บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10 (ep2.)

ทอแสงมองหน้าอรุณรัตนานิ่ง

“สมุดเล่มนั้นมันหายไป ฉันกำลังตามหาอยู่”

“จริงหรือ”

อรุณรัตนาพูดอย่างไม่อยากเชื่อ

“สรุปแล้วใคร อยู่ที่ใคร แล้วไข่ปลา เธอคุยกับใคร เขากำลังจีบเธอหรือเธอจีบเขา”

“โธ่ขิมจะบ้าหรือ ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะไปจีบผู้ชายได้ยังไง”

อรุณรัตนาจีบปากจีบคอพูด พอดีกับสัญญาณไลน์ดังขึ้นอีกครั้ง อรุณรัตนาก็ทำท่าจะแย่งมาแต่ทอแสงไม่ให้ เธอเดินหนีพร้อมกับมองดูข้อความ

“ผมกำลังจะลงใต้ไปกับพี่ชาย อาจจะไม่ได้มากรุงเทพฯนานเป็นเดือน ผมอยากเจอคุณสักครั้ง แล้วผมจะเล่าให้ฟังว่าพี่ชายของผมอาจจะมีอะไรกุ๊กกิ๊กกับพี่สาวคุณ”

ทอแสงอ่านจบก็พิมพ์ตอบกลับ

“ที่ไหน เมื่อไหร่”

เธอพิมพ์เสร็จก็กดส่งแต่อรุณรัตนาก็รีบแย่งกลับมา

“ตายแล้วขิม เธอตอบตกลงทำไม มันง่ายไปนะ อย่าลืมนะว่าฉันเป็นผู้หญิงจะยอมไปพบเขาง่าย ๆ แบบนี้ได้ไง”

อรุณรัตนารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

“งั้นก็บอกมาสิว่าเขาเป็นใคร”

อรุณรัตนานั่งลงแล้วมองหน้าเธอ

“ก็คนที่เดินชนฉันเมื่อวานนี้ที่ภัตตาคารไง”

“หา! เพิ่งเจอกันเมื่อวาน”

อรุณรัตนาพยักหน้า

“เขาขอไลน์แล้วก็คุยกับฉัน เขาจีบฉันเองนะ ฉันเปล่าจีบเขา แต่เธอทำแบบนี้ฉันเสียหายหมดเลย ฉันจะต้องถูกเขามองว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ง่าย”

ทอแสงแทบไม่ได้ยินคำพูดต่อมาของอรุณรัตนาเพราะเมื่อเธอได้รู้ว่าผู้ชายที่คุยกับอรุณรัตนาคือผู้ชายที่เดินชนหล่อนที่ภัตตาคารซึ่งเขาก็คือลูกชายของเจ้าสัวเต็มยศ และพี่ชายของเขาก็คือ..

“นายปรมัตถ์..”

ทอแสงเรียกชื่อเขาออกมา

“ไอ้คนปากแข็ง ขี้ขโมย เอาไปแล้วบอกว่าไม่ได้เอาไป ทุเรศ มันไม่ใช่บทสวดมนต์สักหน่อยจะเก็บเอาไปทำมะเขือเผาอะไร บ้าที่สุด”

ทอแสงเปล่งเสียงออกมาพร้อมกับยกมือตบที่เสาร์ของศาลาก่อนจะยกเท้าเตะ แต่ก็ต้องยกมือกุมเท้าเพราะเจ็บก่อนจะหันหลังเดินจากไป แต่ก็เหมือนนึกอะไรได้ก็เดินกลับมา แล้วยกเท้าเตะซ้ำที่เสาร์ต้นนั้นอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาของอรุณรัตนาที่มองมาอย่างงงงัน กับท่าทางของพี่สาว

“บ้าที่สุดทำเท้าฉันเจ็บได้ไง”

เธอโมโหใส่เสาร์ต้นนั้นแล้วมองหน้าอรุณรัตนานิ่ง

“บอกเขาไปสิว่า หากอยากพบเธอให้เอาสมุดโน้ตเล่มนั้นมาด้วย แล้วเธอจะไปพบ”

อรุณรัตนายังคงนิ่งทำให้ทอแสงยื่นมือไปหมายจะหยิบโทรศัพท์แต่อรุณรัตนารีบสอดลงกระเป๋ากระโปรง

“เป็นอะไรไปขิม”

คำถามนั้นทำให้ทอแสงหงุดหงิดมากขึ้น

“เธอไม่ได้ให้เขาหรือ”

“เขาขโมยไปแล้วบอกว่าไม่ได้เอาไป”

ทอแสงรีบตอบทันที

“แสดงว่าเขาปิ๊งเธอหรือเปล่า”

“บ้าหรือผู้ชายพันธุ์นั้น ฉันไม่สนหรอก”

ทอแสงตอบ

“จริงหรือ หล่อซะขนาดนั้น นี่ขิมรู้ไหม นางชะนีสองตัวที่มาเมื่อวาน ไข่ปลาไม่ได้เจอกันมานานมากเลยนะ นี่พอเราห่างกันไปก็นัดมาเจอกันอีกที หลังจากที่ต่างก็ไปแปลงร่างมาแบบนี้ พวกหล่อนสองคนยังแอบถ่ายรูปเขาเก็บไว้เลยนะ หล่อม๊ากกก”

อรุณรัตนาตอบแล้วก็ยิ้มพลางยกมือสองกุมกันไว้แล้วหลับตาเหมือนกำลังฝัน

“ในเมื่อเธอว่าเขาหล่อทำไมมาคุยไลน์กับคนน้องล่ะ”

“ก็แหม ขิม”

อรุณรัตนามองหน้าเธอ

“ก็เขาคือผู้ชายคนแรกที่ได้แตะต้องไข่ปลาน่ะสิ มือเขามีพลังมากเลยนะ หัวใจของไข่ปลาเต้นไม่เป็นส่ำเลย เขาว่ารักแท้แพ้ใกล้ชิดก็อย่างนี้นี่เอง”

อรุณรัตนาพูดพลางยกมือวางทาบที่ทรวงอกอวบของตนเอง

“เธอเคยหรือยังล่ะขิม”

ทอแสงทำหน้าฉงน

“เคยอะไร”

“ก็เคย ๆ หมายถึงเธอเสียตัวให้ใครหรือยัง มันเป็นยังไงบ้าง ครั้งแรกแตกต่างกับครั้งต่อมาหรือเปล่า มากน้อยแค่ไหน และเขาประทับใจเธอไหม”

ทอแสงหน้าแดงกล่ำขึ้นมาทันที

“บ้าหรือไข่ปลา พูดอะไร”

ทอแสงพูดออกมาเพียงเท่านั้นก็รีบหันหลังเดินหนีไปทันที

“พูดแค่นี้ทำเขิน ไม่เชื่อหรอกว่ายังไม่เคย”

อรุณรัตนาเปรยออกมาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับไลน์ตอบกลับไปหาปวริศ ที่วันนั้นแทบไม่ได้ลุกไปไหน ทั้งสองนั่งอยู่กับโทรศัพท์คุยตอบโต้กันแบบนั้น

ในตอนสายของวันหนึ่ง เป็นวันที่ปรมัตถ์กำลังจะกลับภาคใต้ รถเก๋งสีแดงเพลิงเป็นรถญี่ปุ่นก็แล่นเข้ามาจอดในรั้วคฤหาสน์สถานที่โอ่อ่าอลังการสวยงามตระการตาด้วยมูลค่าเกือบร้อยล้าน

ชาตบุษย์ กะเทยสาวใหญ่เจ้าของบริษัทจัดหาคู่ก็เปิดประตูก้าวลงมาแล้วเดินเฉิดฉายเข้าไปด้านใน พบกับอรวรรยา เพื่อนสาวคนสนิท แต่ทว่าวันนี้อรวรรยากลับไม่อยากเจอหน้าชาตบุษย์เลยสักนิด ทันทีที่ได้เห็นชาตบุษย์เดินยิ้มเข้ามา ประจวบกับปรมัตถ์และปวริศที่ลงมาจากด้านบน ทำให้อรวรรยาอยากจะกลั้นใจตายไปเสียเดี๋ยวนั้น

“เฮลโล่”

เมื่อชาตบุษย์เดินมาถึงก็ส่งเสียงทักทายเพื่อนสาวแล้วยกมือไหว้ท่านเจ้าสัวเต็มยศที่นั่งจิบชาอยู่ด้วย

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะเจ้าสัว ยังดูหนุ่มไม่เปลี่ยนแปลงเลย มีอะไรดีหรือเปล่าเอ่ย ถึงกระชุ่มกระชวยฟิตปั๋งแบบนี้”

เจ้าสัวยิ้มพลางปลายตาไปมองหน้าอรวรรยา ทำให้ชาตบุษย์เปล่งเสียงหัวเราะออกมา

“นึกว่าใครมาซะอีก”

ปวริศร้องทักเมื่อลงมาถึง ทำให้อรวรรยารีบเมินหน้าไปอีกทางในขณะที่ชาตบุษย์หันไปมองปวริศอย่างพิจารณาแล้วมองเลยไปหาปรมัตถ์พลางทำตาหวานส่งให้

“หนุ่มน้อยรูปงามคนนี้ใครหรือคะคุณปลายหนาว”

แทนคำตอบปรมัตถ์ เขานั่งลงยังอาร์มแชร์ตัวตรงข้ามกับเจ้าสัวเต็มยศ ในขณะที่ปวริศ โน้มใบหน้าลงไปหาชาตบุษย์แล้วจุ๊บที่แก้มของหล่อนหนัก ๆ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ อรวรรยาแล้วยกมือโอบไหล่ไว้แต่อรวรรยารีบยกมือปัดแล้วขยับไปหาเจ้าสัวเต็มยศ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel