ตอนที่ 7 งานวิวาห์
ตอนที่ 7 งานวิวาห์
หลังจากวันที่ขุนพลพาแม่ประนอมมาสู่ขอตะวันได้ผ่านไป สองวันถัดไปขุนพลก็ได้มาพาตะวันไปดูชุดแต่งงาน การจัดงานและเชิญแขกก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง จนเวลาผ่านไปถึงวันงานแต่ง
เสียงแห่ขันหมากดังขึ้นในช่วงเช้า ที่หน้าบ้านของเจ้าสาวเวลาตามฤกษ์ดีของงานมงคลสมรส ระหว่างตะวันกับขุนพล
"ตะวันเสร็จหรือยัง ขันหมากมาโน่นแล้ว" เจ้าสาวแต่งตัวสวย ด้วยช่างแต่งหน้าทำผมมืออาชีพ ชุดของเจ้าสาวในช่วงเช้าเป็นชุดไทยพื้นเมือง ชุดของเจ้าบ่าวก็เช่นกัน
"เสร็จแล้วๆ เป็นไงบ้าง" วันนี้เจ้าสาวดูตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ
"สวยเวอร์มาก ป่ะลงไปได้แล้ว ทุกคนรออยู่" พราวมุกรับอาสาเป็นเพื่อนเจ้าสาว ส่วนเฮียกล้าเขาก็รับอาสาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเช่นกัน ส่วนลูกสาวตัวเล็กของแม่มุกและพ่อกล้า ถูกลุงผากับป้านาราอุ้มเล่นอยู่ในงาน
หลังจากที่ขบวนขันหมากแห่เข้ามาในบ้านของเจ้าสาวเรียบร้อยแล้ว พิธีต่อไปก็จะเป็นพระสงฆ์สวดให้ความเป็นสิริมงคลกับคู่สมรสทั้งสองคนในวันนี้
"ไปลูก ไปรับน้องมานั่ง" แม่ประนอมสะกิดลูกชาย ให้เจ้าบ่าวของงานเดินไปจูงมือเจ้าสาวมานั่งทำพิธีด้วยกัน ซึ่งใบหน้าของเจ้าบ่าวไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกอะไรออกมาจากทางสีหน้าเลย ผิดกับเจ้าสาวที่ดูตื่นเต้นคึกคักมากเป็นพิเศษ
ภายในงานแต่งวันนี้พิธีต่างๆก็ดำเนินไปตามเวลาของมัน เจ้าสาวเปลี่ยนชุดถี่ยิบ โดยมีช่างถ่ายรูปสามคนเก็บภาพบรรยากาศภายในงาน
จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงงานกินเลี้ยงในช่วงเย็น แต่ก็ยังคงจัดขึ้นที่ลานหน้าบ้านของเจ้าสาวเช่นเดิม ไม่ได้เปลี่ยนสถานที่แต่อย่างใด
ชุดของเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวถูกเปลี่ยนอีกครั้ง เจ้าสาวสวมชุดเจ้าหญิงสีขาวกระโปรงยาว เธอดูสวยสมวัยยี่สิบต้นๆ ส่วนเจ้าบ่าวสวมชุดสูทสีกรมคู่กับรองเท้าหนังสีดำราคาแพง มองดูหล่อเหลาสง่าดูดีสมฐานะ
"ไอ้เจ้าบ่าว" เสียงเฮียผาเรียกชนแก้ว ทำเอาขุนพลไม่กล้าปฏิเสธ
"ขอบคุณครับเฮีย" เขารับเอาแก้วนั้นมาถือไว้แล้วกระดกลงคอรวดเดียวจนหมด
"ไอ้พลมาๆชนแก้ว" แล้วโต๊ะข้างๆก็เรียกอีก ซึ่งขุนพลก็ยอมดื่มอีกเพราะมันคือมารยาท
"พอแล้วลูกเดี๋ยวเข้าหอไม่ไหว" เสียงแม่ประนอมที่เดินถ่ายรูปอยู่ข้างๆรีบสะกิดลูกชาย เนื่องจากเจ้าบ่าวรับแก้วจากแขกในงานมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว จนถึงตอนนี้ก็เริ่มเมาแต่ยังคงเก็บอาการเอาไว้ได้อยู่
"แม่พูดอะไรครับเนี่ย" ขุนพลรู้สึกเกรงใจเจ้าสาวของเขา รีบหันไปมองหน้าตะวันทันที
"จริงมั้ยหนูตะวัน" แม่ประนอมหันมาพูดกับลูกสะใภ้หัวแก้วหัวแหวนของท่าน ซึ่งแม่รำเพยก็ยืนอยู่ด้วย
"จริงค่ะแม่" ตะวันตอบรับเห็นด้วยกับแม่ประนอมที่สุด ทำเอาแม่รำเพยที่ยืนอยู่ด้วยทำหน้าไม่ถูก
"เจ้าพล...ได้ลูกสาวแม่เป็นเมียทำใจเอาหน่อยนะลูก" ประโยคนี้แม่รำเพยพูดกับลูกเขยด้วยท่าทีเห็นใจ
"ไม่เป็นไรครับ น้องน่ารักดี" เธอดูสดใสในแบบของเธอ และที่สำคัญคือเธอชัดเจนมาตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้ถือสา
"หิวกันมั้ยลูก ไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า อีกเดี๋ยวแขกกลับ จะได้ทำพิธีส่งตัวเข้าหอเลย" ทั้งสองถูกพาไปนั่งลงกินข้าวอยู่ที่โต๊ะของพี่ชายทั้งสามคนของตะวัน
เฮียกล้า : ไงไอ้พล ได้น้องสาวกูไปเป็นเมียแล้ว ฝากดูแลด้วยนะเว้ย
ขุนพล : อื้อ
เฮียผา : ก็ลองไม่ดูแลสิ กูเอามึงตายแน่
นารา : ไม่เอาน่าเฮีย...เฮียผาแค่เป็นห่วงน้องค่ะ เฮียพลอย่าถือสาเลยนะคะ
ขุนพล : ผมเข้าใจครับ
เฮียสิงห์ : ได้ข่าวมาว่าบ้านหลังที่มึงอยู่ สร้างเป็นเรือนหอกับเมียเก่าเหรอ
ขุนพล : ครับ
ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ แม่รำเพยกับแม่ประนอมก็พากันมานั่ง ทำให้บทสนทนาจบลงแค่ตรงนี้
#ขุนพล
ผมหันหน้าไปมองตะวัน เห็นเธอทำหน้าจ๋อยๆ ดูเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง ในเมื่อสิ่งที่ทุกคนรู้มามันคือความจริง
เมื่อก่อนผมก็อยู่บ้านหลังเดียวกันกับแม่นั่นแหละ ส่วนบ้านหลังใหม่ที่ผมอยู่ ผมสร้างขึ้นหวังจะทำเป็นเรือนหอกับเธอคนนั้นที่ทิ้งผมไป
เธอบอกเลิกผม เธอให้เหตุผลว่า...ผมรักเธอน้อยกว่าคนใหม่ของเธอ ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงก็คือเธอมีคนอื่นที่รวยกว่าผมนั่นเอง เธอไม่พอใจที่ผมสร้างบ้านหลังไม่ได้ใหญ่ตามที่เธอต้องการ
บ้านหลังนั้นมีสองห้องนอน สองห้องน้ำ มีห้องนั่งเล่น ห้องครัวขนาดกำลังดี และหน้าบ้านสำหรับนั่งตากอากาศรับลม ผมว่าอยู่สองคนกำลังดีแล้ว ส่วนห้องนอนอีกห้องผมทำไว้เผื่อมีลูก
ผมยอมรับว่าตั้งใจสร้างบ้านหลังนั้นไม่ให้ใหญ่มาก เหตุผลก็คือ บ้านหลังใหญ่งานบ้านก็จะเยอะตามมา ไหนจะกวาดจะถู ทุกอย่างดูต้องใช้เวลาไปหมด แต่เธอคนนั้นไม่เข้าใจเจตนาดีของผม
วันที่เธอไปผมเสียใจมาก ผมยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี แต่ดีที่ผมกับเธอคนนั้นยังไม่ได้จัดงานแต่งงานกัน แค่อยู่ด้วยกันก่อนเฉยๆ
"หนูอิ่มแล้ว ขอไปรอในบ้านนะคะ" เจ้าสาวของผมพูดพร้อมกับลุกขึ้น แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน
"ไอ้สิงห์ ไอ้เชี้ย มึงพูดอะไรของมึงเนี่ย" เสียงเฮียผา
"มีอะไรกันเหรอลูก" แม่รำเพยเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าของลูกชายและลูกสะใภ้ของท่าน
"ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ" ผมคิดว่าผมควรต้องเข้าไปอธิบายเรื่องนี้ให้ตะวันเข้าใจ พูดจบผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินตามเธอเข้าไปในบ้าน เห็นเธอนั่งหันหลังให้
"ตะวัน" ผมเดินเข้าไปทางด้านหลังของเธอ เสียงของผมทำให้เธอหันหน้ามา
#ตะวัน
"อ้าวเฮียอิ่มแล้วเหรอคะ"
"ไม่สบายใจเรื่องที่เฮียสิงห์พูดใช่มั้ย" คำถามของเขาที่ดูเหมือนว่ากำลังแคร์ความรู้สึกของฉัน ทำให้ความรู้สึกแย่ๆเมื่อสักครู่เริ่มดีขึ้น ฉันพยายามทำใจบอกกับตัวเองว่านั่นมันก็เป็นเพียงแค่อดีตของเขา จะมาสู้กับปัจจุบันอย่างฉันได้ยังไง!
"ถ้าหนูตอบว่าใช่ เฮียยินดีเล่าให้หนูฟังบ้างได้มั้ยคะ" ปากกับใจฉันตรงกันสุดๆ รู้สึกรักตัวเองจังเลย
"ได้สิ...แต่เอาไว้เล่าวันหลังนะ เมื่อกี้ตะวันกินข้าวไปนิดเดียวเองอิ่มแล้วจริงๆเหรอ"
"เก็บท้องไว้กินเฮียต่อคืนนี้ไงคะ" ฉันยิ้มหวานส่งไปให้เขา แต่หน้าของเขาไม่ได้เล่นด้วยกับฉันเลยสักนิด
"..........."
"ล้อเล่นๆ กลับไปกินต่อก็ได้ค่ะป่ะ" ทำไมฉันถึงได้หายหงุดหงิดง่ายขนาดนี้นะ ว่าแล้วฉันก็จับมือเจ้าบ่าวของฉันแล้วพากันไปนั่งลงที่เดิม กินอาหารบนโต๊ะเมื่อสักครู่นี้ต่อ มีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้นเลย
