บท
ตั้งค่า

ชั่งใจ ครั้งที่ 3: เด็กช่างข้างห้อง [3/3]

หากแต่พูดยังไม่ทันจบเลย อีน้องมายด์ก็เด้งตัวขึ้นยืน มาคว้าผมเข้าไปกลางวงแล้ว

“ข้าเจ้าก็มีเฮียนเหมือนกัน บ่ะหันจะเป็นหยังเลย เมาก็ไปสอนได้เจ้า เน้อๆ อ้ายเหนือ มาม่วนกันเต๊อะ (หนูก็มีเรียนเหมือนกัน ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เมาก็ไปสอนได้ค่า นะๆ พี่เหนือ มาสนุกกันนะคะ)”

ฟังแล้วเหมือนกำลังโดนชวนขึ้นเตียงด้วยฉิบเป๋ง ผมก็ตั้งท่าจะปฏิเสธอีกนั่นแหละ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อโรมแทรกขึ้นมา

“เอาน่า’จารย์ ไม่สิ... พี่เหนือ ถือว่าเป็นเลี้ยงต้อนรับจากพวกผมแล้วกัน จะได้รู้จักกันมากขึ้น เลี้ยงตามสไตล์เด็กช่างน่ะ นั่งๆ”

จอมแก่นพยักหน้าเออออกับเพื่อนด้วยทันที หันมาพยักหน้าให้ผมด้วย

คือ...ผมก็อยากจะก๊งกับพวกมันเหมือนกันนะ ตั้งแต่มาที่นี่ แอลกอฮอล์ไม่ซึมเข้ากระแสเลือดสักหยด แต่พอมองไปยังหน้าเจ้าของห้องที่บอกบุญไม่รับแล้ว ผมก็ไม่กล้าจะรับปาก เลยต้องปฏิเสธอีกครั้ง

“พี่เหนือว่าพี่เหนือกลับห้องดีกว่า...”

พูดแล้วก็ทำท่าจะเดินไปยังประตู หากแต่ก็ต้องยั้งขาไว้พลันเมื่อเสียงห้วนๆ ดังขึ้น

“ถ้าก้าวออกจากห้องไปแม้แต่ก้าวเดียว มีเรื่องแน่ ชวนแล้วปฏิเสธนี่แม่งหาเรื่องชัดๆ”

กะ...กูกลัวว่าอยู่ในห้องมึงแล้วจะโดนมึงหาเรื่องนี่แหละเลยต้องรีบออกเนี่ย!

“ประเพณีของเด็กช่างวิทยาลัยเราน่ะครับ ใครถูกชวนกินเหล้าแล้วปฏิเสธ แสดงว่าหาเรื่อง ไม่รักษาน้ำใจ” เห็นผมทำหน้างงๆ จอมแก่นก็เลยเฉลยให้

ให้ตาย ประเพณีอะไรของพวกมึง!

“ตกลงจะนั่งดีๆ หรือจะเจ็บตัว เลือกเอา” ธารว่าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นผมอึกอักอยู่

แล้วผมจะไม่นั่งเหรอครับ นั่งลงทันใดด้วยความรวดเร็ว แต่ไม่นั่งข้างมันนะ กลัวว่าถ้ามันเริ่มเมาแล้ว ผมไปทำอะไรขวางหูขวางตามัน จะโดนเล่นงานอีก

และพอผมยอมร่วมวงด้วย เท่านั้น วงเหล้าพร้อมวงดนตรีเพื่อชีวิตก็เริ่มบรรเลงทันที ผมมารู้เอาก็ตอนนี้แหละว่าพวกเด็กช่างน่ะชอบฟังเพลงเพื่อชีวิตกัน เหตุผลก็คือฟังแล้วมันฮึกเหิม เหมาะกับการปลุกใจเวลาไปตีกับโรงเรียนอื่น

จ้ะ เอาเถอะจ้ะ ตามสบายเลย ทีหลังเวลาพวกมึงไปตีกับโรงเรียนอื่น มึงก็เอาเครื่องเสียงไปเปิดเพลงบางระจันวันเพ็ญขับกล่อมความฮึกเหิมของพวกมึงด้วยนะ

ถึงจะโดนบังคับให้ร่วมวงเหล้า แต่ผมว่ามันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ กระดกไปแก้วสองแก้ว บรรยากาศตึงเครียดระหว่างผมกับเด็กพวกนั้นก็ค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ผมก็เลยพอจะกล้าเป็นฝ่ายชวนคุย

“พวกเราสนิทกันดีจังเลยนะ เป็นเพื่อนกันมานานแล้วเหรอ หรือเพิ่งจะมารู้จักกันตอนเข้าปีหนึ่ง” ที่ถามแบบนี้ก็เพราะเห็นพวกมันกอดคอกันร้องเพลงลั่นนี่แหละ

โรมเงยใบหน้าแดงก่ำจากฤทธิ์เหล้าขึ้นมอง ก่อนเป็นฝ่ายเปิดปากอธิบาย

“รู้จักกันมานานแล้วพี่”

“รู้จักกันมานาน?”

“ผม ไอ้จอมกับไอ้ธารเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ น่ะ แม่ผมเคยเป็นแม่นมไอ้ธาร ส่วนแม่ไอ้จอมเคยทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านไอ้ธาร ก็เลยรู้จักกันมาแต่เด็กน่ะ แต่ไอ้ไม้นี่มารู้จักกันตอนเข้าปีหนึ่ง มันมาจากเชียงใหม่เลยไม่มีเพื่อน แล้วก็โดนแกล้งบ่อย ตอนรู้จักมันครั้งแรก มันกำลังโดนแกล้งพอดี ไอ้ธารเลยเข้าไปช่วย จากนั้นก็สนิทกันมาถึงตอนนี้”

“อ๋อ...” ผมคราง ในหัวก็คิดไปด้วยว่าไอ้เด็กธารก็นิสัยดีเหมือนกันนะ ช่วยคนอ่อนแอเนี่ย แต่ที่น่าชวนคิดมากกว่าก็คือ บ้านของธารทำอะไร ทำไมถึงได้มีแม่นม แม่บ้านอะไรเทือกนี้

ทว่าก็ไม่กล้าถามเมื่อเห็นว่าธารที่กำลังถูกเพื่อนเล่าประวัติให้ฟังนั่งจิบเหล้าเงียบๆ ด้วยสายตาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ จนจอมแก่นพูดขึ้นมานั่นแหละ ผมถึงเบนความสนใจไปอีกครั้ง

“แต่ไอ้ธารมันไม่ได้อายุเท่าผมกับไอ้จอมนะ เป็นเพื่อนกันก็จริงแต่มันแก่กว่าปีนึง”

“หมายความว่าน้องธารเรียนช้า?” เรียกน้องธารอีกละ เหมือนจะติดปากซะแล้วแฮะ แต่ช่างแม่ง เรียกไปก่อน เอาความน่ารักมุ้งมิ้งเข้าข่ม มันจะได้เลิกทำตาขวางใส่ผมสักที

“เปล่า” โรมว่าสั้นๆ ทำเอาผมย่นคิ้ว

“ธารหยุดเรียนไปปีนึงน่ะครับ” คราวนี้จอมแก่นเป็นคนตอบ

“แสดงว่าน้องธารอายุสิบเก้าแล้วน่ะสิ ส่วนคนอื่นก็สิบแปดใช่มั้ย”

ทุกคนพยักหน้ารับ ยกเว้นธาร

“แล้วทำไมถึงหยุดเรียนไปล่ะ” แน่นอนล่ะว่าผมไม่ได้ถามไอ้เด็กนั่น ทำหน้าเหม็นบูดขนาดนี้ ใครจะอยากเข้าไปคุยด้วย

แล้วโรมก็เป็นคนตอบ “มันทำผู้หญิงท้อง”

พรู่ด!

น้องมายด์ที่กำลังซดน้ำสีอำพันเข้าปากถึงกับพ่นใส่หน้าผมเต็มๆ ก่อนจะหันไปแหวใส่โรมเสียงดังลั่น

“เยี้ยะแม่ญิงต้องหาห่าหยัง แม่ต๋ายบะยะ แม่ต๋าย (ทำผู้หญิงท้องบ้าอะไร แม่ตายต่างหากย่ะ แม่ตาย!)”

โรมหัวเราะลั่นพร้อมกับจอมแก่น ไม่สนใจเสียงแว้ดๆ ของน้องมายด์สักนิด ไม่สนใจแม้แต่ผมที่กำลังเช็ดน้ำเหล้าผสมน้ำลายของตุ๊ดนรกนี่ออกจากหน้าด้วย

“แม่ตายถึงกับต้องหยุดเรียนไปปีนึงเลยเหรอ” เช็ดเสร็จ ผมก็ชวนคุยขึ้นมาอีก

ทุกคนเงียบเสียงพลัน มองมาทางผมสลับกับธารด้วย ผมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุขึ้นมาได้ทันที พลันสายตาไม่พอใจของธารก็ตวัดมามองผม

“คุยเรื่องอื่น” มันว่าขึ้นมาสั้นๆ

ผมโล่งอกพลันที่มันไม่ทำอะไรนอกจากพูดแค่นั้น ทุกคนก็เลยเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาทันที

“จะอั้นก็ฮ้องเพลง เอ๊าะ ฮ้องเพลง (งั้นก็ร้องเพลง เอ้า ร้องเพลง!)”

คนเปลี่ยนหัวข้อก็ไม่พ้นน้องมายด์นี่แหละ จากนั้นก็แหกปากร้องเพลง I will survive ลั่น พร้อมเอาผ้าขนหนูมาพันรอบตัวประหนึ่งชุดเดรสเกาะอก สร้างเสียงเฮฮาให้เพื่อนๆ ไปตามประสา จะมีก็แต่ธารนี่แหละที่นั่งนิ่งผิดปกติ ผมแอบลอบมองเป็นระยะก็พอจะรู้ได้ว่าเด็กนี่จะต้องมีปัญหาอะไรในระหว่างที่หยุดเรียนไปนอกจากเรื่องการสูญเสียแม่แน่ๆ

แต่ก็ทำได้แค่มอง ปล่อยให้เวลาหมุนผ่านไป

ผ่านไปค่อนคืน... ค่อนคืนเท่านั้น ศพของเด็กช่างก็กระจัดกระจายให้เห็น

โพ่ง! แล้วคือกูก็ต้องทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อเก็บศพเลยไง! พวกมึงจะเมาไร้สติอะไรกันขนาดนี้!

รถอะไรนี่ไม่ต้องไปเอาแล้วล่ะจุดนี้ ช่างโทรมาตามหลายรอบว่ารถเสร็จแล้ว แต่ผมหาจังหวะออกจากวงเหล้าไปไม่ได้ ก็เลยบอกว่าจะเข้าไปเอาพรุ่งนี้แทน ก่อนผมจะถอนใจอย่างระอาเมื่อเห็นศพที่ต้องเก็บนอนกองอยู่บนพื้น

อีน้องมายด์นี่ไปนอนตายซากขึ้นอืดอยู่ที่ระเบียงหลังจากเล่นเดินแบบแรดๆ แล้วลื่นล้ม ก่อนจะหลับไป ส่วนโรมนี่ก็สภาพไม่ต่างกัน ก่อนหน้านี้บอกว่าจะตักน้ำแข็ง ไม่รู้ตักท่าไหน เอาหัวจุ่มลงไปในกระติกแล้วก็หลับไปเลย ดีที่ตอนที่จอมแก่นยังมีสติสัมปชัญญะพาหมอนั่นเอาหัวออกมา แล้วลากขึ้นไปนอนบนเตียงเสียก่อน ตามด้วยตัวเองที่ขึ้นไปนอนข้างๆ กัน ผมเลยไม่ต้องเหนื่อยกับพวกมันเพิ่ม จะมีก็แต่น้องมายด์นี่แหละที่ต้องไปลากมันเข้ามาในห้อง

ถามว่าผมลากมันขึ้นเตียงไปนอนรวมกับเพื่อนมั้ย?... ไม่ ปล่อยแม่งนอนขึ้นอืดอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ

ส่วนอีกราย... กอดชักโครกประหนึ่งเพื่อนรักอยู่ในห้องน้ำ

ผมเดินมาหยุดหน้าห้องน้ำแล้วก็กลอกตาเมื่อเห็นธารเอาซีกแก้มใสๆ ซบกับขอบชักโครกที่เพื่อนมันสักคนไปฉี่ก่อนหน้า ลำบากให้ผมต้องหาผ้าขนหนูมาชุบน้ำเช็ดหน้าให้อีก ก่อนจะลากออกมาจากห้องน้ำด้วยความลำบากลำบน

ลากไป เสียงพึมพำจากริมฝีปากสีชมพูเรื่อก็ดังไปด้วย

“เฮ้ย... เดี๋ยวแม่งก็ต่อย...คว่ำ”

งั้นกูปล่อยให้มึงหน้าคว่ำจมโถชักโครกทั้งคืนเลยดีมั้ย! ขนาดเมาแล้วยังจะปากดีอีก ในหัวคงจะมีแต่เรื่องต่อยตีสินะถึงได้ละเมอออกมาแบบนี้

ลากออกมากลางห้องได้ ผมก็หยุดยืนหายใจหอบด้วยความเหนื่อย จะลากมันขึ้นเตียงไปก็ไม่ไหว ตัวใหญ่กว่าผมอีก ผมสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบห้า แต่เด็กนี่น่าจะราวๆ ร้อยแปดสิบต้นๆ ไม่เกินร้อยแปดสิบห้า ยังไงก็ตัวใหญ่กว่าเห็นๆ แต่จะปล่อยให้นอนบนพื้นทั้งคืนก็เกรงว่าพอมันตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้ แล้วรู้ว่าผมไม่สนใจไยดี ให้มันนอนพื้นเย็นๆ มันจะมาหาเรื่องแกล้งผมหนักกว่าเดิม ก็เลยยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทำยังไงดี

จังหวะเดียวกับที่สายตาเหลือบไปเห็นที่นอนปิกนิกบนหลังตู้เสื้อผา ผมเลยเอาลงมาปูบนพื้น แล้วลากมันขึ้นไปนอน

“ฟู่ว เรียบร้อย” ลากเสร็จก็พ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง ทิ้งตัวนั่งบนฟูกให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยกลับห้องตัวเอง

นั่งไปก็มองเด็กพวกนี้ไปพลันนึกขำ แค่เหล้ากลมเดียว ดื่มกันตั้งห้าคน แต่ดันเมาปลิ้นกันขนาดนี้นี่เด็กน้อยชะมัด ผมนี่ดื่มเยอะกว่าพวกมันอีก ยังไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรเลย แก่ประสบการณ์กว่าเห็นๆ

“พี่เหนือกลับห้องแล้วนะครับ” หายเหนื่อยแล้วผมก็ร้องบอก ทว่าไม่มีใครตอบรับ ผมเลยนึกสนุกขึ้นมา “กูกลับห้องแล้วนะเว้ยไอ้พวกเด็กเวร!”

ตะโกนเสียงดังแม่ง ฮ่าๆ สะใจ

ไม่มีใครตื่นมาฟังอยู่ดี ผมเลยตั้งท่าจะลุกออกจากห้อง หากแต่พอเอามือยันพื้นเตรียมจะลุกเท่านั้น วงแขนของคนที่นอนอยู่บนที่นอนปิกนิกก็คว้าเอวผมไว้

“อยากตายเหรอ’จารย์”

ยะ...อย่าบอกนะว่ามึงได้ยินที่กูพูดเมื่อกี้!?

ได้ยินแน่นอน ได้ยินแน่ ทำตาขวางกินเลือดกินเนื้ออย่างนี้คงหนีไม่รอด ผมแทบจะยกมือประนมกราบขอโทษมันเลยที่รู้ตัวว่าธารได้ยินเต็มๆ แต่แค่จะยกมือเท่านั้นแหละ แขนใหญ่ที่รัดรอบเอวผมอยู่ก็กระชากผมลงนอนเต็มแรง

ผมที่ไม่ทันตั้งตัวล้มไปนอนข้างๆ ธารแทบจะในวินาทีนั้น หน้านี่ใกล้กันแค่คืบด้วย ขณะที่ธารมองหน้าผมด้วยสายตาปรือ แต่ก็ยังดูแข็ง

“อา...จารย์”

“พะ...พี่เหนือขอโทษครับ” อะไรไม่รู้ กูขอโทษไว้ก่อน

ธารไม่พูดอะไรต่อจากนี้ มองหน้าผมนิดนึงแล้วก็หลับตาลง

หลับตาอย่างเดียวไม่เท่าไหร่ ดึงเข้าไปกอดแน่นด้วย! แขนมาไม่พอ ขาก็ตวัดมาพาดเอวผมไว้ด้วย เฉียดเป้าไปนิดเดียวเอง

ฉิบหายแล้วไอ้เหนือ! ฉิบหายแล้ว!

นอนเกร็งเป็นท่อนไม้เลยจ้า ขณะที่ลมหายใจอุ่นๆ ของเด็กนั่นก็รดคลอเคลียอยู่ที่ต้นคอ

สยิวกิ้วมากเลยแก เร้าใจมากด้วย เร้าใจว่าถ้ามันตื่นมาแล้วเห็นว่ากำลังนอนกอดผมตอนไม่มีสติอยู่ มันจะเปลี่ยนจากกอดมาเป็นกระโดดกัดแทนเหลือเกิน ผมเลยยกมือไปแตะแขนมันเบาๆ ปากก็ร้องเรียกไปด้วย

“นะ...น้องธารครับ ปะ...ปล่อยพี่เหนือก่อนนะ พี่จะกลับห้อง”

ไม่มีเสียงตอบรับจากเด็กเวรที่ท่านเรียก เงียบสงบ เงียบทุกอย่าง มีแต่เสียงหายใจครืดคราดเท่านั้นที่ดังมาให้ได้ยิน ผมเลยอ้าปากเรียกอีก

“น้องธารครับ...”

“ลุกไป...ตาย”

พูดยังไม่ทันจะจบเลย เสียงทุ้มก็ดังมาให้ได้ยินเบาๆ เหลือบหางตาไปมองก็เห็นว่าตอนที่มันพูด มันไม่ลืมตาด้วยเถอะ พูดจบแล้วก็หลับคร่อก ส่งเสียงกรนมาให้ได้ยิน

ส่วนผม... ร้องไห้หนักมาก

นี่กูเป็นอาจารย์มึงนะ ช่วยให้ความเคารพด้วย! อันที่จริงไม่เคารพก็ไม่เป็นไร จะกอดก็ได้ตามสบาย แต่ช่วยใส่เสื้อก่อนกอดด้วย หอบหื่นมันกำเริบ!

อะ...ไอ้เหนือ...สติ...สติ

เจริญภาวนาสติพลัน...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel