ตอนที่ 3.2 ข้าขอท้าดวลกับท่านแม่ทัพหลงเยี่ยน
เขาประกาศเสียงดังให้ทหารทุกคนได้ยิน เหล่าทหารด้านล่างลานประลองต่างหูผึ่งอย่างตื่นเต้น
“ข้าแค่ขอมีใครสักคนที่สามารถเข้ามาถึงตัวข้าได้.. แค่ครั้งเดียวแค่ครั้งเดียว!”
เขาเงียบไปชั่วขณะก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงของคนที่ปลุกขวัญเหล่าทหาร
“ข้าจะเลี้ยงสุราฮวาจื่อที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ฟรีสามเดือน!”
คำพูดของเขานั้นเหมือนกับการปลุกไฟในสนามรบ ทหารทุกคนเริ่มมีความหวังขึ้นใหม่ เสียงฮือฮานั้นดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างพร้อมใจกันปลุกขวัญและกำลังใจอีกครั้ง เสียงของเหล่าทหารดังกว่าครั้งแรกที่เธอได้ยิน ทำให้ลี่เซียนนึกสงสัย เพียงแค่ได้ยินคำว่าสุราฮวาจื่อที่หากินได้แค่จากหอบุปผาและราคานั้น ทุกคนต่างมีกำลังใจที่ชื้นขึ้นเช่นนี้ หรือว่าสุราฮวาจงฮวาจื่ออะไรนั่นจะรสเลิศจริงงั้นเหรอ
"น่าสนใจจริง ๆ"
ไป๋ลี่เซียนยกยิ้มที่มุมปาก เพียงแค่นึกถึงรสชาติที่ห่างหายไปหลายวันก็ทำให้เธอนั้นอยากที่จะลองขึ้นไปต่อสู้กับเขาสักครั้ง เสียงอาวุธที่กระทบกันบนลานประลองยังคงดังต่อเนื่อง คนแล้วคนเล่าที่เข้าไปและถูกหลงเยี่ยนจัดการตกลงมา เธอแทรกตัวเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อประเมินสถานการณ์ สีหน้าของเหล่าทหารที่แพ้พ่ายดูหดหู่ บางคนก็ดูเหมือนอยากจะสู้แต่พอเห็นฝีมือแม่ทัพแล้วก็ได้แต่หน้าถอดสี
เธอมองทหารที่เริ่มไม่มีใครขึ้นไปบนลานประลองอย่างชั่งใจ หลงเยี่ยนยกดาบขึ้นก่อนจะจัดการกับทหารคนสุดท้ายที่ขึ้นไปลานประลองนั้น ก่อนจะใช้ด้ามจับกระแทกทหารคนนั้นจนกระเด็นลงไปจากลานประลอง
"มีอีกไหม! พวกเจ้าไม่อยากชิมรสชาติของเหล้าฮวาจื่อกันงั้นหรือ!"
เขาประกาศกร้าวเสียงดัง พร้อมทั้งเดินวนรอผู้กล้าคนต่อไปที่จะขึ้นมาบนลานประลอง
“ทหารท่านนี้ข้าขอยืมดาบท่านสักครู่”
เสียงเสียดสีของเหล็กดังขึ้นกะทันหัน เมื่อลี่เซียนดึงดาบออกจากฝักของทหารที่อยู่ใกล้ที่สุด แววตาของเธอแน่วแน่ไร้ซึ่งความลังเลแม้แต่น้อย ร่างอรชรพุ่งทะยานขึ้นไปยังลานประลอง ท่ามกลางสายตาของเหล่าทหารที่ยืนมองด้วยความตกตะลึง
ผ้าคลุมสีดำสนิทที่โอบรอบกายเธอปลิวไปตามแรงลมก่อนจะหล่นสู่พื้น เผยให้เห็นร่างของสตรีในชุดสีชมพูหวาน ในมือเรียวนั้นจับดาบแน่น ดวงตาทอประกายอย่างคนที่มั่นใจว่าจะชนะ
"พระชายา!"
ทหารที่ยืนข้างหลงเยี่ยนเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเธอดูจากรูปการณ์แล้วคนนี้น่าจะเป็นองครักษ์ข้างกายของหลงเยี่ยนเป็นแน่
เสียงกระซิบดังขึ้นจากเหล่าทหารด้านล่าง ไม่ใช่เพราะความตื่นตะลึงที่เห็นสตรีก้าวขึ้นมายืนบนลานประลอง แต่เป็นเพราะหญิงสาวผู้นี้คือพระชายาของแม่ทัพปีศาจต่างหาก
"ท่านแม่ทัพ.. หากข้าชนะท่านจะเลี้ยงสุราฮวาจื่อสามเดือนใช่หรือไม่"
เสียงใสเอื้อนเอ่ยท้าทายก้องไปทั่วลานประลอง หลงเยี่ยนมองเธอด้วยแววตาลึกล้ำก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากและก้าวเข้ามาประจันหน้า
"เดิมทีข้าก็แค่เปิดประลองกับทหารของข้า ไม่ได้เปิดดวลกับคนนอก พระชายาเข้าใจอะไรผิดหรือไม่"
"แต่ท่านก็ไม่ได้มีกฎที่บอกว่าคนนอกห้ามประลองไม่ใช่หรือ เจ้าได้ยินไหม.. เจ้าล่ะ.. หรือว่าเจ้าได้ยิน"
ลี่เซียนหันหน้าไปกวาดสายตาถามทหารด้านล่างที่มีท่าทีอึกอัก แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรตอบกลับมา
"ข้ามั่นใจว่าตลอดระยะเวลาที่ท่านท้าดวลนั้น ไม่มีคำว่าเปิดให้ท้าเฉพาะเหล่าทหารผู้ใต้บัญชาเลยนะ แล้วเหตุใดข้าถึงประลองไม่ได้"
หลงเยี่ยนยืนนิ่งมองสตรีผู้นี้อย่างไม่เข้าใจ สตรีไร้ประโยชน์ที่วัน ๆ เอาแต่แต่งตัว อ่อนแอทำอะไรก็ไม่เป็น หากไม่ใช่ว่าต้องรับนางมาเป็นภรรยาเพราะการเชื่อมสัมพันธ์แล้วละก็ ยากนักที่จะคิดว่าคุณชายบ้านไหนจะรับนางไปเป็นภรรยาได้อีก และที่น่าแปลกก็คือตั้งแต่นางฟื้นมาจากความตายนั้นทุกอย่างของนางก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน หากโลกนี้ปีศาจอยู่จริงคงคิดว่านางนั้นถูกปีศาจสิงร่างเสียแล้ว ก็อยากรู้นักว่านางจะทำอย่างไรต่อไป เช่นนั้นเล่นด้วยสักหน่อยก็ได้
"ได้! หากเจ้ามีฝีมือพอข้าย่อมไม่ปฏิเสธ สุราฮวาจื่อสามเดือนไม่มีขาดแม้แต่วันเดียวจะเป็นของเจ้า!"
ทหารที่ยืนอยู่ถูกความกล้าและบ้าบิ่นของเธอทำให้ตกใจ ไป๋ลี่เซียนยิ้มให้แม่ทัพเล็กน้อย มือเล็กนั้นกำกระบี่เอาไว้แน่น ก่อนจะตั้งท่าแล้วเอ่ยกลางลานประลองด้วยเสียงดังฟังชัด
“ข้ามีนามว่าไป๋ลี่เซียน.. ขอท้าดวลกับท่านแม่ทัพหลงเยี่ยน!”
