ตอนที่ 6 ความสำคัญ
ณ สถานที่สร้างทางรถไฟ
“นั่นพ่อหนิ?” เปียโนกล่าวเมื่อเราลงมาจากรถและเห็นว่าพ่อกำลังเดินไปรอบนอกบริเวณก่อสร้าง ซึ่งสถานที่ก่อสร้างได้ถูกหยุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่มีคนงาน มีแต่พวกหมวกขาวและนักวิชาการมาเดินสำรวจที่ดิน
“มันเป็นจริงอย่างที่พี่คิดสินะ” ผมกล่าวให้น้องสนับสนุนผมในอนาคตว่าผมไม่ได้มั่วนิ่มขึ้นมาเอง และผมกับน้องได้มาที่นี่เพื่อดูการคาดการณ์ก่อนใคร ทั้งๆที่มันควรจะเป็นแบบนั้น แต่พ่อผมกลับมาก่อนนี่สิ…
“อืม ถ้าพ่อมาดูด้วยตัวเองแล้วเราก็กลับกันเถอะ” ผมกล่าวแต่เปียโนก็ได้จับแขนผมเอาไว้
‘พูดสิ…’ ผมยกยิ้มมุมปาก
“แต่เรามาแล้ว เราควรไปเจอพ่อกันก่อนไหม?” เปียโนกล่าวจบผมก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายทันที เพราะถ้าผมเสนอหน้าไปตอนนี้ผมก็จะได้แค่คำชมเชย แต่ถ้ามีน้องคอยออกหน้าให้ ผมอาจจะได้ประโยชน์มากขึ้น
“พ่อ!” เปียโนตะโกนเรียกพ่อทันทีทำให้พ่อรีบหันกลับมามองพวกเราและเดินมาหาเรา
“มาทำอะไรกันล่ะลูก?” พ่อกล่าวถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง เพราะเหมือนเขาจะรู้แล้วว่าที่แห่งนี้มันไม่ปลอดภัยจริงๆ
“เมื่อคืนที่พี่โปรเจ็คเขาพูดเรื่องทางรถไฟในห้องประชุมน่ะ”
“พี่บอกว่าจะมาดูสักหน่อย เผื่อจะช่วยงานพ่อได้บ้าง" เปียโนกล่าว ซึ่งดูเหมือนเปียโนจะชงให้ผมเต็มที่เลยแหละ ไอ้น้องคนนี้มันรู้ใจพี่จริงๆเชียว
“ตอนแรกพี่โปรเจ็คจะไม่ทักพ่อด้วยซ้ำนะ เห็นพ่อกำลังยุ่งอยู่”
“แต่เปียโนคิดถึงพ่อก็เลย…” เปียโนกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะเดินไปออดอ้อนพ่อ
“แหม อยากได้อะไรอีกล่ะลูก” พ่อลูบหัวเปียโนอย่างเอ็นดู เพราะการที่เปียโนทำแบบนี้แสดงว่าเธอต้องการอะไรบางสิ่งแน่ๆ
“เปียโนก็แค่คิดถึงพ่อเองค่ะ”
“จริงๆนะ” เปียโนกล่าวก่อนจะเอาหัวไถแขนพ่อราวกับเป็นลูกแมวอ้อนขอปลาทู
“หึ เดี๋ยวพ่อพาไปกินของอร่อยๆแล้วกัน”
“ว่าแต่โปรเจ็คไม่คิดถึงพ่อเหรอลูก?” พ่อกล่าวถาม ทำให้เปียโนหยุดอ้อนและเหลือบมามองผมทันที
“คิดถึงครับ…” ผมกล่าวจบเปียโนก็อ้าปากค้างไปเลย เพราะโดยปกติแล้วผมจะเมินคำถามพวกนี้
“แต่เห็นว่าพ่อกำลังทำงานกับทีมที่สำคัญ”
“โปรเจ็คก็ไม่อยากเข้าไปกวนครับ” ผมกล่าว
“โปรเจ็ค..สำคัญนะลูก เพราะลูก..จะต้องเป็นคนสานต่อบริษัทนี้ต่อไป”
“งั้นพ่อขอเปลี่ยนคำถาม ทำไมโปรเจ็คถึงมาดูที่ดินนี้กันล่ะ?" พ่อกล่าวถาม และคำถามนี้แหละที่ผมรอตอบมานาน
“เพราะมันคืองานของบริษัทครับ”
“และบริษัทก็คืองานของผมในอนาคต”
“ผมที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจนี้ก็ต้องมาดูสิครับ” ผมกล่าวจบพ่อก็ยิ้มได้ใจทันที
“แนวคิดดีมากลูก ถ้างั้นเดี๋ยวโปรเจ็คกับเปียโนไปรอพ่อที่รถนะ”
“พ่อขอเวลาเคลียร์งานแปปเดียว” พ่อกล่าวก่อนจะเดินกลับไปหาลูกทีม ซึ่งทีมนั้นถ้าผมจำไม่ผิดเป็นทีมที่ร่วมก่อตั้งบริษัทมากับพ่อ และเป็นคนที่ภักดีดีกับพ่อมาก ถึงขนาดที่ในอนาคตพ่อเสียไปแล้ว พวกเขาก็ยังคงอยู่ฝ่ายผมเพราะผมเป็นลูกชายของพ่อ เรียกได้ว่าเป็นบารมีของพ่อจริงๆ
“น่าเสียดายจัง พี่แต่งตัวมาไม่พร้อมเลย” ผมกล่าว เพราะผมใส่ชุดสบายๆมาไม่ได้สวมชุดทำงาน ถ้าไปเจอพวกเขาตอนนี้มีหวังถูกพวกเขาดูหมิ่นผมแน่
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
“ไหนลูกบอกจะงดกินของหวานไง” พ่อกล่าวทำให้เปียโนที่กำลังกินบิงซูอยู่ถึงกับสะดุ้ง
“เปียโนกินเวย์โปรตีน ลดน้ำหนักอยู่ค่ะพ่อ”
“แล้วเดี๋ยวก็จะไปเข้าฟิตเนสกับพี่โปรเจ็คด้วย” เปียโนกล่าวอธิบาย
“เข้าฟิตเนสเหรอ? เปียโนเป็นคนพาพี่ชายไปสิท่า” พ่อกล่าวเพราะให้ตายยังไงผมก็ไม่ไปออกกำลังกายแน่ๆ ผมคงจะตัวติดกับคอมและนอนสบายๆ
“ไม่ใช่เลยค่ะเป็น พี่โปรเจ็กคต่างหากที่ลากเปียโนเข้าฟิตเนส” เปียโนกล่าวด้วยสีหน้าอ้อนวอนส่วนพ่อก็หันมามองผมดังขวับเลยทีเดียว
“พี่ ถ่ายคลิปกัน” เปียโนกล่าวก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปพวกเรากำลังกินบิงซูกัน
“นี่นะคะทุกคน พี่โปรเจ็คเขาเป็นพี่ชายเปียโนจริงๆ”
“ตอนนี้เรากำลังกินบิงซูอยู่กับพ่อด้วยนะคะ”
“เป็นพี่ชายแท้ๆเลยค่ะ”
“พี่โปรเจ็คมาเทียบหน้าหน่อยเร็ว” เปียโนกล่าวก่อนจะยกแขนขึ้นมาโอบหัวผมไปแนบชิดกับหัวของเธอ ซึ่งในคลิปพวกเราดูน่ารักมากๆ คนจะว่าเหมือนแฟนก็ไม่ผิด
“กดลงเลยเหรอ?” ผมกล่าวถามเมื่อถ่ายคลิปเสร็จเปียโนก็กดโพสคลิปเลย
“คลิปแบบนี้มันเป็นคลิปแบบใช้ชีวิตเรียลๆ มีคอมเมนต์มาเราก็ไปตอบกลับเขาด้วยคลิปพวกนี้ได้”
“ทำให้เรามีคลิปลงไปอีกแค่ตอบคอมเมนต์เอง”
“และเดี๋ยวคงจะมีคอมเมนต์ถามเรื่องพ่อแน่ๆ เพราะพ่อเราก็ยังหล่อและบึกบึนอยู่เลย” เปียโนกล่าว ซึ่งมันเป็นแนวคิดที่น่าสนใจมากๆ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ มีคนคอมเมนต์ถามเกี่ยวกับพ่อของเรา
“เว้นช่วงหน่อยล่ะกัน ค่อยหาจังหวะทำคลิปแนะนำพ่อของเรา”
“และเพื่อสร้างกระแสให้บริษัทไมดาสด้วย” เปียโนกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะปิดโทรศัพท์ลงและนั่งกินของว่างกันต่อ ทำให้พ่อถามว่าพวกผมกำลังทำอะไรกันอยู่ ผมก็เลยอธิบายสิ่งที่เปียโนทำไป และเริ่มปูทางไปสู่หนทางการทำเงินเพิ่มเติมจากสื่อโซเชียล เพราะในอนาคตไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็สามารถเอามาขายเอามารีวิวในแอพนี้ได้ทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ที่ดินที่หาคนซื้อยากเพราะต้องตามหาป้ายประกาศขายและเข้าหาบริษัทเท่านั้น แต่ในโซเชียลคนทั่วโลกสามารถเห็นมันหมด
“อืม…น่าสนใจมาก” พ่อกล่าวพร้อมกับกำลังนั่งคิดอะไรหลายๆอย่าง
“โปรเจ็คสนใจลองทำงานให้บริษัทหน่อยไหม?” และในที่สุดพ่อก็กล่าวออกมา ซึ่งมันทำให้ผมยิ้มกว้างอยู่ในใจทันที
“ถ้าพ่อหมายถึงทีมขายด้วยสื่อออนไลน์โปรเจ็คพร้อมเริ่มงานทันทีครับ” ผมกล่าวด้วยความมั่นใจ
“พ่อเชื่อใจลูก ลองไปลิตส์รายการมานะ”
“ไม่ต้องทำตามที่เรียนมาก็ได้ เอาตามที่โปรเจ็คถนัดและเข้าใจง่ายก็พอ” พ่อกล่าว ซึ่งหลังจากนั้นพวกเราก็พูดคุยกันอีกพอสมควรเลย แล้วพ่อก็พาผมไปซื้อเข็มขัดและสูทอีกสองสามชุด ส่วนเปียโนก็ได้ชุดน่ารักๆและกระเป๋าแบรนด์เนมไปอีกใบหนึ่ง
“เดี๋ยวพ่อรออยู่ข้างล่างนะลูก” พ่อกล่าว เพราะหลังจากที่พวกเรากำลังจะกลับจากห้าง แม่ก็โทรมาบอกว่าคืนนี้มีนัดทานข้าวกับนักลงทุนอันดับหนึ่งในประเทศไทย เขาไม่ร่วมกับบริษัทไหน เขาเป็นแค่นักลงทุนเท่านั้น และส่วนใหญ่กำไรที่เขาทำจากตลาดหุ้น ทองคำ และคริปโตมันมากกว่ากำไรจากหลายบริษัทรวมกันอีก เพราะเขาแค่ไปโยนเงินในบริษัทที่น่าสนใจไว้เฉยๆ และเมื่อแม่พูดเรื่องผมให้เขาฟัง เขาก็อยากจะเจอผมสักครั้ง
“ครับ/ค่า”
“พี่แต่งตัวหล่อๆไปเลยนะ” เปียโนกล่าวกับผม เพราะเราสองคนมีแพลนว่าจะถ่ายรูปให้กันด้วย เป็นการสร้างตัวตนในโซเชียลครั้งแรกสำหรับผม ส่วนเปียโนก็อยากจะมีรูปลงไอจีเพิ่ม และครั้งนี้ได้ยินว่าเป็นร้านอาหารหรูสไตล์ฝรั่งเศส เปียโนก็เลยใช้โอกาสนี้เลยล่ะกัน
ทรัพย์สินรวมปัจจุบัน :4,122,142.18 บาท
