บท
ตั้งค่า

เมียปรารถนา / ตอนที่ 5

ในวัยเจ็ดสิบย่างเจ็ดสิบเอ็ด อสม เทพฉัตร กลายเป็นคนแก่ขี้หงุดหงิด โมโหง่าย เอาใจยาก แต่บริวารที่อยู่รับใช้เขามานาน ไม่ถือสา เข้าใจว่าเขาต้องต่อสู้กับโรคภัยที่คุกคาม ทั้งโรคหัวใจ โรคภูมิแพ้ และเก๊าท์

คนที่มีโอกาสได้พบเขาในระยะหลัง พูดกันต่อๆว่า เขาแก่ และดูทรุดโทรมลงมาก

คนในสังคมที่อยู่ในวัยกลางคนขึ้นไป พากันตั้งข้อสังเกต และสงสัยว่าเขาจะทำอย่างไรกับสมบัติพัสถานที่มีมากมายเหลือคณา ทั้งเงินสดในธนาคาร อาคารให้เช่า ที่ไร่ที่นาในต่างจังหวัดซึ่งไม่รู้กี่พันกี่หมื่นไร่ และยังกิจการบริษัททำเงินตั้งสามสี่บริษัทในเครือ คฤหาสน์ใหญ่โตประจำตระกูลเทพฉัตรอีกล่ะ อสมตายลง ใครจะเป็นคนได้ไป ในเมื่อลูกสาวคนเดียวที่เขามี ก็ถูกตัดขาดจากความเป็นพ่อลูกไปแล้วกว่ายี่สิบปี เนื่องจากขัดคำสั่งไปมี ‘ผัวฝรั่งหัวแดงตาน้ำข้าว’

อันที่จริง ถึงจะเป็นฝรั่งก็ใช่ว่าจะต้องหัวแดง และมีนัยน์ตาสีน้ำข้าวเสมอไป ฝรั่งผมดำ ตาดำ หรือสีอื่นก็มี และก็ใช่ว่าเขาเคยได้พบลูกเขยที่เขาตราหน้าว่าเป็นฝรั่งกุ๊ย

เมื่อบุตรสาวที่เขาส่งไปร่ำเรียนต่อที่อังกฤษมีจดหมายมาบอกว่าได้อยู่กินและจดทะเบียนสมรสแล้วกับชายชาวอังกฤษ อสมก็ยื่นคำขาดไปทันทีถ้ายังคิดว่าเป็นลูกสาวของเขาอยู่ให้รีบหย่าขาดสามีฝรั่งไร้สกุลและกลับเมืองไทยทันที ไม่เช่นนั้นเขาจะถือว่าไม่มีลูกสาวอีกต่อไป

ยี่สิบกว่าปีก่อน การติดต่อสื่อสารยังใช้การเขียนจดหมาย และโทรเลขทางไกลเป็นหลัก หลังจากมีจดหมายกลับไป สรุปใจความได้คร่าวๆ ว่าเขาไม่มีวันยอมให้ลูกสาวคนเดียวไปมีผัวฝรั่งชั้นต่ำให้เขาต้องรู้สึกอับอายขายหน้าผู้คน สองอาทิตย์ให้หลังอสมก็ได้รับจดหมายตอบกลับ

กราบเท้าคุณพ่อที่เคารพยิ่ง

หนูไม่เคยคิดว่าตัวเองจะไม่ใช่ลูกของคุณพ่อ แต่ถ้าจำเป็นต้องเลือกระหว่างให้เลิกกับสามีที่หนูรัก และยังเป็นพ่อของลูกในท้องหนูเวลานี้ หนูก็คงต้องเลือกที่จะอยู่ที่นี่ บนแผ่นดินที่ผู้คนไม่พากันมาสนใจว่าสามีของหนูจะเป็นใครมาจากไหน

หากคุณพ่อคิดว่าหนูเป็นลูกอกตัญญู นำความเสื่อมเสียเกียรติสู่เทพฉัตรที่คุณพ่อภูมิใจ หนูก็เสียใจ

ท้ายนี้หนูหวังว่าการตัดสินใจของหนูในวันนี้จะได้รับการยอมรับจากคุณพ่อสักวัน

จากลูก

อรุชา

นั่นคือข้อความในจดหมายจากลูกสาวคนเดียวที่มีถึงเขา

ทันทีที่อ่านจดหมายของบุตรสาวจบลง อสมก็ถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัด จากนั้นเขาก็ประกาศกับบริวารทุกคน ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่ยังไม่คลายโทสะ

“ทุกคนฟัง! แต่นี้ไปบ้านนี้จะไม่มีนายชื่ออรุชา และกูก็จะถือเสียว่าไม่เคยมีลูกชื่อนี้!”

ด้วยเหตุนี้ ชื่ออรุชาจึงค่อยๆเลือนหายเหมือนตายจาก

คนเก่าคนแก่ที่เคยเป็นพี่เลี้ยงนางนม ต่างพากันแอบร้องห่มร้องไห้สงสาร ‘คุณหนู’ กันถ้วนหน้า ที่ถูกคุณพ่อตัดขาด

ไม่เคยมีใครอ่านใจ ‘คุณท่าน’ ออก ว่าลึกๆ นอกจากความโกรธเกรี้ยว คุณท่านของพวกเขามีความรู้สึกเช่นไรอีกบ้าง

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่ได้ลั่นวาจาออกมาด้วยความโกรธจัดในครั้งนั้น ก็ไม่เคยมีใครได้ยินอส เอ่ยถึงบุตรีคนเดียวของเขาอีกเลย

ยิ่งเมื่อพี่เลี้ยงนางนมของบุตรสาว ต่างพากันอายุสั้น ล้มหายตายจากด้วยวัยห้าสิบกว่าบ้าง หกสิบบ้าง ก็ยิ่งดูเหมือนว่า อรุชา เทพฉัตร ได้ตายจากทุกคนไปแล้วจริงๆ ทั้งที่ความจริงเพิ่งถึงแก่กรรมภายหลังจากถูกบิดาตัดจากความเป็นพ่อ-ลูก สิบปีต่อมา

อสมรับรู้การเสียชีวิตของบุตรสาวทางจดหมายที่ส่งมาจากจากลอนดอน

ไม่มีใครรู้ใจความในจดหมายนั้น เพราะอสมบอกคนในบ้าน และบรรดาลิ่วล้อที่ทำงานให้เขาสั้นๆ เพียงว่า “ผัวของนังลูกสาวไม่รักดีของฉันบอกมาว่าเมียมันตายแล้ว”

จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก

ไม่มีใครสักคนรู้ว่า ‘คุณท่าน’ ของตนแอบเสียใจหรือไม่ เพียงใด ต่อการ ‘จากตาย’ จริงๆของบุตรสาวที่เขาเป็นฝ่ายตัดขาดเพียงเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมทำตามความประสงค์

แต่ถ้าสังเกต จะเห็นว่า เขายังใช้คำว่า ‘นังลูกสาวไม่รักดีของฉัน’ นั่นย่อมหมายความว่า แม้วาจาของเขา ตลอดจนการกระทำ จะบอกว่าได้ตัดขาดจากความเป็นพ่อลูก กับบุตรสาวคนเดียว ทว่าในใจของเขา ลึกลงไปยังเห็นลูกเป็นลูก ไม่ได้ตัดลูกออกไปจากหัวใจจริง กระทั่งเผลอเรียก ‘ลูกสาวของฉัน’ ออกมาอีกครั้ง แทนที่จะพูดแค่ ‘นังอรุชา’ เมื่อประกาศข่าวการจากไปของบุตรสาวให้บริวารรับรู้

เวลาผ่านไป คนในบ้านก็แทบจะลืมเลือน ว่าคุณท่านของพวกเขายังมีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง เพราะคนเก่าๆก็ล้มหายตายจาก คนรับใช้หน้าใหม่ๆ ก็ไม่มีใครเคยรู้จัก ‘คุณหนูรุชา’

เฉพาะในช่วงเกือบห้าปีหลังมานี้ คฤหาสน์โอ่อ่าประจำตระกูลเทพฉัตรดูซบเซา เมื่อท่านเจ้าของตัดขาดสังคมราวปิดตายจากโลกภายนอก

นอกเหนือจากคนที่ได้รับมอบความไว้วางใจให้ช่วยจัดการกับกิจการงานต่างๆ ที่จะต้องมาคอยรับคำสั่งไปปฏิบัติต่อ ก็ดูเหมือนจะมีอีกบุคคลเดียวที่ยังไปมาหาสู่ไม่ได้ขาด

กระทั่งช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา คนในบ้านซึ่งล้วนแต่อยู่ในฐานะบ่าวรับใช้ และคนงานในบ้าน ก็มีเรื่องตื่นเต้นให้โกลาหล เมื่อ ‘คุณท่าน’ เรียกประชุม และสั่งงานด้วยตัวเอง ให้ทำความสะอาดห้องพักแขกที่อยู่ชั้นบน พร้อมตกแต่งให้ดูน่าอยู่ขึ้น โดยมีเหตุผลตอนท้ายว่า

“หลานสาวข้าจะมาจากเมืองนอก”

แล้ววันที่บริวารในบ้านทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่รอคอยก็มาถึง

“เชิญนั่งก่อนค่ะ”

แม่เฉลารีบเชื้อเชิญ พยายามซ่อนความแปลกใจที่ ‘หลานสาวคุณท่าน’ นอกจากรูปร่างจะผอมบางเอามากๆ ราวกับกินอยู่อดอยากมาเป็นเวลานาน หน้าตาที่ควรมีน้ำมีนวลสมวัยยังดูซูบเซียวอย่างกะคนเพิ่งรื้อไข้ หรืออาจจะยังไม่หายจากอาการเจ็บป่วยดีนัก

อลิศาปฏิบัติตามโดยไม่พูด ไม่ซักถาม และไม่พยายามจะกวาดตามองไปรอบๆ ห้องรับแขกที่ค่อนข้างกว้างขวาง อยู่ถัดห้องโถงกว้างด้านหน้าลึกเข้ามาข้างใน

“ดิฉันให้คนไปบอกนายจอมให้เรียนคุณท่านแล้วค่ะ ถึงว่าจะตื่นเช้า แต่กว่าท่านจะลงมาข้างล่างราวสิบเอ็ดโมง”

แม่เฉลาพูดขึ้นอีกคล้ายจะรายงานกึ่งชวนคุย

“ตลอดช่วงเช้าคุณท่านมักจะนั่งอ่านหนังสือพ์ ทานของเช้า เซ็นเอกสารอยู่ในห้องทำงานชั้นบน บางวันก็รับประทานอาหารกลางวันบนโน้นแล้วถึงลงมา”

แม่เฉลายืนรอ ไม่ยอมผละไป ตาคอยชำเลืองมองร่างโปร่งบางเป็นระยะด้วยความสนใจใคร่รู้ เพราะถึงว่าจะเข้ามาทำงานที่เทพฉัตรเกือบยี่สิบปี นับว่าเป็นคนเก่าที่อยู่มานานคนหนึ่ง แต่แม่เฉลาก็ไม่เคยรู้จัก ‘คุณหนูรุชา’ ลูกสาวคนเดียวของนายจ้าง

คนเก่าแก่จริงๆ ที่ยังอยู่อย่างนายจอม ซึ่งมีหน้าที่คอยรับใช้เจ้านายอย่างใกล้ชิดก็เผอิญเป็นคนพูดน้อย ยิ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัวของนายจ้าง นายจอมจะปิดปากสนิทนัก

“เอ่อ... นายจอมลงมานั่นแล้วค่ะ”

แม่เฉลาพูดขึ้น เมื่อเหลือบไปเห็นชายสูงวัยกว่าตน และยังเป็นเก่าคนแก่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่

อลิศาเงยหน้า มองตรงไปยังบันไดวนขึ้นชั้นบน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel