บท
ตั้งค่า

สำรอง ที่ 1 ตัวแทน

สำรอง ที่ 1

ตัวแทน

สับเปลี่ยนตัว

ปวด!

ฟางเหม่ยหอบหายใจแรง ปวดแปลบไปทั้งศีรษะและบริเวณท้ายทอย นางค่อยๆ ลืมตาที่หนักอึ้งอย่างช้าๆ ก่อนจะพบว่าตนเองอยู่ในเกี้ยวที่กำลังโยกเยกไปมาเพราะถูกลากโดยม้าที่กำลังวิ่งห้อไปยังที่ใดสักแห่งด้วยความเร่งรีบ

“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู”

“ใคร?”

หญิงสาวใบหน้าแป้นแล้นส่งยิ้มกว้างมาให้ ก่อนจะปราดเข้าไปช่วยประคองฟางเหม่ยให้ลุกขึ้นนั่ง

“ข้ามีนามว่า ‘หมิงจู’ ถูกว่าจ้างให้มาดูแลรับใช้คุณหนูในฐานะสาวใช้ตลอดระยะเวลาที่ท่านพำนักอยู่ที่จวนคู่หมั้น เพื่อดูแลอาการป่วยของท่านอ๋องสิบเอ็ดเจ้าค่ะ”

“เป็นสาวใช้ของข้างั้นหรือ ที่จวนของท่านอ๋องงั้นหรือ เดี๋ยวนะ...นี่มันเรื่องอะไรกันข้างงไปหมดแล้ว”

ฟางเหม่ยขมวดคิ้วเข้าหากันมุ่น เหตุการณ์สุดท้ายที่นางจำได้ก่อนจะหมดสติไปก็คือ คณะเดินทางของคุณหนูหลัวน่าเข้าพักที่โรงเตี๊ยมสายน้ำ นางถูกสั่งให้ก้มเก็บปิ่นทองของคุณหนูที่ร่วงหล่นพื้น ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างจะดับวูบลง

คิดพลางยกมือจับที่ท้ายทอย นิ่วหน้าน้อยๆ ด้วยความเจ็บ เดาได้เลยว่าผู้ที่ทำร้ายนางคงเป็นคุณหนูหลัวน่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ทว่าคุณหนูทำร้ายนางทำไม และต้องการอะไร

“นี่เจ้าค่ะ คุณหนูหวงกำชับเอาไว้ว่าเมื่อท่านตื่นให้ข้ามอบจดหมายนี้ให้ท่าน แล้วท่านจะเข้าใจทุกอย่าง”

จงฟางเหม่ยรับจดหมายมาถือไว้ในมือด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ นางพอจะปะติดปะต่อคำพูดของหมิงจูเข้ากับนิสัยของคุณหนูหลัวน่าและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาในวัยเยาว์ได้ทันที

‘ฟางเหม่ยเมื่อเจ้าได้อ่านจดหมายฉบับนี้แสดงว่าเจ้าคงใกล้ถึงจวนท่านอ๋องแล้ว เจ้ามีหน้าที่เป็นตัวแทนข้า ดูแลคู่หมั้นแทนข้า ทำแทนข้าอย่างที่เจ้าเคยทำเรื่อยมาอย่าได้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด

ข้าส่งสาวใช้ฝีมือดีมีวรยุทธ์ไว้อยู่ข้างกายเจ้า เพื่อให้เจ้าได้สำเหนียกว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆ หรือคิดจะหลบหนีเป็นอันขาด’

ประโยคในจดหมายทำให้ฟางเหม่ยถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เหลือบมองสาวใช้หน้าตาใสซื่อทว่าดวงตากลับร้ายลึกนามว่าหมิงจู ท่าทางที่แสดงราวกับว่านอบน้อมต่อนางแต่แท้จริงแล้วกำลังข่มขู่อยู่กลายๆ เมื่อหลุบเปลือกตาลงต่ำจึงเห็นว่าหมิงจูกำลังเอื้อมมือไปกำชับมีดสั้นที่แอบซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อ ก่อนจะยิ้มเย็นคล้ายแค่นหัวเราะอยู่ในที

จงฟางเหม่ยไม่ได้โต้ตอบหรือแม้แต่แสดงท่าทางหวาดกลัวเมื่อเห็นมีด นางก้มลงอ่านจดหมายต่อด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

‘เจ้าต้องคอยส่งจดหมายแจ้งข่าวแก่ข้าทุกวันเพื่อเป็นการยืนยันว่าทุกอย่างยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี ทันทีที่ดวงตาของท่านอ๋องดีขึ้นข้าจะรีบไปสับเปลี่ยนตัวกับเจ้าเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต และข้าขอย้ำว่าเจ้าต้องห้ามปริปากบอกเรื่องนี้แก่ท่านพ่อเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเอง!’

เมื่ออ่านจดหมายจากผู้เป็นนายจบฟางเหม่ยก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วสบถในใจด้วยความเหนื่อยอ่อน

‘ช่างเอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยน’

เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางต้องเป็นตัวสำรองของคุณหนูหวงหลัวน่า...

เมื่อครั้งยังเด็กนางอายุมากกว่าคุณหนูไม่ถึงหนึ่งปี ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกันนางจึงเป็นทั้งเพื่อนเล่น เป็นทั้งสาวใช้คอยตามติดคุณหนูไปทุกหนแห่ง และมักจะถูกคนทั่วไปทักว่าเป็นพี่น้องกันเสมอๆ ด้วยใบหน้ารูปไข่ ผิวพรรณ ความสูง หรือแม้แต่น้ำเสียงที่ใกล้เคียงราวกับเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด

ยิ่งใต้เท้าผู้เป็นประมุขตระกูลหวงค่อนข้างที่จะเอ็นดูนางอย่างออกนอกหน้าแตกต่างจากสาวใช้คนอื่นๆ นางจึงมักได้รับเสื้อผ้า อาหาร และที่พักอาศัยที่ดีเสมอๆ

แน่นอนว่าการที่นางได้รับสิ่งเหล่านั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ ทำให้นางถูกสาวใช้ด้วยกันแอบกลั่นแกล้งด้วยความริษยา จนทำให้นางไม่มีสหายสนิทที่สามารถพูดคุยปรับทุกข์ด้วยได้เลยแม้แต่คนเดียว

ไม่เว้นแม้แต่คุณหนูหวงหลัวน่าที่มองว่าสาวใช้คนสนิทพยายามประจบสอพลอหมายจะแย่งบิดาไปจากตน เมื่อลับตาบิดาก็มักจะแอบยื่นมือมาหยิกตามผิวหนังใต้ร่มผ้าจนเป็นรอยแดงอยู่เสมอๆ

‘คนอย่างเจ้ามันโลภมาก เจ้าอยากแทนที่ข้า เจ้าอยากได้ทุกอย่างที่เป็นของข้า’

‘ไม่จริงนะเจ้าคะคุณหนู ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นกับคุณหนูเลยสักครั้ง’

กระนั้นคำสั่งของใต้เท้าเจียงสงที่ให้ฟางเหม่ยคอยติดตามคุณหนูหลัวน่าไปทุกที่ ทำให้หลัวน่าไม่อาจสลัดฟางเหม่ยออกไปจากชีวิต อีกทั้งยังเพิ่มความเกลียดชังและความริษยาเรื่อยมา

ยิ่งโตฟางเหม่ยก็ยิ่งงดงามกว่า อ่อนหวานกว่า เก่งเรื่องงานบ้านงานเรือนมากกว่า ฉลาดเฉลียวรอบรู้มากกว่า ซึ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป

หวงหลัวน่าเองนั่นแหละที่เป็นคนผลักฟางเหม่ยให้กลายเป็นเงาของตนตั้งแต่ยังไม่พ้นวัยปักปิ่น...

เพราะต้องตามติดคอยดูแลหลัวน่า ฟางเหม่ยจึงต้องเข้าเรียนร่วมกับเจ้านายสาวทุกครั้ง นางเป็นเด็กใฝ่เรียน ใฝ่รู้ ช่างสังเกต จึงมักจะจดจำคำสอนของท่านอาจารย์และหาโอกาสทบทวนคำสอนเหล่านั้นในภายหลังเสมอๆ

เมื่อคุณหนูหลัวน่าจับได้ว่าฟางเหม่ยสามารถอ่านเขียนหนังสือได้ ก็บังคับให้นางแต่งกาพย์กลอน วาดรูป คัดตัวหนังสือด้วยพู่กัน และบังคับให้สาวใช้อ่านตำรามากมายเพื่อสรุปย่อความส่งเป็นการบ้านให้ท่านอาจารย์แทนตน

ทำเช่นนั้นเรื่อยมา ร้ายที่สุดเมื่อย่างเข้าวัยรุ่น ขุนนางเจียงสงต้องการส่งบุตรสาวเพียงคนเดียวไปร่ำเรียนวิชาความรู้เพิ่มเติมที่สำนักทรงธรรมยังแคว้นฮุยผิง

ทว่าหลัวน่ากำลังติดพันสหายกลุ่มใหม่ที่กำลังจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองไห่เหอซึ่งเป็นเมืองท่าติดทะเล อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรือง มีสินค้ามากมายจากต่างแดนให้เลือกสรร ที่สำคัญมีมหรสพหลากหลายให้เสพทั้งวันทั้งคืนราวกับเมืองที่ไม่เคยหลับใหล

คุณหนูหวงจึงบังคับให้สาวใช้ฟางเหม่ยปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วไปเข้าเรียนที่สำนักทรงธรรมแทนตน

กว่าสองฤดูกาลที่ฟางเหม่ยใช้ชีวิตแทนหลัวน่าในสำนักทรงธรรม นางได้วิชาความรู้มามากมาย มากชนิดที่หลัวน่าคงไม่อาจคาดคิด

ว้าย!

จู่ๆ หมิงจูผู้เป็นสาวใช้ถึงกับหวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อฟางเหม่ยแย่งมีดสั้นไปจากตนอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว

“คะ...คุณหนูมีวรยุทธ์ระ...หรือเจ้าคะ”

ฟางเหม่ยไม่ได้ตอบ วรยุทธ์เล็กน้อยเหล่านี้นางได้มีโอกาสร่ำเรียนมาจากสำนักทรงธรรมนั่นเอง เสียดายที่ได้เรียนเพียงแค่สองฤดูกาลผันผ่าน คุณหนูหลัวน่าก็โอดครวญบอกว่าอยากเรียนศิลปะการร่ายรำกับอดีตนางรำของวังหลวง นางจึงไม่ได้กลับไปที่สำนักทรงธรรมอีกเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel