบรมเองเหลือเกิน แต่ไม่ทันละ สั่งเสร็จก็เดินไปต้อนเด็กคนอื่นๆ เข้าห้องปกครองใหญ่เป็นที่เรียบร้อย เหลือแต่ผมกับธารที่ยืนมองหน้ากันอยู่
“มองอะไร ไปสักทีสิห้องปกครองน่ะ” แล้วธารก็ว่าขึ้นมาเสียงขุ่นให้ผมได้ยิ้มโง่ๆ
“พี่เหนือไม่รู้น่ะครับว่าห้องปกครองเล็กอยู่ไหน”
อันนี้ไม่รู้จริงๆ แล้วก็งงด้วยว่ามันจะแยกห้องปกครองใหญ่ ห้องปกครองเล็กกันทำไม อารมณ์เหมือนห้องขังรวมกับห้องขังเดี่ยวเหรอวะ
“ตามมา”
ไม่ทันจะได้คำตอบเลย ธารก็ออกปากเรียกแล้วเดินดุ่มๆ ไปแล้ว ผมเลยรีบก้าวตาม ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องฝ่ายปกครองซึ่งแยกออกเป็นสองห้อง เขียนหมายเลขกำกับไว้หน้าห้อง กลุ่มเด็กแผนกช่างไฟที่ร่วมวงด้วยความมั่วถูกพาเข้าห้องที่หนึ่ง ส่วนผมกับธารก็เข้าไปในห้องที่สอง เพิ่งมารู้ตอนเข้ามาในห้องนี่แหละว่าห้องปกครองเล็กที่ว่า เมื่อก่อนเคยเป็นห้องทำงานของ ผ.อ. แต่พอสร้างอาคารเรียนเพิ่มก็ย้ายไปใช้ห้องอื่น ห้องนี้ก็ถูกเอามาใช้งานอย่างอื่น
รู้นี่ก็ไม่ใช่ว่ารู้เองนะ ธารบอก
ธารเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เอาแขนพาดพนักพิงด้วยท่าทางซังกะตาย ผมเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม มองใบหน้าฟกช้ำนั่นแล้วก็เกิดเสียดายขึ้นมา
หน้าหล่อๆ อย่างนี้ไม่น่าเอาไปรับหมัดรับศอกแบบนั้นเลย เห็นแล้วเสียดายชะมัด เด็กนี่จะรู้มั้ยว่าเด็กที่กรุงเทพฯ พยายามกันแค่ไหนที่จะให้มีหน้าตาดูดีอย่างที่มันมีเนี่ย ทั้งเสริม ทั้งฉีดสารพัด แต่ไอ้คนที่หล่อธรรมชาติสร้างดันไม่ดูแลตัวเองอย่างนี้ น่าด่าชะมัด
เอาวะ ไหนๆ ก็อบรมหน่อยแล้วกัน
“น้องธารครับ”
แค่เรียกชื่อ มันก็ตวัดหางตามามอง ผมเสียวสันหลังวาบขึ้นมาเลย ชักลังเลละว่าควรอบรมมันดีหรือไม่ แต่ถ้าไม่ทำ เดี๋ยวก็โดนอาจารย์ดิเรกไปฟ้องพี่สมร เอาเถอะ เอาสักหน่อยพอเป็นกระษัย
“วันหลังไม่เอาแล้วนะเรื่องต่อยตีน่ะ ไม่น่ารักเลย”
เป็นการอบรมนี่ฟรุ้งฟริ้งมาก นี่กูกำลังอบรมเด็กอนุบาลอยู่หรืออบรมเด็ก ปวช.ปีสามวะ!
ธารก็คงจะคิดว่าโคตรปัญญาอ่อน กลอกตาใส่ผมแล้วก็เบนสายตาไปทางอื่น เห็นท่าทางไม่หือไม่อือของมันแล้วผมก็พอจะเบาใจขึ้นมาได้ว่ามันน่าจะฟัง เลยพูดขึ้นมาอีก
“ฟังพี่เหนือนะน้องธาร การที่น้องธารไปต่อยตีอย่างนั้น ถ้าน้องธารเป็นอะไรขึ้นมา คนที่คอยน้องธารอยู่ที่บ้านจะเสียใจนะครับ”
พูดแค่นี้ ธารก็หันกลับมามองผมอีก แต่รอบนี้จ้องเขม็ง
“เป็นแค่อาจารย์ฝึกสอน อย่ามาทำเป็นรู้ดี อย่ามาสั่งด้วย”
“ถึงจะเป็นแค่อาจารย์ฝึกสอน แต่พี่เหนือก็ถือว่าเป็นอาจารย์นะครับ เอาเป็นว่าสิ่งที่น้องธารทำมันไม่ดีนะ น้องธารทำแบบนี้ คนอื่นๆ ก็จะมองว่าเด็กช่างไม่ดีไปหมด ทำไมเราไม่ทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเพื่อนๆ และรุ่นน้องล่ะ พ่อแม่น้องธารกับอาจารย์จะได้ภูมิใจว่าน้องธารเป็นเด็กดีนะ”
“หุบปาก!” จู่ๆ ธารก็เสียงดังขึ้นมา ทำเอาผมที่พูดๆ อยู่สะดุ้งเฮือก ก่อนจะถูกมันตอกหน้ากลับมารัวๆ “ผู้ใหญ่แม่งก็เหมือนกันหมดแหละ ทำดีแค่ไหนก็มองว่าไม่ดี ไม่เคยเข้าใจด้วยว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ‘จารย์เองก็ด้วย ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะเข้าใจเพราะอายุใกล้ๆ กัน แต่พอเอาเข้าจริงแล้วก็แม่ง ไม่ได้เข้าใจเวรอะไรเลย เข้าข้างผู้ใหญ่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาคุยเว้ย โคตรคิดถูกเลยที่ไม่ไว้ใจเต็มร้อยตั้งแต่ตอนแรก”
มะ...มึงพูดเรื่องอะไร เดี๋ยวๆ ให้กูตั้งสติแป๊บนะว่ากำลังคุยเรื่องเดียวกับมึงอยู่ กูไปเข้าข้างผู้ใหญ่อะไรที่มึงว่าตอนไหนวะ! แล้วไอ้เรื่องไม่ไว้ใจนี่คืออะไร หรือว่า... มันจะรู้ว่าผมเอามือที่จับเป้ามันเมื่อเช้าไปดม!?
เอ๋อกินพร้อมติดสตั๊นจริงๆ งงแรงด้วยว่าไปพูดอะไรขัดใจมันเข้า หากแต่ในระหว่างที่ผมคิดอยู่ ธารก็ลุกพรวดขึ้นมา ทำท่าจะเดินออกจากห้อง ผมเลยรีบลุกไปคว้าไหล่มันไว้
“เดี๋ยวครับน้องธาร จะไปไหน อาจารย์ดิเรกสั่งให้รออยู่ที่นี่นะ”
เพียะ!
ธารปัดมือผมออกเต็มแรง ไม่ปัดอย่างเดียว ผลักผมจนเซไปด้านหลังด้วย ผมหน้าเหวอ ตกใจที่ถูกกระทำโดยไม่ทันตั้งตัว ขณะที่เด็กนั่นมองหน้าผมอย่างกินเลือดกินเนื้อ แล้วแค่นเสียงออกมา
“ไปตายไปไอ้เวร”
เอ้า!
“แล้วอย่าหวังเลยว่าจะได้รถสภาพสมบูรณ์กลับกรุงเทพฯ ก่อนฝึกงานเสร็จ”
เอ้า!
ชูนิ้วกลางให้ด้วย
โอ้โห พาลหนักมาก รู้ชะตาชีวิตรถสุดที่รักเลยว่าจะต้องเข้าอู่อีกบ่อยแค่ไหน แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ธารเดินออกไปนอกห้องทั้งที่ผมยังไม่เข้าใจอยู่ว่าทำอะไรผิด ปิดประตูเลื่อนกระแทกใส่หน้าเต็มแรงด้วย
โหย โกรธแรง แรงมาก แต่ผมยังไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรให้มันโกรธ
บอกกูทีว่ากูไปทำอะไรให้มึงโกรธเนี่ย!
