เมียปรารถนา / ตอนที่ 1
ชายหนุ่มยอมรับกับตัวเอง ก็ไม่เชิงนักว่าเขาถูกกามเทพแผลงศรเข้าเสียบอกในวินาทีแรก ที่ได้สัมผัสหญิงสาวที่เขากำลังจับตามองอยู่ขณะนี้ ซึ่งตอนนั้นหล่อนยังเป็นเพียงเด็กสาวรุ่นๆ
และเขาก็ไม่เคยคิดหาคำตอบอย่างจริงจัง หัวใจของเขาตกเป็นทาสรักของหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่แน่
บางทีจะเป็นตอนที่หล่อนแหงนมองเขา ด้วยดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจากถูกเขาเหนี่ยวตัวหล่อนกลับขึ้นสู่บาทวิถี ในเสี้ยวนาทีเดียวกับที่รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเฉียดไปด้วยความเร็ว
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”เขาถามหล่อนด้วยภาษาอังกฤษแต่ออกสำเนียงอเมริกันที่เขาคุ้นมากกว่า
หล่อนสั่นหน้า แล้วคงนึกขึ้นได้ ตอบเขาเป็นภาษาเดียวกันออกสำเนียงอังกฤษแท้
“ไม่ค่ะ” หล่อนหายใจแรงแล้วจึงพูดต่อ ขณะที่เขายังมองหน้าหล่อนเพลิน “แค่เจ็บศีรษะนิดหน่อย คุณละคะ เจ็บหรือเปล่า บางทีหัวฉันอาจจะทำฟันคุณบิ่นไปแล้วก็ได้”
เขาเกือบลืมตอบ เพราะมัวตะลึงมองใบหน้าที่กำลังแหงนมองเขา
เขาคิดว่าไม่เคยเห็นเด็กสาวรุ่นคนไหน ทั้งสวยงามและน่ารักเท่าหล่อนมาก่อน
หล่อนมีรูปหน้าเรียว คิ้วโค้ง หน้าผากนูนเกลี้ยง นัยน์ตางามยิ่งกว่านัยน์ตาลูกกวางที่ยังอ่อนเดียงสา จนไม่รู้ถึงภยันตรายของเสือสิงห์กระทิงแรดมีขนตายาวงอนล้อมกรอบ จมูกโด่งปลายเชิดเล็กน้อย รับริมฝีปากบางอิ่มสีชมพูระเรื่อเป็นสีเนื้อแท้ดูอ่อนช้อย และน่าจะให้รสชาติที่หวานหอมพอๆกับกลีบกุหลาบชุบน้ำผึ้ง
เขาไม่เคยมีรสนิยมชอบเด็กสาวรุ่นมาก่อน แต่ขณะจับตาอยู่ที่เรียวปากอ่อนช้อยคู่นั้น เขารู้สึกชั้นในกระชับพอดีตัวที่สวมใส่จู่ๆก็ลดไซน์ลงกะทันหันจนบีบรัดสิ่งบ่งบอกความเป็นบุรุษเพศให้อึดอัด
เสื้อโค้ทตัวยาวคลุมเข่า เหมาะสำหรับสวมใส่เผชิญความหนาวเย็นของสภาพอากาศในนครลอนดอนยามนั้น ช่วยเขาให้รอดพ้นจากความอับอายกับภาวะตื่นตัวบริเวณหน้าขาอย่างไม่รู้จักกาลเทศะ
จำได้ว่าเขารีบละสายตาจากเรียวปากบางอิ่มสีชมพูระเรื่อ กลับขึ้นสบตากลมโต เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แกมไม่แน่ใจ จึงนึกขึ้นได้ว่าค้างคำตอบหล่อนอยู่
“ไม่ครับ ผมไม่เป็นไร ฟันผมแข็งแรงราวกับฟันวัวแน่ะ คงไม่หักไม่บิ่นง่ายๆหรอก ดูสิครับถ้าไม่เชื่อ”
หล่อนหัวเราะคิก เมื่อเขายิงฟันให้ดู เสียงหัวเราะสดใสยิ่งกว่าไพเราะเมื่อปราศจากจริต ก่อความรู้สึกปั่นป่วนขึ้นในช่องท้องเขาได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนเขานึกโมโหตัวเอง เพราะถึงว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ตอนนั้นอายุอานามเขาก็เลยวัยหนุ่มรุ่นกระทงที่จะเกิดภาวะตื่นตัวเพียงเพราะเห็นสาวถูกใจมาหลายปี ประสบการณ์เรื่องรักๆใคร่ๆก็ผ่านมาในระดับหนึ่ง แต่เขาก็จำต้องยอมรับ หลังจากพ้นวัยรุ่นตอนต้น ก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาเกิดอารมณ์ปรารถนาได้รุนแรงเพียงมองหน้า มองริมฝีปาก หรือแค่ได้ยินเสียงหัวเราะ
“ฟันคุณสวยจัง”
หล่อนชมเขา ท่าทางชอบใจทำให้ดวงตางามคู่นั้นเปล่งประกายเจิดจรัสขึ้นอีกเท่า...สอง... สามเท่าตัว
“ขอบคุณครับ”
เขาชะงักคำพูดที่กำลังจะพูดต่อ เมื่อมีเสียงบีบแตรจากรถคันที่เพิ่งวิ่งมาหยุดชิดทางเดินเท้าฝั่งตรงข้าม
“ต้องไปแล้วค่ะคุณพ่อมารับแล้ว ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยชีวิต เอ่อ ฉันเอาไว้”
“เดี๋ยวครับ” เขาเรียกเอาไว้ รีบพูดต่อโดยเร็ว เมื่อหล่อนชะงักเท้าที่เตรียมจะวิ่งข้ามทางม้าลายหลังจากมองซ้ายขวาจนแน่ใจ ว่าสามารถข้ามไปยังรถที่จอดรออยู่อีกฝั่งได้อย่างปลอดภัย
“ผมยังไม่ทราบชื่อคุณ เอ่อ หนูเลย พอจะบอกได้มั้ยครับ”
“อลิซค่ะ”
หล่อนบอกเขาแค่นั้นก็ออกวิ่งตื๋อ ข้ามถนนไปอย่างรวดเร็ว
ขณะรถที่จอดรอกำลังเริ่มเคลื่อนออก หล่อนยังอุตส่าห์ลดกระจกยื่นมือออกมาโบก ชะโงกหน้าออกมาตะโกนเสียงใส “thank you very much, …. , goodbye,”
หล่อนขอบคุณและบอลาเขาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขายังยืนแลตามหล่อนอยู่ที่เดิม
ใช่แล้ว!
อาจจะเป็นตอนนั้นเอง ที่เขาหลงรักหล่อน เพราะขณะมองตามท้ายรถฟอร์ดสีน้ำเงินกลายเป็นจุดเล็กๆ เมื่อวิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ วูบหนึ่ง เขารู้สึกราวกับหัวใจถูกควักออกจากอก ปลิวหายไปกับสายลมหนาว
แต่อีกบางที ก็อาจจะเป็นเมื่อเขาได้สำนึก ว่าชีวิตที่เดินมาตามทางราบเรียบ ดูก็ว่าปลอดภัยดี แต่แล้วจู่ๆ ก็ถูกตีเข้าที่หน้าแงจนมึนงงไปชั่วขณะ
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งปี เขาก็ยังไม่ลืมดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยชีวิตชีวาคู่นั้น ว่างๆความใคร่รู้ว่าริมฝีปากบางอิ่มคู่นั้น จะให้รสชาติหอมหวานอย่างที่เขาคิดมั้ย ยังโผล่ขึ้นมารบกวนจิตใจของเขาให้ป่วนปั่นเล่น
อย่างไรก็ตาม เขาถอดใจไปตั้งแต่แรก ว่าคงไม่มีโอกาสเจอหล่อนอีก ในเมื่อเขาอยู่กรุงเทพฯ และหล่อนอยู่ไกลถึงลอนดอน และนั่นมันทำให้เขารู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
แต่แล้ววันหนึ่ง เขาได้รับไหว้วานให้ทำสิ่งหนึ่ง โดยคนที่เขาให้ความเคารพในฐานะญาติผู้ใหญ่ ที่เขารู้จักคุ้นเคยมาแต่เล็กแต่น้อย
เขานึกไม่ถึงเอาเลย ภารกิจที่ได้รับมอบหมายครั้งนั้น จะนำพาเขาให้ได้เจอหล่อนอีกครั้ง แม้จะเป็นการได้เจอที่เขาทำได้แค่เฝ้ามองหล่อนห่างๆ ตามคำสั่งของญาติผู้ใหญ่ท่านนั้น
หลังจากเขาบินไปลอนดอนอีกสองครั้งติดๆ เว้นช่วงแค่เดือนเดียว ซึ่งทั้งสองครั้งหลังนี้ไม่มีใครไหว้วานเขา เขาไปของเขาเองเพราะอยากเห็นหล่อน เขาก็ยังทำได้แค่เฝ้ามองเงียบๆ
หลังจากกลับจากลอนดอนในครั้งหลัง เขาก็ตัดสินใจยึดอาชีพชาวไร่เต็มตัว ผ่านไปหลายปีเด็กสาวรุ่นที่เขาได้พบเมื่อเกือบห้าปีก่อนได้เติบโตเป็นหญิงสาวเต็มตัว
แม้จะซุ่มดูหล่อนอยู่ห่างๆ แต่สภาพของหล่อนก็ทำเอาเขาตกใจ เพราะได้เห็นความซูบเซียวของหล่อน เรือนร่างสูงโปร่งดูผอมบางจนน่ากลัวจะหักกลาง
เขายอมเสียเงิน เสียเวลา พักอยู่ที่ลอนดอนเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ทั้งที่ตั้งใจจะค้างแค่คืนเดียว เพื่อสืบว่าเกิดอะไรขึ้นกับหล่อน แล้วความจริงที่เขาได้รู้ ก็ทำให้เขาแทบจะกรากเข้าไปแสดงตัวกับหล่อน แล้วบอกหล่อนว่าเขาพร้อมจะเป็นหลักพักพิง พร้อมจะรับผิดชอบทั้งตัวหล่อน และ ‘ภาระ’ ที่หล่อนแบกอยู่ แต่เขาก็ได้ยืนมองหล่อนอยู่ห่างๆ เช่นทุกครั้ง เพราะติดในคำมั่นสัญญาที่ญาติผู้ใหญ่ท่านนั้นขอเอาไว้
เขาเดินทางกลับเมืองไทยพร้อมหัวใจที่หนักอึ้ง และเป็นกังวล
สิ่งแรกที่เขาทำ เมื่อถึงเมืองไทย คือไปพบญาติผู้ใหญ่ท่านนั้น เล่าเรื่องที่รู้มาพร้อมขออนุญาตไปพบหล่อน แนะนำตัวกับหล่อน จากนั้นเขาก็จะเสนอให้ความช่วยเหลือแก่หล่อนทุกอย่างที่หล่อนยอมให้เขาช่วย แต่ทว่า คำตอบที่ได้รับ คือคำห้ามขาดไม่ให้เขาไปยุ่งเกี่ยว
เขาทำอะไรไม่ได้ เพราะคำมั่นสัญญาที่ออกจากปากลูกผู้ชาย เป็นอะไรที่เขาไม่สามารถละเมิด หรือทำเป็นไม่แยแสได้
เกือบหนึ่งปี... ตั้งหนึ่งปีเชียวนะ! ที่เขาได้แต่เฝ้ารอ และภาวนาให้หล่อนลดทิฐิ เล็งเห็นความจริงที่ว่าไม่จำเป็นที่หล่อนจะต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิตตามลำพังอย่างคนไร้ญาติขาดมิตร ในเมื่อหล่อนยังมีญาติที่เขามองออกว่าจริงแท้แล้ว ก็เป็นห่วงหล่อนไม่น้อย และคงจะให้ความช่วยเหลือทันทีที่หล่อนออกปาก
ชายหนุ่มนิ่วหน้า เมื่อเห็นว่าร่างโปร่งบางแทบจะปลิวลมที่เขาจับตามองอยู่ เซไปนิดหนึ่งขณะก้าวขึ้นสู่บาทวิถีฝั่งตรงข้าม
เขาต้องใช้ความพยายามอย่างสูง ที่จะไม่วิ่งข้ามถนนไปดึงเอาร่างโปร่งบางเข้าสู่อ้อมกอด จากนั้นเขาก็ขจัดปัดเป่าความทุกข์กังวลของหล่อนให้สิ้นไป
แต่สิ่งที่เขาทำได้ คือยืนมองหล่อนเดินห่างออกไปจนลับตา
